ไมล์ส ลูอิส สเคลลี่: ลูกหม้อ เฮลเอนด์ สู่ชุดใหญ่ เดอะ กันเนอร์ ที่วันนี้ ฮาลันด์ ต้องบอกว่า “รู้จักแล้วครับ”

15 ก.พ. 2568 - 10:00

  • ไมล์ส ลูอิส สเคลลี่ ไอ้หนูดาวรุ่งวัย 18 ปี แบ็คซ้ายที่ฟอร์มพีคสุดๆ ของอาร์เซนอลในเวลานี้

  • ดาวรุ่งฟอร์มแรงที่แฟนปืนใหญ่ติดใจ ยกให้เป็นขวัญใจคนล่าสุดคนนี้มีจุดเริ่มต้นมาจนถึงวันนี้ได้อย่างไร ติดตามไปพร้อมกันกับ Spacebar VIBE ได้เลยครับ

Myles-Lewis-Skelly-story-SPACEBAR-Hero.jpg

เดินหน้าผ่านครึ่งทางมาสักพักแล้วสำหรับศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ตอนนี้การลุ้นแชมป์ฤดูกาล 2024/25 ระหว่าง ‘หงส์แดง’ ลิเวอร์พูล ทีมจ่าฝูง กับ ‘ปืนใหญ่’ อาร์เซนอล รองจ่าฝูง กำลังน่าติดตามสุดๆ หลังจากที่ล่าสุดลิเวอร์พูลพลาดไปสะดุดเสมอกับเอฟเวอร์ตัน ทำให้ตอนนี้แต้มห่างจากอาร์เซนอลแค่ 7 คะแนน และแข่งเท่ากันแล้ว แต่ฝั่งทีมจากลอนดอนก็อาจจะต้องมีเรื่องให้น่าปวดหัวนิดหน่อยเนื่องจากตัวรุกฝั่งพวกเขาเจ็บกันบานตะไท โดยเฉพาะกองหน้าตัวเป้าสองคน ไค ฮาแวร์ตซ์ กับ กาเบรียล เชซุส ที่ปิดเทอมไปแล้วเรียบร้อย เรื่องนี้คงต้องมารอดูกันว่า มิเกล อาร์เตต้า จะแก้เกมอย่างไร 

แต่ถ้าจะถามว่ามีเรื่องดีๆ ให้แฟนปืนใหญ่เบาใจได้บ้างไหมก็คงต้องตอบว่ายังพอมีอยู่บ้าง เพราะตอนนี้พวกเขาได้แบ็คซ้ายอนาคตไกลที่พร้อมให้ฝากผีฝากไข้ของทีมได้แล้วแน่ๆ หนึ่งคนก็คือ ไมล์ส ลูอิส สเคลลี่ ไอ้หนูดาวรุ่งวัย 18 ปีผู้กำลังฟอร์มพีคสุดๆ หลังจากที่เมื่อห้าเดือนที่แล้วในเกมที่บุกไปเสมอแมนฯ ซิตี้ เขายังโดน เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ถามอยู่เลยว่า ‘เอ็งเป็นใครวะ’ ส่วนนัดล่าสุดที่ปืนใหญ่ยิงสลุตใส่เรือใบสีฟ้าไป 5-1 คิดว่าฮาลันด์ น่าจะรู้ซึ้งแล้วว่าลูอิส สเคลลี่ คือใคร  

ดาวรุ่งฟอร์มแรงที่แฟนๆ อาร์เซนอลติดใจยกให้เป็นขวัญใจคนล่าสุดคนนี้มีจุดเริ่มต้นมาจนถึงวันนี้ได้อย่างไร ติดตามไปพร้อมกันกับ Spacebar VIBE ได้เลยครับ 

เริ่มดี เริ่มไว มีชัยไปกว่าครึ่ง

Myles-Lewis-Skelly-story-SPACEBAR-Photo01.jpg

ไมล์ส ลูอิส สเคลลี่ เกิดเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2006 ในเขตอิสลิงตัน กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในครอบครัวที่ไม่ได้ลำบากยากแค้นอะไรเหมือนกับนักฟุตบอลวัยรุ่นคนอื่นๆ หนุ่มน้อยผู้นี้หลงใหลในกีฬาฟุตบอลมาตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาก้าวทะยานเข้าสู่  ‘เฮลเอนด์’ ระบบอะคาเดมี่ของอาร์เซนอลที่เป็นหนึ่งในแหล่งบ่มเพาะนักฟุตบอลชื่อดังแห่งหนึ่งของโลกตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ซึ่งนักเตะอย่าง เชส ฟาเบรกาส, เอมิล สมิธ โรว์ และ บูกาโย่ ซาก้า ต่างก็เติบโตขึ้นมาจากเฮลเอนด์แห่งนี้ 

นั่นคือการเริ่มไว ต่อไปคือสเต็ปของการเริ่มดี โดยการเริ่มดีของ ไมล์ส คือเขามีคนรอบข้างหลายต่อหลายคนให้การสนับสนุนในการทำสิ่งที่เขารักอย่างดีมาตลอดเส้นทาง เริ่มจากครอบครัวโดยเฉพาะแม่ของเขาคือ มาร์เซีย ลูอิส ที่ถือเป็นต้นแบบของผู้ปกครองที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อซัพพอร์ตแพสชันของลูกอย่างแท้จริง  

เธอถึงขั้นไปลงเรียนปริญญาโทเกี่ยวกับธุรกิจฟุตบอลเพื่อให้เข้าใจโลกของกีฬาชนิดนี้ที่ลูกของเธอจะต้องพบเจอมากขึ้น นอกจากนี้ในปัจจุบันเธอยังทำพอดแคสต์ ‘Behind the Boots’ ที่มีแขกรับเชิญคือ แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ ผู้จัดการเฮลเอนด์ อะคาเดมี่ และ ชูกา พ่อของ อเล็กซ์ อิโวบี้ เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับบรรดาผู้ปกครองที่จะต้องพบเจอความกดดันต่างๆ เมื่อลูกของพวกเขาอยู่ในอะคาเดมี่ฟุตบอล นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์ม No1Fan.club ที่จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน 

“บางครั้งการทำทั้งสองอย่างไปพร้อมกันมันก็ยากเหมือนกัน แต่ครูและเพื่อนๆ ก็ทำให้ผมจัดการทั้งเรื่องฟุตบอลและเรื่องเรียนได้ง่ายขึ้นมาก” ไมล์ส บอกอีกว่านอกจากครอบครัวแล้วทั้งครูและเพื่อนที่โรงเรียนต่างก็พร้อมเข้าใจและช่วยเหลือเขาอยู่ตลอด เพราะด้วยวัยเพียง 18 ปีเขายังต้องเรียนหนังสือไปพร้อมกับเล่นฟุตบอล ซึ่งทุกคนที่โรงเรียนก็พร้อมสนับสนุนและช่วยกันผลักดันให้เขาผ่านมันไปได้เป็นอย่างดี 

ฟุตบอลก็เก่ง เรียนก็เทพ เส้นทางสู่ความสมบูรณ์แบบ

Myles-Lewis-Skelly-story-SPACEBAR-Photo02.jpg

เมื่อพ่อแม่และทุกคนที่โรงเรียนพร้อมสนับสนุนเขาจึงมุ่งมั่นก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมีคุณภาพทั้งสองอย่างซึ่งก็ถือเป็นเรื่องดีแน่นอน เพราะโดยทั่วไปนักฟุตบอลดาวรุ่งที่เราเห็นกันหลายคนเลือกที่จะโฟกัสกับฟุตบอลเต็มที่อย่างเดียวโดยละเลยเรื่องการศึกษาไป แต่สำหรับ ไมล์ส ไม่ใช่แบบนั้น ปัจจุบันเขาเรียนถึงระดับ A-Level ในสาขาวิชาภาษาสเปนและด้านบริหารธุรกิจ  

โดยที่เลือกภาษาสเปนก็เพราะเป็นคนชอบเรียนภาษา อยากพูดภาษาอื่นได้คล่องนอกจากภาษาอังกฤษ ทุกวันนี้เขาก็ฝึกฝนตลอดในห้องแต่งตัวกับนักเตะที่พูดสแปนิช ส่วนด้านบริหารธุรกิจที่เลือกเพราะคิดว่าความรู้ด้านนี้อาจจะได้ใช้ในอนาคตทั้งเรื่องโครงสร้างธุรกิจและการบริหารจัดการเรื่องต่างๆ ในชีวิต ทั้งหมดทำให้เราเห็นได้ว่าถ้าต่อไปเขาเลือกไปเล่นที่สเปนอย่างน้อยเรื่องภาษาก็ไม่มีปัญหาแล้ว หรือหลังเลิกเล่นก็ยังมีลู่ทางให้ไปต่อในสายอาชีพอื่นได้อีก 

ส่วนเรื่องของฟุตบอลตอนอยู่ในระดับเยาวชนเขาก็เก่งไม่แพ้เรื่องเรียน ก่อนหน้านี้เขาเคยได้รับรางวัล ‘Strong Young Gunners role model award’ จาก แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ ผู้จัดการเฮลเอนด์ อะคาเดมี่ของอาร์เซนอล จากการที่เขาเติบโตขึ้นมาจนถึงระดับนี้และได้ให้คำแนะนำรวมทั้งแบ่งปันเรื่องราวของเขาตลอดเส้นทางการเติบโตในอะคาเดมี่ให้กับบรรดาดาวรุ่งของทีม  

ในช่วงที่กำลังบ่มเพาะประสบการณ์เจ้าตัวเล่นตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กมาก่อน เป็นกองหลังที่ชอบพาบอลขึ้นหน้า วางบอลจากแนวลึกให้ทีมขึ้นเกม ทักษะเหล่านี้ต่อยอดให้เขาได้ขึ้นไปเล่นกองกลางตัวรับที่เป็นตำแหน่งประจำในช่วงเยาวชนซึ่งฟุตบอลยุคปัจจุบันตำแหน่งนี้กับแบ็คซ้ายคล้ายกันมาก และตัวเขาเองก็นำมาปรับใช้กับการเล่นทีมชุดใหญ่ในตอนนี้ ทำให้แฟนบอลแบบเราๆ เห็นได้เลยว่า ไมล์ส ‘นิ่งเกินวัย’ มากๆ 

“วัยเด็กของผมส่วนใหญ่ก็วนเวียนอยู่กับสองอย่างคือเล่นฟุตบอลกับเรียนหนังสือ มันคือทั้งหมดจริงๆ ไปเรียน เตะฟุตบอล นอน ทำซ้ำๆ แบบนี้ประมาณสี่ปี!” นี่คือคำพูดของ ไมล์ส เกี่ยวกับชีวิตทั้งหมดของเขาตั้งแต่เด็กจนถึงวันนี้ ไม่แปลกใช่ไหมละครับถ้าไอ้หนูคนนี้จะเก่งเกินวัยแบบที่เราเห็นกันในตอนนี้ 

พัฒนาแบบก้าวกระโดด สู่อนาคตที่แฟนเดอะ กันเนอร์ ภาคภูมิใจ

Myles-Lewis-Skelly-story-SPACEBAR-Photo03.jpg

“ผมรู้สึกว่าตัวเองพร้อมแล้ว ผมรอคอยช่วงเวลาแบบนี้มานาน และเมื่อถึงเวลาจริงๆ ผมก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร แค่เตรียมตัวให้พร้อมและจดจ่ออยู่กับโอกาสลงสนามที่อยู่ตรงหน้า”  

ไมล์ส ลูอิส สเคลลี่ พูดถึงการลงเล่นให้อาร์เซนอลชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในวัย 17 ปี โดยเขาลงเล่นในเกมที่ทีมเสมอกับแมนฯ ซิตี้ 2-2 ซึ่งเขาบอกว่าตัวเองเฝ้ารอช่วงเวลาที่จะได้สัมผัสเกมระดับนี้มานาน ดังนั้นเขาพร้อมสุดๆ และไม่ได้แปลกใจหรือกลัวกับโอกาสที่จะได้ลงเล่น เแค่อยากลงไปช่วยทีมที่ปลุกปั้นเขาขึ้นมาให้ได้มากที่สุด 

แต่เกมนั้นก็ดันมีเรื่องไม่น่าจดจำเท่าไหร่สำหรับเขา เพราะทีมโดนตีเสมอในช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย พลาดสามแต้มไปแบบน่าเสียดาย แถมเขายังโดน ฮาลันด์ กองหน้าระดับซุป’ตาร์ถามว่า “เอ็งเป็นใครวะ” แต่ก็โชคดีที่ ไมล์ส เป็นผู้เล่นที่มีแต่ทัศนคติดีๆ ไม่ได้เก็บคำพูดวันนั้นมาคิดอะไรมากให้บั่นทอนกำลังใจตัวเอง  

เขาเลือกที่จะก้มหน้าก้มตาทำงานกับโอกาสที่ได้รับต่อไปเรื่อยๆ จนแฟนบอลเองเริ่มเห็นว่าเขามีดีขนาดไหน และสุดท้ายคนที่ได้เห็นจริงๆ ว่าเขาเป็นใครก็คือคนที่ถามคำถามสุดแสบในวันนั้นกับเขาอย่าง ฮาลันด์ ในเกมที่ปืนใหญ่ถล่มซิตี้แบบไม่มีชิ้นดี 5-1 ไมล์ส ลงเล่นถึง 89 นาที พร้อมกับยิงประตูแรกของเขาในนามทีมชุดใหญ่แล้วก็ตอกกลับกองหน้าชาวนอร์เวย์ด้วยการดีใจท่าเดียวกันมันซะเลย 

ปีนี้ ไมล์ส ลูอิส สเคลลี่ ลงเล่นให้อาร์เซนอลชุดใหญ่ไปแล้วทั้งหมด 20 นัดในทุกรายการ และมีจำนวนนาทีสัมผัสเกมที่มากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้แทบจะเรียกได้ว่ายึดตัวจริงในตำแหน่งแบ็คซ้ายไปแล้วเรียบร้อย เพราะในเกมที่เจอกับทีมใหญ่ๆ มิเกล อาร์เตต้า มั่นใจเลือกที่จะใช้งานเขา โดยเกมที่ได้ลงเล่นเต็มๆ ก็มีทั้งการเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ซึ่งก็คาดว่าหลังจากนี้คงจะได้เห็นเขาลงสนามต่อเนื่อง สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าตอนนี้เขาคือ ‘อนาคต’ ของทีมอย่างแท้จริง

Myles-Lewis-Skelly-story-SPACEBAR-Photo04.jpg

“ผมมีความสุขกับมัน ผมหยุดยิ้มไม่ได้ นี่มันสุดยอดไปเลย แม่กับยายผมมาดูในสนาม เพื่อนๆ ผมก็ด้วย ผมต้องโชว์ให้ยายเห็นว่าผมไม่ได้อ่อนแอนะ ผมเอาชนะเวลาเข้าปะทะได้ และหวังว่ายายจะภูมิใจในตัวผม”  

“ตอนนี้ทุกอย่างมันเติมเต็มความฝันผมสุดๆ จนผมยังแทบไม่อยากเชื่อเลย ผมอยากเก็บทุกช่วงเวลานี้ไว้ ทั้งหมดนี้มันกดดันนะ แต่ทำไงได้ล่ะ นี่คือสิ่งที่ต้องเจออยู่แล้ว ช่วงเวลาแบบนี้คือสิ่งที่ผมอยากรู้สึกไปกับมัน ผมแม่งโคตรมีความสุขเลย” 

นี่คือบทสัมภาษณ์ของ ไมล์ส หลังเกมที่ทีมเอาชนะสเปอร์ได้ในศึก ‘ลอนดอน ดาร์บี้’ ไอ้หนูคนนี้กำลังมีความสุขสุดๆ กับช่วงเวลาการเติบโตของเขา เชื่อว่าแฟนบอล ‘เดอะ กันเนอร์’ ก็คงไม่ต่างกัน คิดว่าทุกคนก็คงภูมิใจที่จะได้เห็นว่าหลังจากนี้ชื่อของ ไมล์ส ลูอิส สเคลลี่ คืออนาคตแบ็คซ้ายเบอร์ 1 ของทีมผู้พร้อมทำให้แฟนบอลอาร์เซนอลทุกคนภาคภูมิใจไปด้วยกัน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์