จบไปครบถ้วนแล้วสำหรับโปรแกรมฟุตบอลลีกในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในส่วนของฟุตบอลไทยลีก 1 ลีกสูงสุดของเมืองไทยก็ผ่านไป 2 แมตช์แล้ว ในขณะที่ลีกยุโรปก็เริ่มทยอยกลับมาเปิดฤดูกาลแล้วเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น กัลโช่ เซเรีย อา, ลีก เอิง, ลาลีกา และ พรีเมียร์ลีก โดยนอกจากเรื่องของผลการแข่งขันแล้ว ก็ยังมีอีกประเด็นที่กลายเป็นที่พูดถึงกันไม่น้อยเลยก็คือ การทำหน้าที่ ‘ผิดพลาด’ ของผู้ตัดสินทั้งในลีกบ้านเรา และลีกระดับโลกอย่างพรีเมียร์ลีก
เริ่มจากลีกบ้านเรากันก่อนที่มีประเด็นให้พูดถึงทั้ง ไทยลีก 1 และ ไทยลีก 2 โดยส่วนของไทยลีก 1 มีประเด็นให้เห็นอยู่ 2 คู่ สำหรับคู่แรกเป็นเกมระหว่าง ราชบุรี เอฟซี พบกับ อุทัยธานี เอฟซี ที่มีช็อตของ โจนาธาน อคูเดโล่ ผู้เล่นของอุทัยธานี โดนผู้รักษาประตูของราชบุรี สกัดล้มในกรอบเขตโทษ ทั้งที่เจ้าตัวถึงบอลก่อน แต่ไม่มีการตัดสินใดๆ เกิดขึ้นทั้งจากผู้ตัดสินในสนามและห้อง VAR ทำให้ทางสโมสรอุทัยธานี เตรียมยื่นหนังสือยื่นฟ้องการทำหน้าที่ของ อลงกรณ์ คนไว ผู้ตัดสินในสนาม และ ผู้ตัดสินในห้อง VAR ทั้งสองคนคือ วิวรรธน์ จำปาอ่อน กับ วัฒนา ชมชนะกุล ไปยังคณะกรรมการพิจารณาวินัยมารยาทของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ สำหรับอีกกรณีที่เป็นที่ถกเถียงในลีกสูงสุดก็คือคู่ระหว่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด พบ ลำพูน วอริเออร์ ที่มีช็อตเข้าบอลอันตรายของ ทริสตอง โด แต่ผู้ตัดสินกลับไม่แจกใบเหลืองที่ 2 แก่นักเตะ ทำให้ส่งผลสำคัญต่อรูปเกมของผู้มาเยือน
ในขณะที่ฝั่งไทยลีก 2 ก็นับว่าเป็นเรื่องราวดราม่าใหญ่โตกันเลยกับคู่ระหว่าง ลำปาง เอฟซี พบ แพร่ ยูไนเต็ด ที่ในช่วงท้ายเกมมีการปะทะกันเกิดขึ้นระหว่างนักเตะทั้ง 2 ทีม และเป็นผู้เล่นของแพร่ ยูไนเต็ด ที่ไปสาวหมัดใส่ฝั่งลำปาง เอฟซี โดยผู้ตัดสินให้ใบแดงนักเตะแพร่ แต่ไม่ได้ให้จุดโทษ ทำให้นักเตะลำปางประท้วงเอาจุดโทษ ด้วยการวอล์คเอาท์ จนเกมหยุดไปนานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนจะกลับมาแข่งกันได้อีกรอบในนาทีที่ 154 และผู้ตัดสินก็เป่าจบเกมทันที โดยจากกรณีวุ่นวายนี้ทำให้ทาง ‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ ถึงขั้นต้องสั่งการด่วนมายังฝ่ายจัดการแข่งขัน ให้ตรวจสอบและสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อพิจารณาบทลงโทษต่อไป เพราะเรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในวงการบอลไทย
ส่วนฝั่งบอลนอกก็ไม่น้อยหน้า และเกิดขึ้นกับลีกยอดนิยมอย่างพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ด้วย เป็นในเกมคู่ระหว่าง เบรนท์ฟอร์ด เปิดบ้านพบ คริสตัล พาเลซ ในช็อตที่ทาง เอเบเรชี่ เอเซ่ ยิงฟรีคิกเข้าประตูไปแล้ว แต่ผู้ตัดสินเป่าฟาวล์ก่อนบอลจะซุกก้นตาข่าย เนื่องจากมีการปะทะกันของผู้เล่นทั้งสองทีม ซึ่งจริงๆ แล้วการปะทะกันตรงนั้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลย เพราะมันคือการดวลกันระหว่างคนยิงและผู้รักษาประตู แล้วก็ไม่มีทางที่คนที่ล้มลงไปจะเข้าถึงบอลได้ทันแน่นอน และเมื่อมี VAR ก็ควรปล่อยให้เล่นไปก่อน หลังจากนั้นค่อยมาเช็คทีหลังก็ยังได้ โดยประเด็นที่ถูกพูดถึงคือ เอเซ่ คนยิงฟรีคิกได้ออกมาบอกว่า แซม บาร์ร็อตต์ ผู้ตัดสินในเกมนั้นได้มาขอโทษเขาหลังเกม ถึงการตัดสินที่ผิดพลาดของตัวเองที่ไม่ให้ลูกนั้นเป็นประตู
จากประเด็นปัญหาทั้งหมดที่เราเล่ามาแสดงให้เห็นว่า ปัญหากรรมการตัดสินผิดพลาด ไม่มีทางหายไปและแก้ไขได้ง่ายๆ แม้ว่าโลกนี้จะมีเทคโนโลยีช่วยตัดสินอย่าง VAR แล้วก็ตาม แต่สุดท้ายหน้าที่ชี้ขาดจังหวะสำคัญก็ยังเป็นผู้ตัดสินหลักในสนามอยู่ดี และฝ่ายที่ต้องรับกรรรมไปก็คือ ‘สโมสร’ ซึ่งเอาจริงๆ ก็ไม่ควรต้องมานั่งรับความเสียหายเรื่องนี้ด้วยซ้ำ แม้ต่อให้จะเกิดการลงโทษในภายหลัง แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ก็คือเรื่องของ ผลการแข่งขัน ที่เสียแล้วเสียเลย สุดท้ายการจะทำให้เรื่องเสียหายทั้งหมดไม่เกิดขึ้น ไม่มีปัญหาอะไรตามมา ‘ผู้ตัดสิน’ คือหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่จะต้องขับเคลื่อนและเติบโตไปพร้อมกัน ไม่อย่างนั้นเราก็จะเจอกับปัญหา ‘เดิมๆ’ แบบนี้กันต่อไป