หลังจากที่โปรแกรมฟุตบอลไทยลีกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วจบลง ในอาทิตย์นี้ก็เดินทางมาถึงโปรแกรมการแข่งขันของฟุตบอลทีมชาติ แน่นอนว่าทีมชาติไทยก็มีภารกิจสำคัญครั้งใหม่ โดยเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาทั้งนักเตะและแฟนบอลก็เพิ่งจะอกหักกันมาเพราะเราพลาดท่าแพ้ทีมชาติเวียดนามในนัดชิงชนะเลิศศึกเอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คัพ หรือ อาเซียน คัพ แต่อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ต้องให้มันผ่านไป เพราะสถานีต่อไปที่ทัพ ‘ช้างศึก’ ต้องโฟกัสและเดินหน้ากันต่อก็คือศึก เอเชียน คัพ 2027 ซึ่งไทยต้องลงแข่งในรอบคัดเลือกรอบที่ 3 เพื่อหาอีก 6 ทีมที่จะได้ไปเล่นรอบสุดท้ายที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ในปี 2027
โดยเราอยู่ในกลุ่ม ดี ร่วมกับ ทีมชาติเติร์กเมนิสถาน ทีมชาติไต้หวัน และ ทีมชาติศรีลังกา ต้องบอกว่าจากชื่อชั้นทั้งหมดแล้วทีมชาติไทยมีภาษีที่ค่อนข้างดีกว่าชัดเจน ตั้งแต่อันดับโลกที่ปัจจุบันเราอยู่ในอันดับที่ 97 ส่วนที่เหลือคืออันดับสูงเกินกว่าอันดับ 140 ทั้งหมด ในส่วนของการแข่งขันจะแข่งแบบเหย้าและเยือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคมปีนี้ไปจนถึง 31 มีนาคมปีหน้าซึ่งแชมป์กลุ่มจะได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายต่อไป
สำหรับโปรแกรมนัดแรก ทีมชาติไทยจะได้เล่นในบ้านที่สนามราชมังคลากีฬาสถานก่อนโดยพบกับทีมชาติศรีลังกา ทีมอันดับ 200 ของโลก ในวันที่ 25 มีนาคม เวลา 19.30 น. รายชื่อนักเตะทั้ง 23 คนในรอบนี้ก็ประกาศออกมาแล้ว โดยผู้รักษาประตูสามคน ได้แก่ ปฏิวัติ คำไหม, สรานนท์ อนุอินทร์ และ ภูวดล พลสงคราม มือกาวจากอยุธยา ยูไนเต็ดที่ติดทีมชาติไทยเป็นครั้งแรก ต่อด้วยกองหลังที่มี โจนาธาร เข็มดี, ชินภัทร ลีเอาะ, ทิตาธร อักษรศรี, นิโคลัส มิคเกลสัน, อิรฟาน ดอเลาะ, ศฤงคาร พรหมสุภะ, ศุภนันท์ บุรีรัตน์, เอเลียส ดอเลาะ ในขณะที่กองกลางได้ ชนาธิป สรงกระสินธ์ คัมแบ็คกลับมาอีกครั้ง บวกด้วย ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว, ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร, เบนจามิน เดวิส, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, วีระเทพ ป้อมพันธุ์ และ สุภโชค สารชาติ ปิดท้ายด้วยกองหน้า ได้แก่ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย, ปรเมศย์ อาจวิไล, พาตริก กุสตาฟส์สัน และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา
ถ้าดูจากรายชื่อแล้วก็เป็นนักเตะชุดที่คุ้นเคยและผ่านการทำงานร่วมกับ มาซาทาดะ อิชิอิ เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น มาแล้วเกือบทุกคน ดังนั้นในนัดแรกถ้าซ้อมกันได้ดีมากพอและในสนามเล่นได้ตามแท็คติกที่ทางอิชิอิวางไว้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับการคว้าชัยชนะและเก็บสามคะแนนแรก แม้ว่าทางทีมชาติศรีลังกาจะมีผู้เล่นโอนสัญชาติอยู่หลายคนก็ตาม แต่ถึงจะดูไม่ใช่งานยากอะไรเราเองก็ไม่ควรประมาทคู่ต่อสู้รวมถึงต้องผิดพลาดให้น้อยที่สุดเหมือนกัน สุดท้ายเชื่อว่าทาง อิชิอิ เองก็น่าจะวางแผนและเตรียมการมาเป็นอย่างดี เพราะเขาเองก็คงไม่อยากอกหักและทำให้แฟนบอลเสียใจเหมือนในศึกอาเซียน คัพ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
สำหรับใครที่อยากไปให้กำลังใจที่สนามราชมังคลากีฬาสถานสามารถไปหาซื้อบัตรกันได้้ที่ Thaiticketmajor แต่ถ้าใครไม่สะดวกก็สามารถติดตามผ่านการถ่ายทอดสดได้ทาง ไทยรัฐ ทีวี และ BG Sports วันอังคารที่ 25 มีนาคม เวลา 19.30 น. เรามาเชียร์ทัพ ‘ช้างศึก’ ทีมชาติไทย กับการเดินทางครั้งใหม่ไปด้วยกันครับ
