ก้าวเข้าสู่เดือนพฤศจิกายนกันแล้ว ฟุตบอลยุโรปลีกใหญ่ๆ ก็แข่งกันมาประมาณ 3 เดือน หลายทีมเริ่มเห็นทรงเป็นรูปเป็นร่างกันบ้างแล้วว่าจะลุ้นได้ถึงไหน โดยในเดือนนี้ก็มีโปรแกรมคู่บิ๊กแมตช์ให้ดูหลายลีกเยอะพอสมควร แถมยังเปิดกันตั้งแต่ต้นเดือนเลยกับค่ำคืนวันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน ในศึก ‘แดร์ คลาสสิเคอร์’ การพบกันของสองทีมยักษ์ใหญ่แห่งบุนเดสลีกา ลีกฟุตบอลสูงสุดเมืองเบียร์ระหว่าง ‘เสือเหลือง’ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่จะเปิดสนามซิกนัล อิดูน่า พาร์ค ต้อนรับการมาเยือนของ ‘เสือใต้’ บาเยิร์น มิวนิค ก่อนในนัดแรก
สำหรับประวัติคร่าวๆ ของศึก แดร์ คลาสสิเคอร์ คือการพบกันของสองทีมที่แย่งแชมป์ลีกเยอรมัน รวมถึงการซื้อนักเตะกันเป็นประจำ โดยมักจะได้รับคำชมอยู่เสมอว่าเมื่อไหร่ที่ทั้งคู่ลงสนามห้ำหั่นกันจะเป็นเกมฟุตบอลที่มีคุณภาพและคลาสสิคสมชื่อเสมอ แถมยังดึงดูดและน่าติดตามไม่แพ้ดาร์บี้แมตช์อื่นๆ เลยด้วย ซึ่งเรื่องที่น่าสนใจอีกอย่างคือการเป็นคู่แข่งกันของทั้งคู่ ไม่ได้มีจุดเริ่มต้นมาจากประเด็นทางการเมือง หรืออยู่ในภูมิภาคเดียวกันเหมือนกับทีมใหญ่ทีมอื่นๆ เพราะพวกเขามาเป็นคู่รักคู่แค้นกันเมื่อช่วงทศวรรษ 1990 ที่ดอร์ทมุนด์เริ่มขึ้นมาต่อกรกับบาเยิร์นได้ คว้าแชมป์ลีกไปในฤดูกาล 1994/95 และ 1995/96 นอกจากนี้ทั้งคู่ยังเคยเจอกันในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศ เมื่อปี 2013 ด้วย โดยตอนนั้นเป็นบาเยิร์นที่คว้าชัยไปได้ 2-1
ส่วนพรีวิวความพร้อมของทั้งคู่ในคืนวันเสาร์นี้ เริ่มจากฝั่งเจ้าบ้านอย่าง ดอร์ทมุนด์ ก่อน ปีนี้ทัพ ‘เสือเหลือง’ ตั้งแต่ออกสตาร์ทมายังไม่แพ้ใครเลย ชนะไป 6 เสมอ 3 เก็บได้ 21 คะแนน ยิงไปแล้ว 20 ประตู และเสียไป 11 ประตู อยู่ในอันดับที่ 4 บนตารางคะแนน ซึ่งเดอะแบกของพวกเขาในเวลานี้ต้องยกให้ทาง ยูเลี่ยน บรันด์ท มิดฟิลด์วัย 27 ปี ที่ฟอร์มกำลังเข้าฝักสุดๆ ยิงไปแล้ว 4 ลูก พร้อมกับทำแอสซิสต์ไปแล้วอีก 4 ครั้ง โดยในทุกรายการพวกเขาลงเล่นไปแล้วทั้งหมด 14 นัด แพ้ไปเพียงแค่นัดเดียวต่อปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก
ต่อกันที่ฝั่งของทีมเยือนกันบ้าง บาเยิร์น มิวนิค ก็ยังเป็นอีกหนึ่งทีมที่ยังไม่แพ้ใครในบอลลีกซีซันนี้เหมือนกัน เก็บชัยชนะไป 7 นัด เสมอ 2 นัด มี 23 คะแนน รั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงอยู่ในตอนนี้ แถมการได้ แฮร์รี่ เคน มาเสริมทัพก็ทำให้ฟอร์มเกมรุกดุเดือดสุดๆ ถลุงประตูคู่แข่งไปแล้ว 34 ลูก และเสียประตูไปแค่ 7 ลูกเท่านั้น แล้วแน่นอนว่านักเตะที่ทำผลงานได้ดีที่สุดก็คือกองหน้าทีมชาติอังกฤษนั่นแหละ เพราะเขายิงประตูเป็นดาวซัลโวของทีมตอนนี้ที่ 12 ประตู และแอสซิสต์ไป 5 ลูก มากที่สุดในทีมเหมือนกัน แต่นัดที่แล้วในบอลถ้วยเดเอฟเบ โพคาล พวกเขาเพิ่งจะพลาดท่าแพ้ ซาร์บรุคเค่น ทีมอันดับ 15 ในลีกระดับ 3 ของเยอรมัน ไป 2-1 จอดป้ายฟุตบอลถ้วยในประเทศตั้งแต่รอบที่ 2
และสำหรับการเจอกันของทั้งคู่ในวันเสาร์นี้ แน่นอนว่าคงเป็นทางเสือใต้ที่น่าจะเหนือกว่า เพราะจากสถิติการเจอกันตลอด 10 นัดหลังสุด พวกเขายังไม่แพ้เลยแม้แต่นัดเดียว โดยชัยชนะของดอร์ทมุนด์เหนือบาเยิร์นครั้งสุดท้าย ต้องย้อนไปถึงปี 2019 ที่เปิดบ้านชนะไปได้ 2-0 แต่ยังไงก็ตามบาเยิร์นก็ประมาทไม่ได้ และที่แน่ๆ คือแมตช์นี้น่าจะออกมาในแบบเต็มคุณภาพสมชื่อ ‘แดร์ คลาสสิเคอร์’ แน่นอน แล้ววันนี้เราก็มีสถิติการพบกันของทั้งคู่มาฝากทุกคนด้วยครับ
