‘ใครๆ ก็ไม่รักผม ขนาดพัดลมยังส่ายหน้าเลย’
ขอหยิบยกประโยคนี้จากเพลงฮิตสมัยวัยเยาว์มาเปิดบทความนี้สักหน่อย หลังจากที่นั่งดูฟอร์มการเล่นที่เปลี่ยนแปลงไปของ จาดอน ซานโช ในนัดล่าสุดที่ระเบิดฟอร์มกระชากลากเลื้อยใส่ทีม ปารีส แซ็ง-แฌร์แม็ง ภายใต้สีเสื้อของ เสือเหลือง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่ทุกคนเมื่อได้ดูแล้วก็รู้สึกว่า หรือการย้ายไปยังสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเป็นสิ่งที่ผิดพลาดของเจ้าตัว
วันนี้เราจะมาวิเคราะห์กันดูว่า ทำไมมันถึงแตกต่างกันได้ขนาดนี้ ทั้งวิธีการเล่นและการเข้าทำประตูต่างๆ ของเขาที่ดูเหมือนว่า ตอนนี้จะเริ่มกลับมาเป็นปกติแบบที่ทุกคนเคยได้เห็นและเป็นนักเตะผู้มีสไตล์การเล่นที่น่ากลัวอีกคนหนึ่งบนศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในเวลานี้
ย้อนกลับไปในปี 2021 จาดอน ซานโช ตัดสินใจย้ายมาสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวราว 73 ล้านปอนด์ พร้อมกับที่หลายคนให้คำนิยามกับดีลนี้ไว้ว่า ‘จะเป็นดีลที่คุ้มค่าของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด’ แต่หลังจากที่เจ้าตัวย้ายมาและลงเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปทั้งหมด 58 นัด ในยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และความเป็นจริงเขาก็ไม่สามารถแจ้งเกิดได้อยู่ดี ทั้งตำแหน่งที่สลับไปสลับมาไม่ชัดเจนระหว่างฝั่งซ้ายและฝั่งขวา รวมไปถึงระยะเวลาในการลงเล่น แทบจะหานัดที่เจ้าตัวขุดฟอร์มเก่งแบบที่เคยเห็นกันมายากมาก แถมดันไปสร้างวีรกรรมไว้ในช่วงฝึกซ้อมให้ เอริก เทน ฮาก ไม่พึงพอใจ ทุกอย่างเลยยิ่งไปกันใหญ่
‘เพียงคำขอโทษ’ เรื่องราวทุกอย่างก็จะจบลงและซานโชจะกลับเข้าสู่การฝึกซ้อมกับทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทันที แต่เจ้าตัวกลับออกมากล่าวว่า ไม่มีเหตุผลจำเป็นที่ต้องขอโทษเฮดโค้ชของผีแดงในเวลานี้ และเลือกที่จะหาสโมสรใหม่เพื่อโอกาสในการลงเล่นแม้จะเป็นรูปแบบของการยืมตัวก็ตาม เขาต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่าตัวเองก็มีดีเช่นกัน เพียงแต่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสนามซ้อมหรือนอกสนามระหว่างที่อยู่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มันเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อน
ดังนั้นการตัดสินใจย้ายกลับมายังบ้านเดิมอันอบอุ่นอย่าง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด พร้อมกับหมายเลข 10 ที่สโมสรมอบให้ ทำให้เขาเชื่อมั่นได้ว่า ที่นี่คือที่ที่เขาคุ้นเคยและเข้าใจรูปแบบการเล่นของทีมจริงๆ
การมาของ ซานโช กับ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ หนที่สองนี้กลับกลายเป็นการจุดประกายให้เจ้าตัวกลับมาเจิดจรัสอีกครั้งบนเส้นทางลูกหนังกับสถิติการลงสนาม 17 นัด ทำประตู 3 ประตูและ แอสซิสต์ 3 ประตูด้วยกัน เป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นแล้วว่า เมื่ออยู่ถูกที่ผลงานก็มักแสดงออกมาถูกเวลาเสมอ แล้วอะไรที่ทำให้เขากลับมาระเบิดฟอร์มอีกครั้ง เรามาลองคิดตามกัน
ตำแหน่งและวิธีการเล่น : สิ่งที่แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้คือ ตำแหน่งในการลงเล่นของ จาดอน ซานโชที่ได้รับส่วนใหญ่ของเขาจะเป็นปีกขวาที่เจ้าตัวถนัดในการลงเล่นที่สุด ทำให้ฟอร์มจึงระเบิดออกมาได้ขนาดนี้ รวมไปถึงวิธีการเล่นของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่แตกต่างจากการเล่นให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด การเคลื่อนฟุตบอล การวางระบบวิธีการวิ่ง ทำให้เขาฉายแสงออกมามากขึ้น ตรงนี้เป็นจุดที่ชี้ชัดว่า ระบบการเล่นและตำแหน่งในการลงเล่นมีส่วนจริงๆ
สภาพจิตใจ : อีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็คือ สภาพจิตใจที่ดีขึ้น การกลับไปอยู่ในสถานที่ที่คุ้นเคย บริบทที่เจ้าตัวเคยพบเจอทำให้เขาสามารถปรับตัวได้ไวและระเบิดฟอร์มได้รวดเร็ว การอยู่ในแมนเชสเตอร์แม้จะเป็นประเทศบ้านเกิดของเจ้าตัว แต่ความกดดัน ภาวะที่แฟนบอลคาดหวังทำให้เขาต้องแบกรับภาระไว้มากมาย แต่ที่เยอรมนีเขาไม่ต้องอยู่ในสภาวะนั้น หน้าที่ของเขามีเพียงแค่ลงสนามไปทำฟอร์มให้ดีแค่นั้นเป็นพอ ตรงนี้จึงแตกต่างมากๆ เมื่อเทียบกันกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ของเจ้าตัวที่เคยประสบพบมา
ท้ายที่สุดแล้วเบื้องหลังฟอร์มดีครั้งนี้ปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็คือ ตัวของจาดอน ซานโชเองที่พลิกช่วงเวลาเลวร้ายให้กลับมาสว่างสดใสอีกครั้งได้ ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะได้กลับไปที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกหรือไม่ แต่ถึงตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า นักเตะผู้นี้ก็มีดีเช่นกัน ฉะนั้นจะขายหรือจะทำอะไรต่อจากนี้โปรดคิดดีๆ หรือไม่แน่อีกทางหนึ่งก็คือ เอริก เทน ฮาก สิ่งที่คุณกำลังตัดสินอยู่บางทีน่าจะกลับมาคิดอีกครั้งว่าถูกต้องหรือไม่? กับการเลือกปฏิบัติเช่นนี้กับ ซานโช และปล่อยนักเตะให้ไประเบิดฟอร์มกับทีมอื่นเช่นนี้