สมเกียรติ จันทรา: นักบิดไทยกับเส้นทางแห่งความหวังในการโลดแล่นบน โมโตจีพี

10 พฤศจิกายน 2566 - 11:06

Somkiat-Chantra-Thai-Moto2-rider-story-SPACEBAR-Hero.jpg
  • ‘ก้อง’ สมเกียรติ จันทรา นักบิดชาวไทยที่โลดแล่นอยู่ในการแข่งขัน โมโตทู เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์คว้าอันดับ 3 ในการแข่งขันโฮมเรซ ‘โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2023’

  • วันนี้เราก็จะพาทุกคนไปทำความรู้จัก ‘คิงคองก้อง’ หรือ สมเกียรติ จันทรา นักบิดชาวไทยหนึ่งเดียวในการแข่งขัน โมโตทู จากทีม อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย กันให้มากกว่าเดิม

หากใครเป็นคอกีฬามอเตอร์สปอร์ตไม่ว่าจะเป็นแฟนพันธุ์แท้หรือขาจรที่ผ่านมาดู เชื่อว่าคงรู้กันมาบ้างว่าปัจจุบันมีนักแข่งชาวไทยที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศบนเวทีระดับโลก ปรากฏตัวอยู่บนหน้าสื่อบ่อยๆ ถึง 2 คน คนแรกคือ อเล็กซานเดอร์ อัลบอน นักแข่งรถฟอร์มูล่าวันชาวไทย ซึ่งเราก็เคยเล่าเรื่องราวของเขาให้ทุกคนได้อ่านกันมาแล้ว ส่วนอีกคนอยู่ในวงการสองล้อ นั่นก็คือ ‘ก้อง’ สมเกียรติ จันทรา นักบิดชาวไทยที่โลดแล่นอยู่ในการแข่งขัน โมโตทู โดยนักแข่งวัย 24 ปี ก็เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์ไปเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ด้วยการจบอันดับที่ 3 ได้ขึ้นไปยืนบนโพเดียมในการแข่งขันโฮมเรซ ‘โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2023’ ที่จังหวัดบุรีรัมย์ 

และวันนี้เราก็จะพาทุกคนไปทำความรู้จัก ‘คิงคองก้อง’ หรือ สมเกียรติ จันทรา นักบิดชาวไทยหนึ่งเดียวในการแข่งขัน โมโตทู จากทีม อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย กันให้มากกว่าเดิม 

เริ่มจากซิ่งบนถนนสู่การเป็นนักแข่งอาชีพ

Somkiat-Chantra-Thai-Moto2-rider-story-SPACEBAR-Photo04.jpg

สมเกียรติ จันทรา เกิดเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2541 ในจังหวัดชลบุรี ก้องเป็นเด็กหนุ่มที่หลงใหลในความเร็วมาตั้งแต่เด็ก โดยก่อนที่จะก้าวมาเป็นนักแข่งอาชีพแบบทุกวันนี้ เขาก็เคยเดินบนเส้นทางการเป็นสิงห์นักบิดข้างถนน หรือคำที่เราคุ้นหูและได้ยินกันบ่อยๆ ก็คือ ‘เด็กแว้น’ มาก่อน  

“ตอนเด็กๆ ผมเคยออกไปแว้น แล้วเห็นคนล้ม ก็เห็นว่ามันอันตราย แถมยังโดนชาวบ้านด่าว่าน่ารำคาญอีก และที่บ้านเขาก็เป็นห่วงเรา ถ้าเราชอบจริงๆ ก็อยากให้ไปแข่งในสนามดีกว่าไหม ซึ่งครอบครัวเราก็สนับสนุนเต็มที่” สมเกียรติ จันทรา เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อ 

และจากที่เจ้าตัวเคยบอกว่าครอบครัวให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ก็เป็นเรื่องจริง เมื่อที่บ้านส่งเขาเข้าไปฝึกปรือทักษะการเป็นนักแข่งรถกับทาง ฮอนด้า เรซซิ่ง สคูล หรือชื่อในปัจจุบันก็คือ ฮอนด้า อะคาเดมี่ ไทยแลนด์ ซึ่งมีโครงการ ‘เรซ ทู เดอะ ดรีม’ ที่ต้องการจะปั้นนักแข่งไทยขึ้นไปแข่งขันในศึกมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลก หรือ โมโตจีพี ให้ได้ภายในปี 2025 โดยก้องใช้เวลาฝึกปรือฝีมือรวมถึงลงแข่งขันในไทยตั้งแต่อายุ 9 ปี จนถึงอายุ 14 ปี ด้วยพรสวรรค์และสไตล์การขับขี่ที่โดดเด่น เก็บผลงานในระดับประเทศได้มากมาย ถือเป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางการเป็นนักแข่งอาชีพของเขาแบบจริงจัง 

ทะยานสู่ระดับ โมโตทรี ภายในเวลาแค่ 4 ปี

Somkiat-Chantra-Thai-Moto2-rider-story-SPACEBAR-Photo05.jpg

อย่างที่บอกไปว่า สมเกียรติ จันทรา มีพรสวรรค์ของการเป็นนักแข่งรถอยู่ในตัวเองแบบเต็มเปี่ยมอยู่แล้ว โดยเมื่อปี 2013 ตอนที่อายุเพียง 15 ปี เขาได้ลงแข่งคัดเลือกรายการ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ การแข่งขันชิงแชมป์ของนักแข่งเอเชียที่อายุไม่เกิน 19 ปี แล้วสามรถผ่านการคัดเลือกมาได้สำเร็จ ท่ามกลางนักบิดกว่า 600 คนทั่วทั้งทวีปเอเชีย 

นั่นทำให้ในปี 2014 เขาได้ร่วมแข่งขันรายการเอเชีย ทาเลนต์ คัพ อย่างเป็นทางการครั้งแรกในชีวิต แล้วก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการจบอันดับ 11 บนตารางคะแนนนักแข่งจากนักแข่งทั้งหมด 23 คน โดยในปีถัดมาเขาก็ต่อยอดผลงานได้อย่างดีด้วยการคว้าแชมป์ได้ตั้งแต่เรซแรกของฤดูกาล น่าเสียดายที่เขามีอาการบาดเจ็บรบกวน ทำให้แข่งไปได้ไม่กี่เรซเท่านั้น จบปีไปที่อันดับ 12 ก่อนที่จะมาฉายแววเต็มที่ในปี 2016 ที่เจ้าตัวทำสุดยอดผลงานขึ้นไปยืนบนโพเดียมได้ถึง 5 ครั้ง คว้าชัยไปได้ 3 เรซ จากทั้งหมด 12 เรซ จบปีด้วยการคว้าแชมป์เอเชีย ทาเลนต์ คัพ มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ 

จากผลงานที่ยอดเยี่ยมในรายการระดับเอเชีย ทำให้ก้องได้ขยับตัวเองขึ้นไปแข่งในรายการที่สูงขึ้นอย่าง FIM CEV Moto3 Junior World Championship หรือ โมโตทรี รุ่นเยาวชน โดยเขาคว้าตำแหน่งโพล โพซิชั่น มาครองได้ตั้งแต่เรซแรก บวกกับผลงานเด่นด้วยการจบอันดับ 8 ที่เลอ ม็องส์  และ อันดับ 7 ที่อารากอน จบซีซันด้วยอันดับ 20 จากทั้งหมด 38 อันดับ และพัฒนาฝีมือแบบก้าวกระโดดในปี 2018 ด้วยการเก็บไปได้ 61 คะแนน จบอันดับที่ 9 บนตารางคะแนนนักแข่ง ซึ่งในปีนั้นเจ้าตัวได้สิทธิ์ไวลด์การ์ดลงแข่งขันโฮมเรซอย่าง ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์  ในรุ่นโมโตทรี และจบด้วยอันดับ 9 ทำให้ทาง อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ตัดสินใจเซ็นสัญญากับก้องให้ขึ้นมาแข่งรายการระดับโลกในรุ่น โมโตทู ทันที 

สร้างประวัติศาสตร์ในโมโตทู พร้อมเส้นทางแห่งความหวังสู่โมโตจีพี

Somkiat-Chantra-Thai-Moto2-rider-story-SPACEBAR-Photo02.jpg

หลังจากได้รับการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการกับอิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ในการลงแข่งขันระดับเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ครั้งแรกในรุ่นโมโตทู ทำให้เขาเป็นคนไทยคนที่สองที่ได้แข่งขันในระดับนี้ต่อจาก ‘ฟิล์ม’ รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ที่เคยลงแข่งระหว่างปี 2007 – 2013 ซึ่งก็เป็นโค้ชที่ปลุกปั้นเขามากับมือด้วย แล้วสมเกียรติก็ไม่ทำให้ทีมต้องผิดหวังกับการดึงเขาเข้ามาร่วมทีม เพราะในปีแรกก็สามารถเก็บแต้มให้ทีมได้ 23 คะแนน ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมอีก 5 คน ไม่มีคะแนนแม้แต่คนเดียว และในปีถัดมาก็เช่นเดียวกัน แม้ว่าผลงานจะไม่ดีเหมือนปีแรก แต่เจ้าตัวก็ยังเก็บคะแนนสะสมได้ 10 คะแนน และเพื่อนร่วมทีมไม่มีคะแนนเลย 

ส่วนในปี 2021 ก้องก็อัพเกรดฝีมือตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากเก็บแต้มได้ถึง 37 คะแนน จบอันดับที่ 18 บนตารางคะแนนนักแข่ง ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมคนใหม่ของเขาอย่าง ไอ โอกูระ นักบิดลูกหม้อของฮอนด้า ก็โชว์ฟอร์มโหดจบอันดับ 8 บนตารางคะแนนรวม เก็บแต้มไปได้ถึง 120 คะแนน โดยในปีต่อมานักบิดชาวญี่ปุ่นก็ทำสุดยอดผลงานด้วยการคว้าตำแหน่งรองแชมป์โลกไปครอง ส่วนฝั่งเราก็ไม่น้อยหน้า เพราะสร้างประวัติศาสตร์เป็นคนไทยคนแรกที่คว้าแชมป์รายการชิงแชมป์โลกได้สำเร็จในการแข่งขัน อินโดนีเซียน กรังด์ปรีซ์ ที่ประเทศอินโดนีเซีย แถมทำเวลาต่อรอบได้ดีที่สุดด้วย และสนามถัดมาที่ประเทศอาร์เจนตินา เจ้าตัวก็ยังขึ้นไปยืนบนโพเดียมเป็นสนามที่สองติดต่อกันด้วยการจบอันดับ 2 ปิดฤดูกาลด้วยอันดับที่ 10 เก็บแต้มไปได้ถึง 128 คะแนน

Somkiat-Chantra-Thai-Moto2-rider-story-SPACEBAR-Photo06.jpg
Somkiat-Chantra-Thai-Moto2-rider-story-SPACEBAR-Photo01.jpg

และสดๆ ร้อนๆ ในฤดูกาล 2023 เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมาในการแข่งขัน โออาร์ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ นักบิดชาวไทยวัย 24 ปี ก็สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งด้วยการเป็นนักแข่งไทยคนแรกที่ขึ้นโพเดียมได้ในโฮมเรซ เมื่อเขาเข้าเส้นชัยด้วยอันดับ 3 โดยก่อนหน้านี้ก็เพิ่งจะคว้าแชมป์ที่เจแปนนีส กรังด์ปรีซ์ ประเทศญี่ปุ่น ไปไม่นาน ซึ่งในปีนี้ยังเป็นปีแรกที่เขาทำแต้มได้สูงกว่า ไอ โอกูระ เพื่อนร่วมทีมด้วย โดยในปัจจุบันเหลือการแข่งขันอีก 3 เรซ เจ้าตัวรั้งอันดับ 5 บนตารางคะแนนรวม เก็บแต้มไปแล้ว 143.5 คะแนน และยังมีโอกาสเก็บเพิ่มได้อีก 

สุดท้ายจากผลงานที่ยอดเยี่ยมอย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้ในปีหน้าเขาจะยังได้เดินทางต่อไปกับต้นสังกัด อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ลงแข่งโมโตทู ฤดูกาล 2024 สร้างความสุขและความภาคภูมิใจให้กับแฟนกีฬาชาวไทยไปอีกเรื่อยๆ และถ้าตามเป้าหมายโรดแมพที่โครงการเรซ ทู เดอะ ดรีม ของบริษัท ไทยฮอนด้า ตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องมีนักบิดไทยได้เข้าแข่งขันรายการสูงสุดอย่าง ‘โมโตจีพี’ ภายในปี 2025 แฟนกีฬาอย่างพวกเราก็หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้น เราจะได้เห็น ‘คิงคองก้อง’ สมเกียรติ จันทรา ได้ขึ้นไปโลดแล่นและเฉิดฉายอย่างเต็มภาคภูมิ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์