ต้องบอกว่าเข้มข้นขึ้นทุกทีสำหรับช่วงเข้าโค้งสุดท้ายของศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2023/24 โดยตอนนี้ที่ลุ้นกันแบบเดือดๆ เลยคือตำแหน่งแชมป์ลีกระหว่าง 3 ทีมใหญ่ที่เป็นทีมเต็งมาตั้งแต่ต้นซีซัน ได้แก่ ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล, ‘เรือใบสีฟ้า’ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ‘ปืนใหญ่’ อาร์เซนอล ซึ่งวันนี้ก็มีโปรแกรมบิ๊กแมตช์ที่จะส่งผลกับตำแหน่งบนตารางคะแนนของทั้งสามทีม นั่นก็คือ ลิเวอร์พูล จะเปิดแอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คิกออฟเวลา 22:45 น.
โดยพรีวิวคร่าวๆ ขอเริ่มจากฝั่ง ‘หงส์แดง’ กันก่อนที่ฟอร์มตอนนี้แรงมาก เพราะหลังจากที่บุกไปแพ้อาร์เซนอล 3-1 พวกเขาคว้าชัยชนะมา 7 นัดรวดแล้ว ไล่ตั้งแต่ในลีกที่ชนะเบิร์นลีย์ 3-1 ถล่มเบรนท์ฟอร์ดและลูตัน 4-1 แล้วเฉือนน็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 1-0 ในขณะที่รายการอื่นๆ พวกเขาก็คว้าแชมป์ถ้วยแรกของปีนี้ไปแล้วคือ ‘คาราบาว คัพ’ เมื่อเฉือนเอาชนะเชลซี 1-0 แถมในปีนี้พวกเขาก็ยังอยู่ในเส้นทางลุ้น 4 แชมป์ เพราะในเอฟเอคัพตอนนี้ก็ทะลุถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ เตรียมไปทำศึก ‘แดงเดือด’ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่วนยูโรป้า ลีก ก็สดใสมากๆ เพราะนัดแรกรอบ 16 ทีมสุดท้ายก็เพิ่งบุกไปถล่มสปาร์ต้า ปราก มา 5-1 โอกาสเข้ารอบไม่น่ามีปัญหาอะไร
สำหรับทางด้านความพร้อมของขุมกำลังในเกมนี้ ทีมของเยอร์เก้น คล็อปป์ ยังมีผู้เล่นหลักบางคนบาดเจ็บนอนพักผ่อนอยู่ในโรงหมอเหมือนเช่นเคย ได้แก่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ที่เจ็บเข่าน่าจะพักต่ำๆ จนถึงสิ้นเดือนนี้, อลิสซง เบ็คเกอร์ เจ็บแฮมสตริง, ดิโอโก้ โจต้า เจ็บเข่า และ ไรอัน กราเฟนแบร์ก เจ็บข้อเท้า แต่โชคยังเริ่มกลับมาเข้าข้างพวกเขาบ้าง เพราะ โดมินิค โซบอสซ์ไล, โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ กลับมาลงเล่นเป็นตัวสำรองในเกมยุโรปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาได้แล้ว เช่นเดียวกับ ดาร์วิน นูนเญซ ที่สองนัดล่าสุดกดไป 3 ประตู ซึ่งก็เชื่อว่าคล็อปป์น่าจะจัดเต็มแน่ๆ เพราะถ้าชนะก็จะทิ้งห่างแมนฯ ซิตี้ เป็น 4 แต้ม เพิ่มความได้เปรียบในการค้าแชมป์ลีกช่วงสุดท้ายแน่นอน
มาต่อกันที่ทางฝั่ง ‘เรือใบสีฟ้า’ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กันบ้าง ที่ฟอร์มก็โคตรมาแรง ไม่แพ้ใครมา 20 นัดแล้ว แถมเก็บชัยไปมากถึง 18 นัด สะดุดเสมอแค่ 2 นัด โดยถ้าจะย้อนไปถึงความพ่ายแพ้นัดล่าสุดต้องย้อนไปไกลถึงวันที่ 7 ธันวาคมปีก่อนที่บุกไปแพ้แอสตัน วิลล่า 1-0 สำหรับเส้นทางการลุ้นแชมป์ในปีนี้ พวกเขาก็ยังมีโอกาสลุ้น 3 แชมป์อยู่ ทั้งเอฟเอ คัพ ที่ผ่านเข้าไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศแล้ว โดยเตรียมเจอกับ ‘สาลิกาดง’ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ในขณะที่บอลยุโรปก็ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายแล้วเหมือนกัน หลังเอาชนะ เอฟซี โคเปนเฮนเกน สองนัดด้วยสกอร์รวม 6-2 และปิดท้ายกับพรีเมียร์ลีกที่ต้องเริ่มตั้งแต่การเอาชนะลิเวอร์พูลวันอาทิตย์นี้ให้ได้ก่อน
ส่วนในเรื่องของขุมกำลังตัวผู้เล่นต้องบอกว่าทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ค่อนข้างได้เปรียบกว่าพอสมควร เพราะตอนนี้ทีมเรือใบสีฟ้ามีผู้เล่นบาดเจ็บแค่สองคน คือ มาเธอุส นูเนส ที่บาดเจ็บนิ้วยังต้องพักต่ออีกหน่อย กับอีกคนคือ แจ็ค กรีลิช ที่เจ็บกล้ามเนื้อ ยังไม่มีกำหนดกลับมา ในขณะที่ตัวหลักคนอื่นๆ พร้อมลงสนามหมด แถมยังฟอร์มดีหลายคนด้วย โดยเฉพาะ เควิน เดอ บรอยน์ ที่แม้จะบาดเจ็บและร้างสนามไปนาน แต่กลับมาเมื่อช่วงต้นปีก็โชว์ฟอร์มโหดทันที ลงสนาม 11 นัด ยิงไป 2 ประตู กับแอสซิสต์อีก 11 ลูก เช่นเดียวกันกับ ‘กองหน้าจอมมารบู’ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ที่หลังจากหายบาดเจ็บกลับมาลงสนามไป 10 นัดก็ยิงถล่มทลายถึง 10 ประตูเข้าไปแล้ว สุดท้ายก็คิดว่าเมื่อมีตำแหน่งจ่าฝูงเป็นเดิมพันแบบนี้ ยังไง เป๊ป ก็พร้อมที่จะจัดเต็มใส่ฝั่งของ ‘หงส์แดง’ แน่ๆ และนี่จะเป็นอีกหนึ่งเกมคุณภาพที่ทุกคนไม่ควรพลาดแน่นอน
