อนาคตจะไปทางไหนดี! ช้างศึก U-17 แพ้รวด ชวดไปบอลโลก ตกรอบเอเชียน คัพ 2025

10 เม.ย. 2568 - 12:01

  • เก็บกระเป๋า ‘กลับบ้าน’ อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้วสำหรับทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี

  • บทสรุปทัวร์นาเมนต์นี้แพ้รวด เก็บได้ 0 คะแนน ยิงได้ 2 ประตู เสียไป 9 ประตู อกหักอดไปเล่นบอลโลก

Thailand-National-Team-U17-after-Asian-cup-2025-SPACEBAR-Hero.jpg

เก็บกระเป๋า ‘กลับบ้าน’ อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้วสำหรับทัพ ‘ช้างศึก จูเนียร์’ ทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี หลังล่าสุดแพ้ทีมชาติจีน 2-0 ในนัดสุดท้าย แบบที่เรียกได้ว่าสิ้นสภาพนักศึกษาเพราะสู้เขาไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ทำให้บทสรุปของทัวร์นาเมนต์นี้เราแพ้รวดทั้ง 3 นัด ได้ 0 คะแนน ยิงได้แค่ 2 ประตู และเสียไปมากถึง 9 ประตู นอกจากตกรอบแล้วยังเป็นทีมชาติไทยอีกชุดที่ต้อง ‘อกหัก’ อดไปเล่นฟุตบอลโลก นั่นแสดงให้เห็นว่าอนาคตความหวังของทีมชาติไทย ‘ไม่ค่อยสดใส’ อย่างที่วาดไว้ 

เชื่อว่าแฟนบอลไทยหลายคนไม่มีใครคาดคิดว่าเราจะแพ้รวดทั้ง 3 นัด อย่างในสองนัดแรกอาจจะพอเข้าใจกันได้ว่ามีสิทธิ์ที่จะแพ้ เพราะเป็นการเจอทีมชาติอุซเบกิสถานที่เป็นทีมวางอยู่แล้วและยังเป็นหนึ่งในทีมขาประจำของฟุตบอลโลก U-17 ส่วนทีมชาติซาอุดีอาระเบียก็เป็นชาติเจ้าภาพ ถ้าไม่ดีพอหรือดีไปกว่าเขาการพ่ายแพ้ก็อาจไม่ใช่เรื่องแปลกหรือยอมรับไม่ได้แต่อย่างใด แต่นัดสุดท้ายกับทีมชาติจีนที่อยู่ในโถที่ต่ำกว่าเราอย่างน้อยๆ ทุกคนก็คงคิดว่าได้สัก 1 คะแนนกลับบ้านก็ยังดีเพื่อศักดิ์ศรีว่าเราไม่ได้แพ้รวด แต่ผลที่ได้มากลายเป็นแบบสู้ไม่ได้สักกระบวนท่า ตอนนี้คงต้องมารอดูกันว่าเราจะเป็นบ๊วย  0 แต้มทีมเดียวหรือเปล่าเพราะทีมชาติอัฟกานิสถานแข่งไป 2 นัดก็ยังไม่มีแต้ม ถ้านัดสุดท้ายเขามีแต้มผลงานเราในทัวร์นาเมนต์นี้ก็จะเป็นทีมที่แย่ที่สุดทันที 

ปัญหาที่เห็นได้ชัดที่สุดในรายการนี้ของน้องๆ ทีมชาติไทยก็คือพลังน้อย ไม่มีความฟิตเหมือนทีมอื่นๆ ถ้าสังเกตดูตลอด 3 นัดที่ผ่านมาเราโดนคู่แข่งเช็คบิลในช่วงครึ่งหลังตลอด อย่างในเกมกับอุซเบฯ ครึ่งแรกตามหลัง 2-1 มีสิทธิ์ลุ้นตีเสมอได้ แต่พอเริ่มครึ่งหลังมาแป๊บเดียวก็มาโดนใบแดง หลังจากนั้นก็ยุบทันที สุดท้ายแพ้ 4-1 ส่วนในเกมที่สองจบครึ่งแรกเสมอกัน 1-1 รูปเกมก็พอสู้กันได้แบบที่อย่างน้อยต้องมีเสมอแน่ๆ หรือไม่ก็อาจพลิกชนะได้เลย แต่ครึ่งหลังพลังหมดเหมือนเดิม โดนเขาบี้ไป 3-1 ล่าสุดเกมเมื่อวานนี้จบครึ่งแรกเสมอจีน 0-0 ทุกคนคาดหวังผลเหมือนเกมที่สอง สุดท้ายแรงหายแพ้ไป 2-0 อย่างที่เห็น 

เรื่องน่าสนใจอยู่ที่นักเตะส่วนใหญ่ของหลายๆ ชาติมาจากอะคาเดมี่ของสโมสรอาชีพโดยมีนักเตะระบบโรงเรียนสอดแทรกกันมาบ้าง แต่ของเราเป็นเด็กมาจากระบบโรงเรียนมากกว่าระบบอะคาเดมี่ ไปกันคนละทางกับชาติอื่นๆ เลย ยกตัวอย่างในกลุ่มเรา เช่น อุซเบกิสถาน กับ ซาอุดีอาระเบียล้วนเป็นเด็กอะคาเดมี่ทั้งหมด และจีนก็มีเด็กอะคาเดมี่ 16 คน อีก 7 คนมาจากระดับโรงเรียน ในขณะที่กลุ่มบี ยูเออี กับ ออสเตรเลีย เป็นเด็กของสโมสรหมด ส่วนญี่ปุ่นมีเด็กจากโรงเรียนมัธยมแทรกมา 3 คน แม้กระทั่งเวียดนามเพื่อนบ้านเราก็มีเด็กสโมสรถึง 17 คน นอกจากนี้ทีมที่เหลือก็อิงจากระบบอะคาเดมี่แทบทั้งสิ้น ถ้าถามว่าทำไมเขาถึงเลือกแบบนั้นคำตอบก็คงเป็นเพราะเขาเชื่อว่าเด็กเหล่านี้จะมีความเข้าใจในเกมและมีพลังมากกว่าเนื่องจากถูกฝึกมาในระบบเดียวกับทีมฟุตบอลอาชีพ น่าแปลกใจว่าทำไมเราถึงไม่เลือกแบบเขาทั้งที่สโมสรในไทยก็มีอะคาเดมี่กันมากมายหลายทีม 

นอกจากนี้ก็ยังมีเหตุผลในเรื่องที่แฟนบอลพูดกันมาอยู่ตลอดว่านักเตะชุดนี้ ‘แอ็กเกินไป’ หมายความง่ายๆ ก็คืออาการหลงระเริงในความสำเร็จที่เหนือกว่าคนอื่นๆ ทั้งที่แท้จริงแล้วเราไม่ได้แชมป์อาเซียนด้วยซ้ำ มันก็จริงอยู่ที่เราเข้าไปได้ถึงรอบชิงฯ แต่ผลลัพธ์ท้ายที่สุดคือเราไม่ได้เป็นแชมป์ พอไปคิดว่าเราเก่งเราแจ๋ว มาเจอระดับที่เหนือกว่าจริงๆ ก็กลายเป็นจ๋อย ส่วนอีกเรื่องคือ ‘โค้ช’ ซึ่งตอนนี้เป็น จเด็จ มีลาภ ทำหน้าที่นี้อยู่ บอกตรงๆ ว่าพอผู้เขียนได้นั่งตามเกมมาตลอดทั้ง 3 นัดนึกว่าดูการท่าเรือ เอฟซี สมัยมาสเซอร์เด็จคุมอยู่อย่างไรอย่างนั้น คือบอลคิดอะไรไม่ออก ‘บอกปีก’ จ่ายออกข้างไปริมเส้นให้ไปเลี้ยงเอา มีโอกาสก็เปิดเข้ากลาง รูปทรงการเซ็ตเกมรุกสวยๆ ไม่มีให้เห็นเลย ดูแล้วไร้ไอเดียอย่างเห็นได้ชัด  

สุดท้ายการตกรอบคราวนี้ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยคงต้องนำปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นไปทำการบ้านกันต่อไป ทั้งเรื่องความฟิต การตัดสินใจกันใหม่ว่าแนวทางเด็กมัธยมมากกว่าเด็กอะคาเดมี่นี่มันดีจริงๆ ใช่ไหม ถ้าคิดกันแล้วว่ามันดีกว่าก็ไปเพิ่มความฟิต ปรับความเข้าใจเกมกันเสียใหม่ เพราะจากที่เห็นตอนนี้ไม่มีแววว่าจะไปได้ดีเลย รวมไปถึงในเรื่องของโค้ช ถ้าคนที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาดูแล้วไม่เหมาะก็ควรไปหาคนที่เหมาะสมจริงๆ มาทำงานแทนดีกว่าหรือเปล่า ท้ายที่สุดคือต้องไม่หลอกตัวเองว่าเราเก่งไปกว่าใคร ต้องคิดว่าแม้เราจะเก่งแล้วแต่ก็จะมีคนที่เหนือกว่าอยู่เสมอ สุดท้ายนี้ก็ขอเป็นกำลังใจให้คนที่ตั้งใจต่อไป โดยเฉพาะน้องๆ ที่ทุ่มเทเต็มที่ สู้กันต่อแล้วกลับมาแข็งแรงและดีกว่าเดิมให้ได้ครับ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์