เคยแปลกใจหรือคิดกันเล่นๆ ไหมว่า ทำไมบรรดาผู้บริหารหรือนักธุรกิจนิยมเล่นกอล์ฟ? ทั้งในภาพของโลกแห่งความเป็นจริง หรือแม้กระทั่งในละครหรือซีรีส์ เราก็จะเห็นนักธุรกิจใหญ่โตมักใช้เวลาว่างส่วนหนึ่งไปกับการออกรอบตีกอล์ฟ ทำไมถึงไม่ค่อยเห็นภาพพวกเขาไปเล่นกีฬาอื่นๆ บ้าง ทั้งที่บนโลกนี้มีกีฬาอีกมากมายหลายประเภท ฟุตบอลก็นับเป็นกีฬายอดนิยมสุดๆ ชนิดหนึ่ง แต่กลับไม่ค่อยเห็นพวกเขาไปเล่นกันเลย หรือกีฬาฮิตๆ อย่างอื่นเช่น บาสเก็ตบอล ก็แทบไม่ปรากฏ
วันนี้เราจะมาลองวิเคราะห์กันว่า ทำไมเหล่าซีอีโอถึงชอบเล่นกอล์ฟ เหตุผลสำคัญคืออะไร มาติดตามไปพร้อมกัน
กอล์ฟ คือ ‘เครื่องมือทางธุรกิจ’ ชั้นยอดของผู้บริหาร
แม้เราจะสงสัยว่า เพราะอะไรบรรดาผู้บริหารถึงตีแต่กอล์ฟ นัดไปออกรอบกันบ่อยๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าข้อตกลงทางธุรกิจหลายๆ อย่างมักจะมีการ ‘ปิดดีล’ กันในสนามกอล์ฟ แถมยังเคยมีสถิติออกมาบอกด้วยว่า ซีอีโอที่ไปตีกอล์ฟเป็นประจำจะมีรายได้โดยเฉลี่ยมากกว่าคนที่ไม่เล่นกอล์ฟมากถึง 17%
“กอล์ฟมอบโอกาสพิเศษในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเป็นระยะเวลาหนึ่ง” ศาสตราจารย์ Bill Walsh จากภาคธุรกิจของมหาวิทยาลัย Syracuse ในนิวยอร์กกล่าว “ถ้าคุณรับประทานอาหารกลางวันกับใครสักคนอาจจะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง แต่ในการตีกอล์ฟ คุณจะรู้จักคนคนนั้นมากขึ้นจากการออกรอบสู้กันในสนาม ในยุคที่การประชุมสามารถเริ่มที่ไหนก็ได้ กอล์ฟอาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณจะสามารถรักษาการพูดคุยส่วนตัวเอาไว้ได้” เขาอธิบายเพิ่มเติม
นอกจากนี้ยังเคยมีผลสำรวจว่า บรรดาซีอีโอที่ติดอยู่ในโผ Fortune 500 รายชื่อที่จัดอันดับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สุด 500 แห่งในสหรัฐอเมริกาโดยนิตยสาร Fortune มีซีอีโอถึง 90% ในลิสต์นี้นิยมเล่นกีฬากอล์ฟ และ 80% บอกว่าการเล่นกอล์ฟทำให้พวกเขาสามารถสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจใหม่ๆ ได้ และแม้ว่านักกอล์ฟที่เป็นผู้หญิงจะมีเพียงแค่ 20% แต่กว่า 50% ของผู้บริหารหญิงที่ตีกอล์ฟบอกว่าการพูดถึงหรือให้ความสนใจเรื่องกอล์ฟทำให้พวกเธอประสบความสำเร็จมากขึ้น
เหตุผลที่กอล์ฟเป็นสะพานเชื่อมทางธุรกิจที่ดี
- นี่คือช่วงเวลาคุณภาพที่คุณจะได้ประชุมแบบยาวๆ กับซีอีโอบริษัทอื่นๆ รวมไปถึงลูกค้าสำคัญที่กำลังเจรจาปิดดีลอยู่ เพราะเวลามีค่าเสมอ บางคนงานรัดตัวทั้งวัน มีเวลาว่างบางทีไม่ถึงครึ่งชั่วโมง การได้พูดคุยกันท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลาย ล้อมรอบด้วยหญ้าเขียวขจี บึงน้ำ และทราย ยิ่งทำให้บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปอย่างสบายๆ และเป็นมิตรมากขึ้น
- ได้เรียนรู้ทัศนคติและวิธีการทำงานของคนผ่านกีฬา เพราะกอล์ฟเป็นกีฬาที่ต้องใช้เวลาเล่นยาวนาน บวกกับต้องใช้ความคิดอยู่ตลอดเวลา เช่น ช็อตต่อไปจะเล่นอย่างไร ทำให้ได้เห็นทั้งการวางแผน การแก้เกม รวมถึงการควบคุมอารมณ์ ซึ่งทั้งหมดสามารถสะท้อนวิธีการดำเนินธุรกิจของแต่ละคน
- แน่นอนว่านี่คือกีฬาที่คนนิยามว่ามักจะมีแต่ ‘คนรวย’ เล่น จึงทำให้การตีกอล์ฟจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับคนที่เล่นมากขึ้น
- กอล์ฟ คือกีฬาที่เล่นได้แทบทุกเพศทุกวัย ไม่ต้องใช้ร่างกายเยอะหรือหนักหน่วงเหมือนกีฬาอื่นๆ ลองนึกภาพผู้บริหารวัย 50 ไปเตะบอลก็ไม่น่าจะไหว หรือถ้าไปเตะแล้วโดนเสียบจนเจ็บขึ้นมาก็คงต้องรักษาตัวเป็นระยะเวลานาน และอาจจะเสียมิตรภาพทางธุรกิจไปเลยก็ได้
แต่ถ้าเล่นมากไปก็ทำให้บริษัท ‘พัง’ ได้เหมือนกัน
แต่ใช่ว่าการตีกอล์ฟจะส่งผลดีกับธุรกิจเสมอไป การศึกษาของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทนเนสซี และมหาวิทยาลัยอลาบามา เผยว่าในบริษัทที่ซีอีโอเล่นกอล์ฟมากกว่า 22 รอบต่อปี จะมีรายได้ต่ำกว่าบริษัทที่ผู้บริหารเล่นไม่บ่อยประมาณ 1.1%
“ซีอีโอบางคนในฐานข้อมูลเล่นเกิน 100 รอบในหนึ่งปี! แม้ว่าการออกรอบบางรอบอาจตอบโจทย์วัตถุประสงค์ทางธุรกิจได้ แต่การเล่นมากเกินไปอาจจะไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นที่สุดสำหรับผู้บริหารเสมอไป”
สุดท้ายเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า กอล์ฟ คือกีฬาที่ช่วยให้นักธุรกิจหรือผู้บริหารประสบความสำเร็จทางธุรกิจ รวมถึงเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของตัวผู้บริหารเอง แต่หากเล่นมากเกินไปก็มีข้อเสียเหมือนกัน ดังนั้นทุกอย่างควรอยู่ในบริบทของความพอดี อย่ามัวแต่ออกรอบกันเพลินจนลืมทำงานนะครับ
