แข่งจบเสร็จสิ้นกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับแมตช์เดย์ที่ 1 ของศึกฟุตบอล รีโว่ ไทยลีก หรือ ไทยลีก 1 โดยบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ไม่มีอะไรผิดพลาดเก็บ 3 แต้มได้ตามนัด ไม่ว่าจะเป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด, บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และ การท่าเรือ เอฟซี จะมีก็แค่ เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ไปพลิกพลาดท่าพ่ายน้องใหม่แต่หน้าเก่าอย่าง นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี แต่อย่างไรนี่เป็นเพียงแค่นัดแรกเท่านั้น ยังต้องลุ้นต่อกันอีกยาวๆ ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้พรีวิวไทยลีกไปแล้ว 3 ตอน ทั้งทีมลุ้นแชมป์, หัวตาราง และ กลางตาราง
สำหรับวันนี้ตอนที่ 4 ที่เป็นตอนสุดท้ายเราจะพาไปดูกลุ่มทีม ‘ลุ้นหนีตกชั้น’ กันบ้างว่าทีมไหนมีแววจะต้องเหนื่อยหนักในซีซันนี้ จะมีทีมอะไรบ้าง ติดตามได้เลยครับ

ขอนแก่น ยูไนเต็ด
ประเดิมกันด้วยทีมแรกกับทัพ ‘จงอางผยอง’ ขอนแก่น ยูไนเต็ด ที่ในฤดูกาลที่ผ่านมา พวกเขาอยู่รอดปลอดภัยบนลีกสูงสุดด้วยการจบอันดับที่ 8 ซึ่งดูเหมือนจะอยู่สูงครึ่งบนของตาราง แต่จริงๆ แล้วแต้มห่างโซนตกชั้นแค่ 5 คะแนนเท่านั้น สำหรับนัดแรกในซีซันใหม่ก็ประเดิมบุกไปแพ้ทาง สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ถึงถิ่น 2-0 พลาดเก็บแต้มตั้งแต่นัดแรก สำหรับกุนซือใหญ่ยังคงเลือกใช้งาน ‘โค้ชแมน’ ธนา ชะนะบุตร ที่ได้รับความไว้วางใจหลังเข้ามาพาทีมรอดตกชั้นเมื่อปลายซีซันก่อน โดยในส่วนของตัวผู้เล่นขาออกก็เสียตัวหลักไปเยอะพอสมควร ไล่ตั้งแต่ โจชัว กรอมเมน กัปตันทีมปีที่แล้ว, ชุนยะ ซูกานูมะ, ลอสเซมี คาราบูเอ้, สตีเวน ลองจิล, ดาบิด คูเอร์บา, เอร์เนสโต ภูมิภา, นฤพล อารมณ์สวะ, วรนาถ ทองเครือ และ รชตะ สมพร เป็นต้น ในขณะที่การเสริมทัพก็ได้มาทั้งหมด 10 คน ที่น่าสนใจก็มีอย่างเช่น อดิศักดิ์ ซอสูงเนิน, สหรัฐ โพธิ์ศรี, ภานุพงศ์ พลซา, กิตติชัย ใยดี, ดีเอโก้ หลุยส์ แลนดิส, ริว ซึง วู, อี ซัง จิน และ สตีฟ อัมบรี ก็คงต้องมารอลุ้นกันว่า ‘โค้ชแมน’ จะรักษาโมเมนตั้มผลงานในช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้วที่พาทีมรอดตกชั้นได้ไหม เพราะนัดแรกพลาดไปแล้ว ถ้าพลาดบ่อยๆ เหนื่อยแน่นอน

สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด
ต่อด้วยทีมถัดมาที่เราเองก็ไม่ค่อยอยากจะจัดให้มาอยู่ในกลุ่มนี้เท่าไหร่อย่าง ‘กว่างโซ้งมหาภัย’ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เพราะพวกเขาคืออดีตแชมป์ไทยลีก 1 สมัย แต่เมื่อฤดูกาลที่แล้วก็ต้องลุ้นเหนื่อยเหมือนกันกว่าจะอยู่รอดในลีกสูงสุด จบอันดับ 11 มีอยู่ 34 แต้ม เหนือทีมตกชั้น 4 คะแนน แถมยังมีปัญหาเกมรุกฝืดสุดๆ เป็นทีมที่ยิงน้อยที่สุดในลีกปีที่แล้ว ทำให้ก่อนเริ่มฤดูกาล 2024/25 ทางทีมผู้บริหารได้ออกมาบอกว่าปีนี้พวกเขาจะเน้นใช้ผู้เล่นเยาวชนเป็นหลักมากกว่าการทุ่มเงิน ในส่วนของเฮดโค้ชก็เปลี่ยนมาเป็น ชาบี โมโร่ ยังดีที่กุนซือชาวสแปนิชรายนี้ผ่านประสบการณ์คุมทีมในไทยกับ ราชบุรี เอฟซี มาแล้ว โดยทางด้านผู้เล่นที่เสียไปก็มี เวลจ์โก้ ฟิลิโปวิช, มิเกล เบียงโคนี, เฟลิเป้ เวโลโซ่, อธิบดี เอติรัตน์, ศนุกรานต์ ถิ่นจอม, ดีเอโก้ หลุยส์ แลนดิส รวมถึงสองตัวหลักคนสำคัญอย่าง สรานนท์ อนุอินทร์ และ ศิวกรณ์ เตียตระกูล กัปตันทีมคนเก่ง ในขณะที่การเสริมทัพก็มี สิทธิโชค กันหนู, ภัทร สร้อยมาลัย, ฟาหัส บิลังโหลด, ชิตชนก ไชยแสนสุรินทร์, อี จุง มุน, วิคเตอร์ โอลิเวียร่า, ราล์ฟ มาชาโด ดิแอส, คาร์ลอส อิวรี, วิน เนียง ตุน และการกลับถิ่นเก่าอีกครั้งของ ปิยพล ผานิชกุล เป็นต้น สุดท้ายต้องมารอลุ้นกันว่าด้วยขุมกำลังดาวรุ่งเป็นหลักพวกเขาจะยืนระยะไปจนจบได้ไหม

นครปฐม ยูไนเต็ด
ทีมถัดมาที่คิดว่าอาจจะต้องไปเหนื่อยลุ้นหนีตกชั้นก็คือทัพ ‘เสือป่าราชา’ นครปฐม ยูไนเต็ด ที่ในนัดแรกทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการบุกไปเฉือนชนะ ‘ราชันมังกร’ ราชบุรี เอฟซี ได้ถึงถิ่น 3-2 แต่ปีที่แล้วพวกเขาก็รอดตกชั้นอย่างฉิวเฉียด มีแต้มเหนือชลบุรี อันดับ 14 แค่ 3 คะแนนเท่านั้น ส่วนเรื่องที่น่าเป็นห่วงว่าทำไมพวกเขาอาจจะต้องลุ้นเหนื่อยหน่อยในปีนี้ก็คือการเสียผู้เล่นไปค่อนข้างเยอะ นับรวมๆ แล้ว 11 คน อย่างเช่น อาทิตย์ เบิร์ก, ก้องนทีชัย บุญมา, ณัฐนันท์ เบี้ยสัมฤทธิ์, จิตปัญญา ทิสุด, ซอ มิน ตุน, อามี อาลี เชกินี, เอวานโดร เปาลิสต้า และ กาฟาร์ ดูโรซินมี เป็นต้น ในขณะที่ฝั่งขาเข้าเสริมทัพมากถึง 18 คน ที่น่าสนใจก็มี เวลจ์โก้ ฟิลิปโปวิช จากบีจี ปทุมฯ นันทวัฒน์ กกฝ้าย จากทรู แบงค็อกฯ, ควาเม คาริคารี และ แมกซ์ ปีเตอร์ ครีเวย์ จากโปลิศ เทโรฯ, วัลโดมิโร ซัวเรซ จากนครศรี ยูไนเต็ด, เอร์เนสโต้ ภูมิภา จากขอนแก่น ยูไนเต็ด และ 3 นักเตะจากการท่าเรือ เอฟซี อย่าง อนุศักดิ์ ใจเพชร, นาคิน วิเศษชาติ และ ทิตาวีร์ อักษรศรี เป็นต้น ซึ่งด้วยการเสริมทัพเยอะขนาดนี้ อาจจะต้องจูนทีมเยอะพอสมควร อยู่ที่ทาง อัคบาร์ นาวาส กุนซือชาวสิงคโปร์ที่จะเป็นคนให้คำตอบในฤดูกาลนี้

สุโขทัย เอฟซี
ทีมที่สี่ในลิสต์ลุ้นหนีตกชั้นของเราคือขุนพล ‘ค้างคาวไฟ’ สุโขทัย เอฟซี ที่ฤดูกาลที่ผ่านมาต้องบอกว่าเสียวไส้สุดๆ เพราะพวกเขาจบอันดับที่ 13 มี 32 คะแนน เหนืออันดับ 14 อย่าง ชลบุรี เอฟซี แค่ 2 คะแนน เรียกได้ว่าหวุดหวิดมากๆ โดยมาในปีนี้พวกเขาเลือกแยกทางกับ ซูกาโอะ คัมเบะ เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น และหันมาใช้บริการโค้ชไทยแทนนั่นก็คือ ‘โค้ชโดนัท’ อัคถภรณ์ ชลิตาภรณ์ ที่ก็ผ่านประสบการณ์การทำงานในฟุตบอลไทยมาไม่น้อยเหมือนกัน โดยตั้งเป้าพาทีมให้ไม่ต้องมาลุ้นหนีตกชั้นเหมือนปีที่แล้ว และหวังจะเล่นฟุตบอลให้สนุกเพื่อเอาใจกองเชียร์ ทางด้านตัวผู้เล่น ทีมเสียนักเตะไปไม่เยอะมากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นแยกทางหมดสัญญาอย่าง สมคิด ชำนาญศิลป์, เชาวสิทธิ์ ทรัพย์สกุลผล, เลอร์ซิโอ โซลดา, เนลสัน โบนีญา และ เรียวเฮ อาราอิ ในขณะที่ฝั่งเสริมทัพมีเข้ามาเยอะมากๆ ไล่ตั้งแต่ รัชนาท อรัญญไพโรจน์ และ ทัศนพงษ์ หมวดดารักษ์ จากทรู แบงค็อกฯ, อภิชาติ เด็นหมาน, มาเธอุส ลิม่า, อดิศักดิ์ สีบุญมี, อิโตะ อิชิโมโตะ, มาเธอุส ฟอร์นาซารี, สิโรจน์ ฉัตรทอง และ จิตปัญญา ทิสุด เป็นต้น มารอลุ้นกันว่า ‘โค้ชโดนัท’ จะทำได้ตามเป้า ไม่ต้องลุ้นหนีตกชั้นได้สำเร็จหรือเปล่า

ระยอง เอฟซี
ปิดท้ายกันด้วยทีมน้องใหม่ไทยลีก 1 ฤดูกาล 2024/25 อย่างทัพ ‘ม้านิลมังกร’ ระยอง เอฟซี ที่จบอันดับ 3 ในไทยลีกสองปีที่แล้ว และรอบเพลย์ออฟนัดชิงชนะเลิศเสมอ นครศรี ยูไนเต็ด 1-1 จากการลงเล่นสองนัด แต่ได้เรื่องอเวย์โกลเลยเลื่อนชั้นได้สำเร็จ ถือเป็นการกลับสู่ลีกสูงสุดอีกครั้งในรอบ 3 ปี หลังเคยขึ้นมาแล้วเมื่อฤดูกาล 2020/21 แต่ก็ร่วงกลับไปภายในปีเดียว สำหรับการลุยไทยลีก 1 หนนี้ พวกเขาเปลี่ยนหัวเรือใหญ่จาก พิภพ อ่อนโม้ ที่กลับไปคุมชลบุรี เอฟซี มาเป็น คาร์ลอส ปาร์ไรร่า เฮดโค้ชบราซิลเลียนมากฝีมือที่ผ่านการคุมทีมในไทยมาแล้วมากมาย ซึ่งจุดน่าสนใจของระยอง เอฟซี คือเสียนักเตะออกจากทีมไปแค่ 3 คนเท่านั้น นั่นก็คือ นพคุณ ขัดตุ่น, ติอาโก้ ชูลาป้า และ ราฟาเอล กายาร์โด้ แต่เสริมทัพเข้ามามากถึง 15 คน โดยคนที่น่าสนใจก็มี เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว, เอกชัย สำเร, กนกพล ปุษปาคม, ทัตพิชา อักษรศรี, อาทิตย์ บุตรจินดา, ดาบิด คูเอร์บ้า, ยาเซียร์ ปินโต้, ดีเอโก้ ซิลวา, อมานี อกีนัลโด้ และ สเตนิโอ จูเนียร์ แต่การเสริมเยอะย่อมต้องส่งผลกับการปรับตัวเรื่องแท็คติก มารอดูกันว่า ‘โค้ชคาร์ลอส’ จะทำได้ดีพอพาทีมอยู่รอดในไทยลีก 1 หรือเปล่า