Red Bull ปิดจบ! สรุปผล F1 2023 เรซที่ 22 ‘Abu Dhabi Grand Prix’

เดินทางมาถึงสนามสุดท้ายแล้วสำหรับศึกรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก หรือ Formula 1 ฤดูกาล 2023 โดยหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจที่ทวีปอเมริกายาว 4 สนามรวด ทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกา 2 สนาม, ประเทศเม็กซิโก 1 สนาม และ ประเทศบราซิล 1 สนาม ก็กลับมารูดม่านปิดซีซันกันที่ทวีปเอเชียอีกครั้งกับ ‘Abu Dhabi Grand Prix’ ที่สนาม Yas Marina Circuit ในกรุงอาบูดาบี เมืองหลวงของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งไฮไลท์หลักๆ ในเรซสุดท้ายอยู่ที่การแย่งชิงอันดับที่ 2 บนตารางคะแนนทีมผู้ผลิตระหว่าง เมอร์เซเดส กับ เฟอร์รารี่ ที่ไล่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด ผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ติดตามได้เลยครับ

Abu Dhabi Grand Prix เริ่มจัดการแข่งขัน Formula 1 อย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อปี 2009 และแข่งยาวต่อเนื่องมาจนถึงปีปัจจุบัน โดยแทร็คที่ใช้ทำการแข่งขันมีชื่อว่า Yas Marina Circuit อยู่ในกรุงอาบูดาบี เมืองหลวงของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งในปัจจุบันเป็นเวอร์ชันที่สองแล้ว ใช้มาตั้งแต่ปี 2021 ส่วนเวอร์ชันแรกใช้ตั้งแต่ปีแรกถึงปี 2020 โดยไฮไลท์ของสนามนี้คือมีโรงแรม W Abu Dhabi โรงแรมห้าดาวสุดหรูวางคร่อมอยู่บริเวณสนามด้วย 

มาต่อกันที่ข้อมูลของสนาม Yas Marina Circuit สนามแข่งขันประจำศึก Abu Dhabi Grand Prix กันบ้าง แทร็คนี้มีความยาวทั้งหมด 5.281 กิโลเมตร ทำการแข่งขันกันทั้งหมด 58 รอบ เป็นเซอร์กิตที่มีทางตรงให้ได้ใช้ความเร็วยาวๆ ทั้งหมด 2 ช่วง โดยช่วงแรกจะอยู่บริเวณหลังออกโค้งที่ 5 ยาวไปจนถึงก่อนเข้าโค้ง 6 ส่วนอีกช่วงจะต่อกันเลยหลังจากออกโค้ง 7 ที่เป็นโค้ง Chicane และผ่านโค้ง 8 วิ่งยาวไปจนก่อนเข้าโค้ง 9 ที่เป็นโค้งตัว U ทั้งสองช่วงสามารถเปิดปีกท้ายเพิ่มความเร็ว หรือ DRS ได้ นอกนั้นก็จะเป็นโค้งเล็กๆ ผสมกับโค้งลึก

โดยในเรซสุดท้ายของฤดูกาลก็ได้มีบรรดาดาวดังเซเลบริตี้จากหลากหลายวงการมาร่วมชมการแข่งขันด้วย เริ่มตั้งแต่รอบควอลิฟายในวันเสาร์ที่มี Sergio Aguero อดีตกองหน้าของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มาในลุคสุดเท่ด้วยการใส่เสื้อของทีม ‘เรือใบสีฟ้า’ ในรูปแบบชุดแข่งรถ นอกจากนี้นักฟุตบอลก็ยังมี Kevin De Bruyne กองกลางแมนฯ ซิตี้ ที่บาดเจ็บอยู่มาดูเช่นกัน เพราะทั้งคู่มาในฐานะตัวแทนของสปอนเซอร์ประจำการแข่งขันอย่าง Etihad Airways ที่เป็นสปอนเซอร์ของสโมสรเช่นกัน และอีกคนคือ Ronaldo ‘R9’ ศูนย์หน้าระดับตำนานของทีมชาติบราซิล ส่วนกีฬาอื่นก็มี Maria Sharapova อดีตนักเทนนิสสาวชาวรัสเซีย และก็มีนักแสดงชื่อดังอย่างเช่น Orlando Bloom, Jason Statham และ ‘เทพเจ้าสายฟ้า’ Chris Hemsworth   

สำหรับอันดับ Starting Grid สนามนี้ Max Verstappen นักขับแชมป์โลกจองตำแหน่ง Pole Position ได้เหมือนเดิม ต่อด้วยอันดับที่ 2 อย่าง Charles Leclerc จาก Ferrari สำหรับอันดับที่ 3 เป็นทาง Oscar Piastri ของทีม McLaren ที่กลับมาทำผลงานได้ดีจนได้ออกสตาร์ทในแถวแรกอีกรอบ ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมอย่าง Lando Norris เริ่มในอันดับที่ 5 ส่วนทางฝั่งของ Mercedes ที่ต้องลุ้นแย่งอันดับ 2 กับทีมม้าลำพอง ก็ได้อันดับออกสตาร์ทที่ดีใช้ได้จาก George Russell ในอันดับ 4 และที่เซอร์ไพรส์มากๆ คืออันดับ 8 กับ Nico Hulkenberg จากทีม Hass นอกจากนี้อันดับอื่นๆ ที่น่าสนใจก็มี Yuki Tsunoda ของ AlphaTauri ได้อันดับ 6, Fernando Alonso ของ Aston Martin อันดับ 7, ‘Checo’ Sergio Perez อันดับ 9, Lewis Hamilton อันดับที่ 11 และปิดท้ายด้วย Alexander Albon นักขับชาวไทยเริ่มในอันดับที่ 14

มาต่อที่ช่วงการแข่งขัน Main Race ของ Abu Dhabi Grand Prix ที่ต้องบอกว่าสนุกตั้งแต่ออกสตาร์ทช่วงโค้งแรกเลย เพราะเหมือน Charles Leclerc ที่เริ่มในอันดับที่ 2 จะออกตัวได้ดีกว่าทางนักขับแชมป์โลก เข้าไลน์ในได้ก่อน แต่ด้วยฝีมือการขับบวกกับความเก๋าของ Max Verstappen ที่แม้จะอยู่ไลน์นอกแต่ก็ขับแซงรักษาตำแหน่งผู้นำไว้ได้อยู่ดี ส่วนในเรซนี้การต่อสู่ที่ดุเดือดใช้ได้อยู่ที่สองนักขับชาวอังกฤษอย่าง George Russell กับ Lando Norris ที่ผลัดกันแซงอยู่หลายรอบตั้งแต่รอบที่ 7, รอบที่ 11 รวมไปถึงตอนเข้าพิทในรอบที่ 15 ก็เข้าพร้อมกัน แถมยังเกือบชนกันตอนจังหวะออกจากพิทด้วย 

ส่วนอีกคนที่ทำผลงานได้ดีมากๆ คือ ‘Checo’ Sergio Perez เพื่อนร่วมทีมของ Max Verstappen จาก Red Bull Racing ที่ออกสตาร์ทอันดับที่ 9 แต่มีจังหวะไล่ทำอันดับสวยๆ อยู่หลายช็อต ทั้งการแซง Fernando Alonso ขึ้นอันดับที่ 6 ในรอบที่ 25 ต่อด้วยการเบียดเข้าไลน์ในแซง Oscar Piastri ขึ้นอันดับที่ 5 ในรอบที่ 28 จนสุดท้ายเมื่อจบเรซได้ขึ้นไปอยู่อันดับที่ 2 ก็จริง แต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวไปทำตัวเองในช็อตที่ไปกระแทกกับ Lando Norris ในโค้งที่ 6 ซึ่งเขาพลาดเองด้วย เพราะสามารถเลือกที่จะไม่ชนด้วยการเบรกเยอะกว่านี้ เพื่อหักเลี้ยวมากกว่านี้ได้ แต่สุดท้ายก็ไม่ทำ จนทำให้ไปชน และโดน FIA ตัดสินว่าผิด รับโทษปรับ 5 วินาทีไปตามระเบียบ หล่นมาอยู่อันดับที่ 4 เมื่อจบเรซ

และอีกคนที่น่าชื่นชมก็คือ Yuki Tsunoda นักขับสัญชาติญี่ปุ่นของทีม AlphaTauri ที่ทำผลงานได้ดีมาตั้งแต่ควอลิฟายได้อันดับที่ 6 แล้วทำผลงานในเรซได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดการแข่งขัน จนเมื่อจบเรซสามารถจบด้วยการคว้าอันดับที่ 8 คว้าตำแหน่ง Driver of The Day ไปครองได้ด้วย ซึ่งไม่รู้ว่าได้บัฟพลังจากการเจอ Jason Statham นักแสดงที่เป็นไอดอลของตัวเองหรือเปล่า ส่วนผู้ชนะเรซนี้ก็เป็น Max Verstappen แชมป์โลก 3 สมัย เหมือนเดิมที่พุ่งเข้าไปรับธงตราหมากรุกได้เป็นคันแรก พร้อมกับทำ Fastest Laps ได้ในรอบที่ 45 ด้วยเวลา 1:26.933 ซึ่งช่วยให้ Red Bull Racing ปิดฤดูกาล 2023 ได้อย่างยิ่งใหญ่ ในขณะที่อันดับ 2 ของทีมผู้ผลิตที่แย่งกันดุเดือด สุดท้ายเป็นทาง Mercedes ที่ทำได้ดีกว่าทั้ง George Russell กับ Lewis Hamilton ที่เก็บคะแนนได้ทั้งคู่ ผิดกับฝั่ง Ferrari ที่มีแค่ Charles Leclerc เท่านั้นที่จบอันดับที่ 2 แต่เพื่อนร่วมทีมอย่าง Carlos Sainz จบอันดับที่ 18  

ส่วนผลการแข่งขันของนักขับคนอื่นๆ ใน Abu Dhabi Grand Prix รวมถึงอันดับคะแนนสะสมล่าสุดของนักแข่งและทีมผู้ผลิต จะเป็นอย่างไรบ้าง ติดตามด้านล่างนี้ได้เลยครับ

ผลการแข่งขัน Abu Dhabi Grand Prix

1. Max Verstappen (Red Bull Racing)
2. Charles Leclerc (Ferrari)
3. George Russell (Mercedes)
4. Sergio Perez (Red Bull Racing)
5. Lando Norris (McLaren)
6. Oscar Piastri (McLaren)
7. Fernando Alonso (Aston Martin)
8. Yuki Tsunoda (AlphaTauri)
9. Lewis Hamilton (Mercedes)
10. Lance Stroll (Aston Martin)
11. Daniel Ricciardo (AlphaTauri)
12. Esteban Ocon (Alpine)
13. Pierre Gasly (Alpine)
14. Alexander Albon (Williams)
15. Nico Hulkenberg (Haas F1 Team)
16. Logan Sargeant (Williams)
17. Zhou Guanyu (Alfa Romeo)
18. Carlos Sainz (Ferrari)
19. Valtteri Bottas (Alfa Romeo)
20. Kevin Magnussen (Haas F1 Team)

5 อันดับคะแนนสะสมนักแข่ง

1. Max Verstappen 575 คะแนน
2. Sergio Perez 285 คะแนน
3. Lewis Hamilton 234 คะแนน
4. Fernando Alonso 206 คะแนน
5. Charles Leclerc 206 คะแนน

* Fernando Alonso ได้อันดับที่ 4 เพราะจบอันดับที่ 2 ในเรซได้เยอะกว่า Charles Leclerc

อันดับคะแนนสะสมทีมผู้ผลิต

1. Red Bull Racing 860 คะแนน
2. Mercedes 409 คะแนน
3. Ferrari 406 คะแนน
4. McLaren 302 คะแนน
5. Aston Martin 280 คะแนน
6. Alpine 120 คะแนน
7. Williams 28 คะแนน
8. AlphaTauri 25 คะแนน
9. Alfa Romeo 16 คะแนน
10. Haas F1 Team 12 คะแนน