วิจัยเผย นักฟุตบอลมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคอัลไซเมอร์มากกว่าคนทั่วไปถึง 60 เปอร์เซ็นต์

17 มีนาคม 2566 - 06:51

football-increases-risk-disease-SPACEBAR-Thumbnail
  • นักวิจัยชาวสวีเดนพบว่า นักฟุตบอลอาชีพมีโอกาสเป็นโรคอัลไซเมอร์มากกว่าคนทั่วไปถึง 60 เปอร์เซ็นต์

งานวิจัยดังกล่าวได้ทำการศึกษาอัตราการเกิดภาวะสมองเสื่อม ของบรรดาผู้เล่นระดับโปรในลีกสูงสุดของสวีเดน เปรียบเทียบกับอัตราของประชากรทั่วไป ซึ่งผลออกมาว่า 8 เปอร์เซ็นต์ของบรรดานักฟุตบอลกลุ่มตัวอย่าง มีอัตราเสี่ยงสูญเสียความทรงจำ ต่างจากผู้คนธรรมดาที่มีความเสี่ยงเพียง 5 เปอร์เซ็นต์จากทั้งหมด 

โดย ดร.ปีเตอร์ อุเอดะ จากสถาบันวิจัย Karolinska ผู้เป็นเจ้าของงานวิจัยชิ้นนี้กล่าวว่า 
“เป็นที่ยืนยันแล้วว่า นักฟุตบอลอาชีพนั้นมีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป ที่จะเกิดโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของระบบประสาท เมื่ออายุมากขึ้น” 
 
“ปัจจุบันเกิดการเรียกร้องจากคนกีฬาแขนงต่างๆ เพื่อยกระดับมาตรการในการปกป้องสุขภาพสมองของนักกีฬา ซึ่งงานวิจัยของเราน่าจะสามารถใช้เป็นแนวทางในการหาวิธีที่จะจัดการความเสี่ยงเหล่านั้น” 
 
อนึ่งโรคอัลไซเมอร์เป็นสาเหตุสำคัญของผู้ป่วยสมองเสื่อมถึงร้อยละ 60-70 เปอร์เซ็นต์ และเป็นโรคที่มีผู้ป่วยราว 50 ล้านคนทั่วโลก หรือทุกๆ 68 วินาทีจะมีผู้ป่วยเป็นอัลไซเมอร์เพิ่มขึ้น 1 คน ซึ่งปัจจุบันแม้จะเป็นโรคที่มีอาการชัดเจน แต่ก็ยังไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนใดยืนยันได้ว่าสาเหตุที่แท้จริงของอัลไซเมอร์มาจากอะไร มีเพียงได้แต่คาดเดาปัจจัยเสี่ยงเช่น อายุที่เพิ่มขึ้น ประวัติโรคจากสมาชิกครอบครัว อาการซึมเศร้าเรื้อรังที่ไม่ได้รับการรักษา หรือกระทั่งโรคหัวใจ 
 
ซึ่งนอกจากรายงานจากสวีเดนแล้วนั้น ยังมีวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่ตีพิมออกมาว่า ความเสี่ยงของโรคทางสมองมีความเกี่ยวข้องกับการโหม่งลูกฟุตบอลอย่างมีนัยสำคัญ โดยผู้ค้นคว้าได้ติดตามอาการโรคทางสมอง ซึ่งรวมถึงโรคอัลไซเมอร์ พาร์กินสัน ตั้งแต่ปี 1924-2019 จากนักฟุตบอลระดับสูง 6,000 คน และ ระดับกึ่งอาชีพอีก 55,000 คน   
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1hNOd3A67mUedqZURFJetA/c1aeab7be63ea4fdc6c855ae29f7af07/football-increases-risk-disease-SPACEBAR-Photo01
ผลออกมาพบว่าโดยรวมแล้วนั้น 9 เปอร์เซ็นต์ของนักฟุตบอลอาชีพ ถูกวินิจฉัยว่ามีอาการทางสมอง 1 ใน 2 โรคที่กล่าวไปข้างต้น เปรียบเทียบกับคนธรรมดาที่มีอัตรา 6 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งความเสี่ยงจะสูงเพิ่มขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์ในผู้เล่นในสนามที่มีโอกาสต้องใช้หัวโหม่งบอล มากว่าตำแหน่งผู้รักษาประตูที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสโหม่งบอลอย่างชัดเจน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์