เจาะเดือดลีกกระทิงดุ!! ความพร้อม ‘บาร์ซ่า ราชัน ตราหมี’ ใครมีดีมากกว่ากัน

แชมป์เก่า อาจโดนเขย่าบัลลังก์ 

บาร์เซโลน่า ภายใต้การคุมทีมของ ชาบี เฮอร์นานเดซ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมหลังคว้าแชมป์ลีกได้สำเร็จในปีที่แล้ว แต่ด้วยภาระทางด้านการเงินของทีมที่ระส่ำระส่ายมาหลายปี ทำให้ในปีนี้การป้องการแชมป์ที่ว่ากันว่าเป็นงานยากอยู่แล้ว อาจจะต้องยากเข้าไปอีก เมื่อทีมมีอันต้องเสียปีกตัวเก่งชาวฝรั่งเศสอย่าง อุสมาน เดมเบเล ให้กับ พีเอสจี แต่ยังไม่มีผู้เล่นในโควตาตัวรุกระดับท็อปเข้ามาแทน แถมยังต้องปล่อยตัวเก๋าอย่าง ฆอร์ดี อัลบา และ เซอร์จิโอ บุสเกตส์ ที่อยู่กับทีมมาร่วมทศวรรษออกไปอีก แม้จะมีการดึงมิดฟิลด์ตัวเก่งที่พึ่งคว้าทริปเปิลแชมป์กับแมนซิตี้อย่าง อิลคาย กุนโดกัน เข้ามาทดแทน แต่ในโควตาแนวรับด้วยงบที่จำกัดจำเขี่ยทีมจึงตัดสินใจเซ็นสัญญากับนักเตะเกรดรองลงมาอย่าง อิญญิโก มาร์ติเนส จาก แอธเลติค บิลเบา และ โอริโอล โรเมอู จาก กิโรนา

แต่ถึงแม้จะมีปัญหาเรื่องการเงิน แต่บาร์เซโลน่าเองมีสมบัติล้ำค่าอยู่ในมือนั่นคือบรรดาดาวรุ่งตัวท็อปจากอะคาเดมีที่ดีที่สุดในโลกอย่าง ‘ลามาเซีย’ ไม่ว่าจะเป็น เปดรี กาบี อันซู ฟาติ และ อเลฆานโดร บัลเด แถมยังมีศูนย์หน้าระดับท็อปอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ เพื่อนร่วมทีมกุนโดกันสมัยดอร์ทมุนต์  

แต่จากฟอร์มนัดแรกที่บุกไปเสมอ เกตาเฟ ก็ได้แต่หวังว่า 3 ตัวเก๋าชุดใหม่ที่เติมเข้ามา โดยเฉพาะศิษย์เก่าจาก ลามาเซีย อย่าง โรเมอู ที่ดูท่าจะต้องเข้ามายืนเป็นตัวจริงในตำแหน่งกลางรับ จะเล่นไหลลื่นไปกับบรรดาเด็กๆ ได้เท่าบุสเกตส์ และ อิลคาย กุนโดกาน ต้องจูนวิธีการเล่นของเขากับ เลวานดอฟสกี้ ให้ได้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่คู่แข่งคนสำคัญอย่าง เรอัล มาดริด จะทำแต้มทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ

มาดริด…มาแรง

แม้จะเสียผู้เล่นคนสำคัญอย่าง คาริม เบนเซม่า ไปให้กับอำนาจเงินตราจากลีกซาอุดีอาระเบีย แต่การได้ จู๊ด เบลลิ่งแฮม เข้ามาแม้ตำแหน่งจะห่างกันคนละโยชน์ แต่สำหรับโค้ชที่ชื่อ คาร์โล อันเชล็อตติ สตาร์คือสตาร์ เขาพร้อมจะยืดหยุ่นปรับแผนการเล่นเพื่อให้นักเตะที่ดีที่สุดของทีมลงสนาม เราจึงได้เห็นตั้งแต่พรีซีซั่น กับการปรับแผนจาก 4-3-3 ที่ใช้มานมนาน มาสู่ 4-4-2 ที่มิดฟิลด์ยืนกันแบบไดมอนต์ และมันก็เวิคไม่หยอก เบลลิ่งแฮม เฉิดฉายทันทีแบบไม่ต้องปรับตัว แถมเมื่อเปิดลีกก็ทำประตูได้ตั้งแต่นัดแรกที่ทีมบุกไปเอาชนะ แอธเลติค บิลเบา 2-0 เป็นผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดในสนาม อีกทั้ง วินิซิอุส จูเนียร์ และ โรดริโก ก็รับบทบาทใหม่ในตำแหน่งหน้าคู่ได้อย่างไม่เคอะเขิน ซึ่งก็ดีที่ว่าความหวังที่ เรอัล มาดริด จะคว้าตัว คีเลี่ยน เอมปัปเป้ นั้นริบหรี่ลงเหลือทน ไม่งั้นบทสรุปของลีกนี้คงจะจบลงแบบคาดเดาได้ง่ายเกินไป

แต่สิ่งที่ต้องกังวลก็คืออาการบาดเจ็บของผู้เล่นคนสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น ติโบต์ กูร์กตัวส์ ผู้รักษาประตูคนสำคัญที่บาดเจ็บหัวเข่ารุนแรงแทบจะปิดฤดูกาลไปแล้ว การเข้ามาทดแทนของ เกปา อาร์รีซาบาลาก้า ที่กำลังจะมีการยืมตัวมาจากเชลซี ก็ยังเป็นเครื่องหมายคำถามตัวโตๆ อยู่ดี แถมจากนัดล่าสุดกองหลังตัวหลักอย่าง เอแดร์ มิลิเตา ก็ทำท่าจะต้องพักยาวไปอีกคนหลังจากมีอาการบาดเจ็บบริเวณ ACL ก็ไม่แน่ว่าอะไรๆ ทำลังดูดีเข้าที อาจจะมีพลิกผันกันตั้งแต่ไก่โห่เลยก็เป็นได้  

‘ตราหมี’ เตรียมเป็น ‘ตาอยู่’ 

แม้ขุมกำลังและชื่อชั้นจะเป็นรอง 2 ทีมข้างบนอยู่นิดหนึ่ง แต่จากฟอร์มในช่วงครึ่งท้ายฤดูกาลที่แล้ว ที่สามารถพลิกสถานการณ์ตัวเองกลับมาจบอันดับ 3 ในลีกได้ แสดงให้เห็นเลยว่า ดิเอโก ซิมิโอเน่ กุนซือผู้เป็นทุกอย่างของทีม กำลังพาตราหมีตัวนี้กลับเข้ารูปเข้ารอยอีกครั้ง กำจัดนักเตะส่วนเกิน และกลับมาเล่นในรูปแบบเกมรับที่ตัวเองถนัดที่สุด ใช้นักเตะที่รู้ใจเขามากที่สุดเป็นตัวหลัก โดยเฉพาะการปลุก อองตวน กรีซมันน์ ให้กลับมาพีคอีกครั้งในวัย 32 ปี ด้วยผลงาน 15 ประตู กับ 17 แอสซิสต์ ในลีกปีที่แล้ว แถมการเสริมทัพก็เน้นหนักๆ ไปที่แนวรับถึง 4 คน มีการเติมตัวเก๋าอย่าง เซซาร์ อัซปิลิกวยตา จาก เชลซี แถมด้วย คากลาร์ โซยุนซู จาก เลสเตอร์ ซิตี้ ซานติอาโก้ มูรินโญ่ จาก ราซิ่ง คลับ เด มอนเตวีเดโอ และ ฆาบี กาลัน จาก เซลตา บีโก้

ถ้าไม่มีอะไรพลิกโผก็ยากที่จะฟันธงว่าตราหมีจะคว้าแชมป์ ลาลีกา สเปน ในปีนี้ได้ แต่ในโลกฟุตบอลที่ไม่มีอะไรแน่นอน ถ้าหาก เรอัล มาดริด และ บาร์ซ่า เกิดพลิกโผพลาดท่าขึ้นมาไม่ว่าช่วงใดก็ตาม ลูกทีมของ ซิมิโอเน่ ก็พร้อมจะตะครุบโอกาสนั้นทันที