ผ่านช่วงครึ่งหลังของฤดูกาลมาสักพักแล้วสำหรับศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่ตอนนี้ก็เริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่การลุ้นแชมป์ ลุ้นพื้นที่บอลยุโรป รวมไปถึงการหนีตกชั้น แน่นอนว่าเมื่อถึงช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ตามธรรมเนียมของฟุตบอลอังกฤษก็จะมีโปรแกรมชิงแชมป์ฟุตบอลถ้วยเล็กอย่าง ‘ลีกคัพ’ หรือชื่อในปัจจุบันที่เรารู้จักกันดีก็คือ ‘คาราบาว คัพ’ ซึ่งจะฟาดแข้งกันที่เวมบลีย์ ในคืนวันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ เวลา 22.00 น. เป็นการพบกันระหว่าง ‘สิงโตน้ำเงินคราม’ เชลซี กับ ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล
โดยพรีวิวคร่าวๆ ขอเริ่มจากฝั่ง ‘สิงห์บลูส์’ กันก่อนที่เส้นทางของพวกเขาต้องเริ่มตั้งแต่รอบ 2 เนื่องจากไม่ได้เข้าไปเล่นฟุตบอลยุโรปรายการใดๆ เลย ประเดิมชนะวิมเบิลดัน 2-1 ต่อด้วยชนะไบรท์ตัน 1-0 ในรอบ 3 และชนะแบล็คเบิร์น 2-0 ในรอบ 4 จากนั้นก็เข้าไปเจอนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ผลคือเสมอในเวลาปกติ 1-1 แล้วไปชนะจุดโทษ 4-2 จากนั้นก็มาผ่านมิดเดิลสโบรห์ ในรอบรองฯ ที่นัดแรกบุกไปพ่ายก่อน 1-0 ด้วย แต่ก็ยังกลับมาแก้ตัวถล่มในบ้านได้ 6-1 ผ่านเข้ารอบชิงมาเจอกับ ลิเวอร์พูล
ในขณะที่ฟอร์มในลีกปีนี้ แฟนบอลก็ได้แต่นั่งกุมขมับ เพราะปัจจุบันพวกเขารั้งตำแหน่ง ‘จ่าฝูงแดนใต้’ อยู่อันดับ 10 เดี๋ยวบางช่วงดี บางช่วงแย่ แทบไม่เจอฟอร์มสม่ำเสมอให้เห็นเลย ส่วนทางด้านความพร้อมของขุมกำลังตอนนี้ แนวรับยังเจ็บกันยาวเป็นหางว่าว ไล่ตั้งแต่ เวสลีย์ โฟฟาน่า, ติอาโก้ ซิลวา, รีซ เจมส์, มาร์ค คูคูเรญ่า, เบอนัวต์ บาเดียชิล และ โรเมโอ ลาเวีย เป็นต้น ซึ่งคิดว่าทาง เมาริซิโอ ปอเช็ตติโน่ ก็คงจะใช้ผู้เล่นชุดเดิมที่บุกไปยันเสมอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-1 เริ่มจาก ยอร์เย เปโตรวิช ส่วนแผงหลัง 4 คน ก็น่าจะเป็น มาโล กุสโต้, ลีวาย โควิลล์, อักเซล ดิซาซี่ และ เบน ชิลเวลล์ ต่อที่กองกลางกับตัวรุกน่าจะยึดแกนเดิม ถ้าเปลี่ยนก็อาจจะมีการเอา มีคายโล มูดรีค และ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ได้โอกาสลงเล่นเป็นตัวจริงบ้าง
มาต่อกันที่ทางฝั่ง ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล กันบ้าง ที่สตาร์ทรายการนี้ในรอบที่ 3 เอาชนะเลสเตอร์ ซิตี้ ไปได้ 3-1 และ็บุกไปเฉือนชนะบอร์นมัธ 2-1 ในรอบ 4 ส่วนในรอบก่อนรองชนะเลิศเล่นในบ้านถล่มเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ยับเยิน 5-1 จากนั้นในรอบรองชนะเลิศก็ชนะฟูแล่ม นัดแรกที่แอนฟิลด์ไป 2-1 และบุกไปยันเสมอนัดที่สอง 1-1 ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศมาด้วยสกอร์รวมสองนัด 3-2 ในขณะที่ผลงานลีกตอนนี้ก็ยังอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ เพราะรั้งตำแหน่งจ่าฝูงอยู่ในเวลานี้ด้วยการมี 60 คะแนน นำหน้าแมนฯ ซิตี้ ที่แข่งน้อยกว่า 1 นัด อยู่ 4 คะแนน
ส่วนในเรื่องของความพร้อมตัวผู้เล่น ถ้าฝั่งเชลซีดูเจ็บเยอะแล้ว บอกเลยว่าฝั่งลิเวอร์พูลเจ็บเยอะกว่า แถมยังเป็นตัวหลักๆ ที่พวกเขาต้องใช้งานด้วย เริ่มตั้งแต่ อลิสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูมือหนึ่งที่เจ็บแฮมสตริงต้องพักต่ำๆ ถึงกลางเดือนมีนาคม ต่อด้วย ดิโอโก้ โจต้า, เทรนด์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, โดมินิค โซบอสซ์ไล, โจเอล มาติป, ติอาโก้ อัลคันทารา, เคอร์ติส โจนส์ แถมอาจจะไม่มีทั้ง ดาร์วิน นูนเญซ และ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ในเกมรุก ที่ต้องรอเช็คอาการอีกทีด้วย ก็ต้องมารอดูกันว่าทางด้าน เยอร์เกน คล็อปป์ จะจัดการกับขุมกำลังที่มีอยู่อย่างไร จะใช้ชุดคล้ายๆ กับนัดที่เปิดบ้านถล่มลูตัน 4-1 หรือเปล่า แต่สุดท้ายเชื่อว่าไหนๆ นี่ก็เป็นซีซันสุดท้ายของคล็อปป์กับ ‘หงส์แดง’ แล้ว ยังไงนัดนี้ลิเวอร์พูลก็น่าจะจัดเต็มเพื่อคว้าแชมป์แรกของฤดูกาลแน่นอน เพื่อเป็นการเพิ่มกำลังใจไปลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในช่วงโค้งสุดท้าย
