ต่อกันที่กลุ่ม D ที่เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่มียักษ์ใหญ่สองทีมอยู่ด้วยกันนั่นก็คือ ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ และ ทีมชาติฝรั่งเศส ส่วนอีกสองทีมที่พร้อมเป็นทีมสอดแทรกคือ ทีมชาติออสเตรีย กับ ทีมชาติโปแลนด์ ซึ่งวันนี้เราจะขอมาพรีวิวสองทีมใหญ่กัน เริ่มจากทีมแรกอย่างขุนพล ‘อัศวินสีส้ม’ ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ และต่อด้วยทัพ ‘ตราไก่’ ทีมชาติฝรั่งเศส ติดตามได้เลยครับว่าสองทีมนี้พร้อมสำหรับยูโร 2024 แค่ไหน

Netherlands (Group D)
ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เคยเป็นเจ้าแห่งยุโรป ครองแชมป์ยูโรไป 1 สมัย เมื่อปี 1988 ที่จัดขึ้นที่ประเทศเยอรมนีตะวันตก ซึ่งก็เป็นครั้งเดียวที่ทีมกังหันลมสัมผัสโทรฟี่ระดับเมเจอร์ หลังจากนั้นพวกเขาก็ไปได้ไกลสุดแค่เป็นรองแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 และได้อันดับที่ 3 ในฟุตบอลโลก 2014 รอบนี้พวกเขานำทัพมาโดย Ronald Koeman กุนซือชาวดัตช์ที่เพิ่งเข้ามาทำทีมเป็นหนที่สองเมื่อช่วงหลังจบฟุตบอลโลก 2022 ใช้แผนการเล่นหลักเป็นระบบ 4-3-3 แล้วจากการประกาศรายชื่อ 26 คนสุดท้าย ก็ขนตัวเก๋าๆ ในทีมชาติมาเพียบไม่ว่าจะเป็น Virgil van Dijk ปราการหลังกัปตันทีม, Matthijs de Ligt, Nathan Aké, Stefan de Vrij ในแผงหลัง ขณะที่ตำแหน่งมิดฟิลด์ก็นำมาโดย Frenkie de Jong, Georginio Wijnaldum และ Georginio Wijnaldum ปิดท้ายด้วยตัวรุกอย่างเช่น Memphis Depay, Cody Gakpo, Donyell Malen โดยคราวนี้ศึกยูโร 2024 หวนกลับมาจัดที่เมืองเบียร์ที่พวกเขาได้แชมป์สมัยแรกและสมัยเดียวอีกครั้ง ต้องมารอลุ้นกันว่าจะสมหวังเหมือนเมื่อ 36 ปีที่แล้วไหม
Nickname – The Flying Dutchmen
FIFA Ranking – 7
UEFA European Championship Appearances – 10 Appearances
Best Performance – Champions (1988)
Coach – Ronald Koeman (Netherlands)
Goalkeepers – Bart Verbruggen, Justin Bijlow, Mark Flekken
Defenders – Virgil van Dijk (C), Lutsharel Geertruida, Matthijs de Ligt, Nathan Aké, Stefan de Vrij, Jeremie Frimpong, Micky van de Ven, Daley Blind, Denzel Dumfries, Ian Maatsen
Midfielders – Xavi Simons, Georginio Wijnaldum, Tijjani Reijnders, Joey Veerman, Jerdy Schouten, Ryan Gravenberch
Forwards – Wout Weghorst, Memphis Depay, Cody Gakpo, Donyell Malen, Brian Brobbey, Steven Bergwijn, Joshua Zirkzee

France (Group D)
ต่อกันที่ทีมอันดับ 2 ของโลกในเวลานี้อย่าง ทีมชาติฝรั่งเศส แชมป์ฟุตบอลโลก 2 สมัย และรองแชมป์ฟุตบอลโลกหนล่าสุดที่ประเทศกาตาร์ ส่วนในทัวร์นาเมนต์ยูโร พวกเขาเคยคว้าแชมป์มาแล้ว 2 สมัย ครั้งแรกเมื่อปี 1984 และครั้งล่าสุดปี 2000 หรือเมื่อ 24 ปีที่แล้ว ที่ประเทศเบลเยียมและเนเธอร์แลนด์เป็นเจ้าภาพ หลังจากนั้นพวกเขามาได้ไกลสุดก็คือรองแชมป์เมื่อปี 2016 ที่อกหักทั้งๆ ที่ได้เป็นเจ้าภาพ เพราะไปแพ้ ทีมชาติโปรตุเกส 1-0 โดยในยูโรเวอร์ชัน 2024 พวกเขายังเชื่อมั่นในตัวของ Didier Deschamps กุนซือฝรั่งเศสวัย 55 ปี ที่ร่วมงานกันมา 12 ปีแล้ว นับตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งรอบนี้นายใหญ่ของฝรั่งเศสเรียกตัวนักเตะดังๆ ฟอร์มดีๆ มาครบ เริ่มตั้งแต่กองหน้าป้ายแดงของ เรอัล มาดริด อย่าง Kylian Mbappé ที่รับหน้าที่กัปตันทีมเหมือนเดิม ตามมาด้วย Eduardo Camavinga, Aurélien Tchouaméni และ Ferland Mendy สามนักเตะมาดริดที่เพิ่งคว้าแชมป์ยูซีแอลไปหมาดๆ นอกจากนี้ก็ยังมี Dayot Upamecano, Jules Koundé, William Saliba, Antoine Griezmann, Olivier Giroud และการกลับมาอีกครั้งของ N'Golo Kanté ซึ่งจากรายชื่อต้องบอกเลยว่าแน่นมาก มารอลุ้นกันว่าพวกเขาจะสมหวังหลังจากที่อกหักในฟุตบอลโลก 2022 ได้หรือเปล่า
Nickname – Les Bleus (The Blues)
FIFA Ranking – 2
UEFA European Championship Appearances – 10 Appearances
Best Performance – Champions (1984, 2000)
Coach – Didier Deschamps (France)
Goalkeepers – Brice Samba, Mike Maignan, Alphonse Areola
Defenders – Benjamin Pavard, Ferland Mendy, Dayot Upamecano, Jules Koundé, William Saliba, Jonathan Clauss, Théo Hernandez, Ibrahima Konaté
Midfielders – Eduardo Camavinga, Aurélien Tchouaméni, Ousmane Dembélé, N'Golo Kanté, Adrien Rabiot, Warren Zaïre-Emery, Youssouf Fofana
Forwards – Kylian Mbappé (C), Antoine Griezmann, Olivier Giroud, Randal Kolo Muani, Marcus Thuram, Kingsley Coman, Bradley Barcola