แสงสว่างของ ‘ช้างศึก’ ทีมชาติไทยยุคใหม่ที่มอบทั้งความสุข และความภูมิใจให้แฟนบอลไทย

31 มกราคม 2567 - 09:58

Thailand-in-Asian-cup-2023-overall-SPACEBAR-Hero.jpg
  • ปิดฉากลงไปแล้วเรียบร้อยสำหรับเส้นทางในศึกฟุตบอล เอเชียนคัพ 2023 ของทัพ ‘ช้างศึก’ ทีมชาติไทย

  • มีหลายสิ่งหลายอย่างที่แฟนบอลไทยได้รับจากการแข่งขันครั้งนี้ และหนึ่งในนั้นคือ ‘ความสุข’ ที่ได้เห็นทีมชาติไทยเล่นกันอย่างมีคุณภาพ

  • สุดท้ายเราได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการมาเยือนกาตาร์ครั้งนี้ ไปหาคำตอบพร้อมกัน

ปิดฉากลงไปแล้วเรียบร้อยสำหรับเส้นทางในศึกฟุตบอล เอเชียนคัพ 2023 ที่ประเทศกาตาร์ ของทัพ ‘ช้างศึก’ ทีมชาติไทยยุคใหม่ ภายใต้การนำของ มาซาทาดะ อิชิอิ เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น ต้องบอกว่าในการมาลุยฟุตบอลทัวร์นาเมนต์เมเจอร์ของทวีปเอเชีย รายการใหญ่ระดับชาติที่เป็นรองเพียงแค่ฟุตบอลโลก ได้มอบอะไรหลายๆ อย่างให้แก่แฟนบอลไทย เริ่มตั้งแต่ ความสุขบวกความประทับใจในยามที่ได้ดูทีมชาติลงเล่น ต่อด้วยความภาคภูมิใจที่ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วไทยก็ไม่ได้เป็นรองชาติอื่น ถ้ามีวิธีการและความเข้าใจที่ดีเราก็สู้ทีมชาติใหญ่ๆ ที่เหนือกว่าได้อย่างสนุกสูสี และสุดท้ายคือ ‘แสงสว่าง’ ที่ทำให้เห็นว่าตอนนี้ทีมชาติไทยเดินเข้าสู่เส้นทางที่ควรจะเป็นแล้ว ขอเพียงเวลาให้ อิชิอิ ได้พัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบร้อนโหยหาความสำเร็จ สักวันหนึ่งอนาคตจะดีขึ้นแน่นอน 

ผลงานโดยรวมของทีมชาติไทยในเอเชียนคัพครั้งนี้ คือสิ่งที่แฟนบอลส่วนใหญ่ล้วนภูมิใจ ไล่เรียงตั้งแต่ในรอบแบ่งกลุ่มที่สามารถเข้ารอบได้ด้วยอันดับ 2 ของกลุ่ม ด้วยชัยชนะ 1 นัด และผลเสมอ 2 นัด แถมไม่เสียประตูเลยสักลูกเดียว ต่อด้วยรอบ 16 ทีมสุดท้ายกับ ทีมชาติอุซเบกิสถาน เมื่อวานนี้ที่เราสู้กับเขาได้อย่างสูสี ยิงประตูได้ วิธีการเล่นชัดเจนทั้งรุกและรับ ได้ขึงบุกอยู่ยกใหญ่ในช่วงท้ายเกมเพื่อผลประตูตีเสมอ แม้จะแพ้ก็ไม่รู้สึกแย่เหมือนที่ผ่านๆ มา และสุดท้ายเราได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการมาเยือนกาตาร์ครั้งนี้ ไปหาคำตอบพร้อมกัน

Thailand-in-Asian-cup-2023-overall-SPACEBAR-Photo02.jpg

การมีแม่ทัพที่ดี ย่อมทำให้ขุนพลดีตาม 

อย่างที่แฟนบอลไทยหลายคนรู้กันดีว่า มาซาทาดะ อิชิอิ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยคนปัจจุบัน คือคนที่มีข่าวกับทัพช้างศึกมาตั้งแต่ช่วงก่อนเข้าปลายปีที่แล้ว แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้มาทำหน้าที่สักที จนหลังจากที่ไทยเปิดบ้านแพ้ทีมชาติจีน ในฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือกนัดแรก ก็ทำให้ฟางเส้นสุดท้ายกับ มาโน่ โพลกิ้ง ขาดลง และก็เป็นทางด้านเฮดโค้ชชาวญี่ปุ่นผู้นี้เข้ามารับหน้าที่แทน

เป็นที่รู้กันดีว่า อิชิอิ คือโค้ชที่มีประสบการณ์สูงคนหนึ่ง เริ่มตั้งแต่พา คาชิม่า แอนท์เลอร์ส สโมสรในบ้านเกิดคว้าแชมป์มากมาย จนกระทั่งย้ายมาชิมลางที่เมืองไทยเมื่อปี 2019 และสร้างความประทับใจได้ทันทีด้วยการพาทีมเล็กๆ อย่าง สมุทรปราการ ซิตี้ ติดลมบนทั้งที่เงินทุนน้อย และตัวผู้เล่นเต็มไปด้วยดาวรุ่ง ช่วยแจ้งเกิดนักฟุตบอลหลายคนไม่ว่าจะเป็น ปฏิวัติ คำไหม, ศุภนันท์ บุรีรัตน์, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี และ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ก่อนที่ในปี 2021 เขาจะย้ายไปคุม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พร้อมสร้างประวัติศาสตร์พาทีม ‘ปราสาทสายฟ้า’ คว้าทริปเปิลแชมป์ได้ถึง 2 ฤดูกาลติดต่อกัน จนเมื่อมีข่าวกับทีมชาติไทย แฟนบอลต่างเห็นพ้องต้องกันว่าคนนี้แหละเหมาะสมที่สุดที่จะมาเป็นหัวเรือใหญ่คนต่อไป 

เวลาดำเนินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งวันเซ็นสัญญา 12 ธันวาคม 2023 คือวันแรกที่ มาซาทาดะ อิชิอิ เริ่มงานในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยอย่างเป็นทางการ เขามีเวลาในการเรียนรู้น้อยมากๆ ครึ่งเดือนกว่าๆ ก่อนไปอุ่นเครื่องกับทีมชาติญี่ปุ่นในวันปีใหม่ และหนึ่งเดือนนิดๆ ก่อนไปแข่งรายการสำคัญอย่าง เอเชียนคัพ รอบสุดท้าย แต่กุนซือญี่ปุ่นคนนี้ก็เริ่มทำงานอย่างเต็มสตรีมทันที เริ่มตั้งแต่ไปตามดูฟอร์มนักฟุตบอลในศึกไทยลีกทุกอาทิตย์ วางแผนร่วมกับสมาคมเพื่อให้มีระยะเวลาเก็บตัวที่เหมาะสม ทั้งหมดนี้คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรารู้ว่าในเอเชียนคัพหนนี้ การมีแม่ทัพที่ดีทำให้เราไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างมีคุณภาพ

Thailand-in-Asian-cup-2023-overall-SPACEBAR-Photo03.jpg

ช้างศึกยุคใหม่ที่ ‘แข็งแกร่ง’ ทุกตำแหน่ง 

ตามที่กล่าวมาว่า อิชิอิ ไม่ได้มีเวลามากมายเท่าไหร่ในการเริ่มเรียนรู้งานในฐานะเฮดโค้ชคนใหม่ของทีมชาติไทย ดังนั้นการมีเวลาได้ลองทีมคือสิ่งที่จะช่วยให้เขาเข้าใจทีม จึงทำให้ในเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติญี่ปุ่นตัวเขาได้ลองทีมค่อนข้างหลากหลายเพื่อหาส่วนผสมที่ลงตัว พร้อมที่จะไปเล่นเอเชียนคัพอย่างมีคุณภาพ การแพ้ญี่ปุ่นถึง 5-0 ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร เพราะตอนนี้ขุนพล ‘ซามูไรบลู’ ไม่ใช่ทีมระดับเอเชีย แต่เป็นทีมระดับโลกไปแล้ว หลังจากความพ่ายแพ้นั้นต่างหากที่สำคัญ

เมื่อมาถึงนัดแรกเอเชียนคัพกับทีมชาติคีร์กีซสถาน ที่เราเป็นรองกว่าทั้งอันดับโลกและสรีระตัวผู้เล่น แฟนบอลกลับได้เห็นอะไรใหม่ๆ และวิธีการเล่นที่ชัดเจนขึ้น รวมไปถึงฟอร์มนักเตะแต่ละคนที่ล้วนดีขึ้นผิดหูผิดตา แทคติกมีความชัดเจน ตั้งแต่เกมรับที่มีระเบียบวินัย ช่วยกันวิ่ง ช่วยกันเล่น ต้องลงมาช่วยเกมรับทุกคน ในขณะที่เกมรุกก็มีรูปแบบการเข้าทำชัดเจน ทั้งการต่อบอลสั้น เข้าทำตรงกลาง การวางบอลแนวลึก การเล่นริมเส้น ไม่ล่องลอยเหมือนก่อนหน้านี้  อีกสองนัดที่เจอกับ ทีมชาติโอมาน และทีมชาติซาอุดีอาระเบีย เราก็ทำได้ดีเหมือนเดิม แม้จะเป็นการซื้อเกมรับ แต่นี่ก็คือสิ่งที่ควรทำเมื่อต้องเจอทีมที่เหนือกว่า และเซอร์ไพรส์สุดๆ ก็คือการเจอกับซาอุฯ ที่อิชิอิตัดสินใจเปลี่ยนผู้เล่นยกชุดแต่ก็ช่วยกันยันได้จนจบ  

ส่วนเกมที่เจอกับทีมชาติอุซเบกิสถานเมื่อคืนนี้ ก็ได้เห็นว่าแม้อันดับโลกพวกเขาจะสูงกว่าถึง 45 อันดับ แต่เราก็สามารถสู้และต่อกรกับเขาได้อย่างสนุกเหมือนกัน อย่างประตูตีเสมอก็เห็นได้ชัดเจนว่า การเข้าทำที่หลากหลายมีส่วนที่ทำให้ไทยเจาะประตูคู่แข่งได้ แถมในช่วงท้ายเกมที่ต้องการประตูตีเสมอยังขึงเกมรุกใส่จนทำให้อุซเบฯ ต้องเหนื่อยกับการรับมืออยู่ไม่น้อย เรียกได้ว่าอนาคตหลังจากนี้น่าติดตามมากๆ

เรียก ‘ศรัทธา’ ที่หายไปนานให้กลับมาได้สำเร็จ 

ตลอดทัวร์นาเมนต์เอเชียนคัพหนนี้ แฟนบอลไทยได้เห็นการแจ้งเกิดของผู้เล่นในหลายๆ ตำแหน่งทั้ง ปฏิวัติ คำไหม และ สรานนท์ อนุอินทร์ สองผู้รักษาประตูที่ทำผลงานได้ดีทั้งคู่ ทำให้เราเห็นว่าทีมชาติไทยไม่เคยขาดนายด่านมือดี, คู่เซ็นเตอร์อย่าง เอเลียส ดอเลาะ กับ พรรษา เหมวิบูลย์ ที่แข็งแกร่งมากๆ เวลาเล่นร่วมกัน, วีระเทพ ป้อมพันธุ์ กับ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ที่น่าจะเป็นคู่กลางตัวหลักหลังจากนี้ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก และอีกหลายคนที่เห็นแล้วว่าจะเป็นอนาคตของไทยอย่าง นิโคลัส มิคเกลสัน, ศุภชัย ใจเด็ด, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และ สุภโชค สารชาติ 

"ตอนนี้ระดับเราอยู่ตรงนี้ กลับไปไทยลีกพยายามยกระดับขึ้นไปให้สูงขึ้นอีก และกลับมาเล่นทีมชาติอีกครั้งก็ต้องสูงขึ้นอีก พยายามยกระดับตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกสิ่งทุกอย่างในตัวเรา พยายามพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆ" 

นี่คือคำพูดของ มาซาทาดะ อิชิอิ ที่พูดกับนักเตะในห้องแต่งตัวหลังจบเกม จะเห็นได้ว่าเขาพอใจกับคุณภาพของทีมชาติไทยในเวลานี้ขนาดไหน จากนี้ไปสิ่งที่ต้องทำคือเรียนรู้จากวันนี้ ทัวร์นาเมนต์นี้ เก็บไปพัฒนา ปรับปรุง และยกระดับคุณภาพของตัวเองตั้งแต่ในลีกให้ดีขึ้นไปอีกเรื่อยๆ เพื่อให้พร้อมเดินหน้าต่อไปในรายการสำคัญที่สุดที่รอเราอยู่อย่าง ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก

Thailand-in-Asian-cup-2023-overall-SPACEBAR-Photo04.jpg

ทั้งหมดทั้งมวลที่ผ่านมา การลงเล่นทุกวินาทีที่เกิดขึ้นตลอดครึ่งเดือนคือการเรียก ‘ศรัทธา’ ที่หายไปของทีมชาติไทยให้กลับมาได้แล้วในเวลานี้ เชื่อว่าหลังจากนี้กระแสฟีเวอร์บอลไทยจะกลับมา การเจอกับ ทีมชาติเกาหลีใต้ ในบ้านวันที่ 26 มีนาคม แฟนบอลจะกลับมาเชียร์กันกระหึ่มทั่วราชมังฯ อีกครั้ง  

เอเชียนคัพ 2023 ไม่มีอะไรให้ต้องค้างคาอีกต่อไป เรามาไกลเกินกว่าที่คาดไว้มากๆ แล้ว ครั้งนี้ทีมชาติไทยคือตัวแทนของชาติอาเซียนที่ยอดเยี่ยมที่สุด แม้จะตกรอบก็เป็นการตกรอบที่เต็มไปด้วยศักดิ์ศรี นานแค่ไหนที่เราไม่ได้ดูฟุตบอลทีมชาติแล้วรู้สึกตื่นเต้นขนาดนี้ ไม่ต้องก้มหน้ารับความผิดหวัง แต่จงเงยหน้ารับความภาคภูมิใจในครั้งนี้กันแบบเต็มๆ รายการสำคัญรอเราอยู่่ 

ขอบคุณทีมชาติไทยชุดนี้มากๆ ทั้งโค้ช, ผู้เล่น และสตาฟฟ์ทุกคน พวกคุณคือฮีโร่ของแฟนบอลชาวไทย สู้ไปด้วยกันนะ ‘ช้างศึก’

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์