ช่วงเวลานี้ภารกิจสู่ดวงจันทร์กำลังเป็นที่สนใจอย่างมาก โดยเฉพาะความสำเร็จของอินเดียในการส่งจันทรายาน-3 ลงจอดขั้วใต้ดวงจันทร์ ก็ยิ่งทำให้ทั้งสหรัฐฯ จีน และรัสเซีย ที่มีเป้าหมายจะกลับไปดวงจันทร์อีกครั้งอยู่แล้วตกเป็นเป้าจับตาว่าจะทำสำเร็จหรือไม่?
และเป็นเวลานานกว่า 50 ปีมาแล้วที่มนุษย์ลงเหยียบบนพื้นผิวดวงจันทร์เป็นครั้งแรกในภารกิจ ‘อะพอลโล 11’ ทว่านอกจากรอยเท้า และธงชาติสหรัฐฯ ที่ทิ้งไว้บนดวงจันทร์แล้ว ยังพบว่ามีสิ่งของจากภารกิจที่มีลูกเรือและไร้ลูกเรือหลายต่อหลายครั้งอยู่บนนั้นเกือบ 400,000 ปอนด์เลยทีเดียว
วัตถุส่วนใหญ่มักเป็นยานอวกาศ ยานสำรวจ และเศษซากจรวดที่ชนเข้ากับพื้นผิวดวงจันทร์หลังภารกิจเสร็จสิ้น แต่นอกจากสิ่งเหล่านี้ยังมีสิ่งแปลกๆ อีกจำนวนหนึ่ง
และนี่คือ 6 สิ่งสุดแปลกที่นักบินอวกาศเคยทิ้งไว้บนดวงจันทร์
และเป็นเวลานานกว่า 50 ปีมาแล้วที่มนุษย์ลงเหยียบบนพื้นผิวดวงจันทร์เป็นครั้งแรกในภารกิจ ‘อะพอลโล 11’ ทว่านอกจากรอยเท้า และธงชาติสหรัฐฯ ที่ทิ้งไว้บนดวงจันทร์แล้ว ยังพบว่ามีสิ่งของจากภารกิจที่มีลูกเรือและไร้ลูกเรือหลายต่อหลายครั้งอยู่บนนั้นเกือบ 400,000 ปอนด์เลยทีเดียว
วัตถุส่วนใหญ่มักเป็นยานอวกาศ ยานสำรวจ และเศษซากจรวดที่ชนเข้ากับพื้นผิวดวงจันทร์หลังภารกิจเสร็จสิ้น แต่นอกจากสิ่งเหล่านี้ยังมีสิ่งแปลกๆ อีกจำนวนหนึ่ง
และนี่คือ 6 สิ่งสุดแปลกที่นักบินอวกาศเคยทิ้งไว้บนดวงจันทร์
1. ปัสสาวะและอุจจาระ 96 ถุง

ระหว่างภารกิจอะพอลโล 11 นักบินอวกาศเองก็ต้องอึและฉี่เหมือนที่เราทุกคนทำบนโลก แม้ว่ามันอาจจะฟังดูเหมือนเรื่องหลอกลวง แต่จริงๆ แล้วมันมี ‘ถุงของเสียเหล่านี้ถึง 96 ใบเชียวล่ะ’ (บางถุงก็เต็ม บางถุงก็ไม่เต็ม)
นักบินอวกาศจำเป็นต้องทิ้งถุงไว้บนพื้นผิวดวงจันทร์ เนื่องจากยานภารกิจได้รับการออกแบบมาโดยคำนึงถึงน้ำหนักสูงสุดที่ยานอวกาศจะบรรทุกได้ น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นใดๆ ในกระสวยอวกาศอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของนักบินอวกาศได้ หรือเพื่อเผื่อน้ำหนักไว้สำหรับนำหินบนดวงจันทร์กลับไปศึกษาต่อบนโลก
ขณะที่นักชีวดาราศาสตร์บางคนก็สนใจที่จะตรวจอุจจาระเหล่านั้นเพื่อดูว่ามีแบคทีเรียหลงเหลืออยู่หรือไม่? และพวกมันสามารถกลายพันธุ์ได้ในอัตราที่สูงเนื่องจากได้รับรังสีไหม?
นักบินอวกาศจำเป็นต้องทิ้งถุงไว้บนพื้นผิวดวงจันทร์ เนื่องจากยานภารกิจได้รับการออกแบบมาโดยคำนึงถึงน้ำหนักสูงสุดที่ยานอวกาศจะบรรทุกได้ น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นใดๆ ในกระสวยอวกาศอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของนักบินอวกาศได้ หรือเพื่อเผื่อน้ำหนักไว้สำหรับนำหินบนดวงจันทร์กลับไปศึกษาต่อบนโลก
ขณะที่นักชีวดาราศาสตร์บางคนก็สนใจที่จะตรวจอุจจาระเหล่านั้นเพื่อดูว่ามีแบคทีเรียหลงเหลืออยู่หรือไม่? และพวกมันสามารถกลายพันธุ์ได้ในอัตราที่สูงเนื่องจากได้รับรังสีไหม?
2. จานแม่เหล็กเก็บข้อมูล ‘Silicon Disc’

สิ่งของอีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจในภารกิจอะพอลโล 11 ซึ่งถูกทิ้งไว้บนดวงจันทร์ก็คือ จานแม่เหล็กเก็บข้อมูล ‘Silicon Disc’ ขนาดประมาณเหรียญครึ่งดอลลาร์โดยมีข้อความแสดงไมตรีจิตจากผู้นำ 73 ประเทศ
บริเวณริมขอบจานแม่เหล็กดังกล่าวมีคำว่า ‘From Planet Earth, July 1969’ และบริเวณด้านบนมีข้อความว่า “ข้อความความปรารถนาดีจากทั่วโลกส่งไปยังดวงจันทร์ให้นักบินอวกาศอะพอลโล 11” นอกจากนี้ยังมีรายชื่อสมาชิกสภาคองเกรสที่ลงนามในกฎหมายอนุมัติให้เกิดภารกิจอะพอลโล 11 รวมถึงรายชื่อผู้บริหาร NASA ระดับสูงด้วย
บริเวณริมขอบจานแม่เหล็กดังกล่าวมีคำว่า ‘From Planet Earth, July 1969’ และบริเวณด้านบนมีข้อความว่า “ข้อความความปรารถนาดีจากทั่วโลกส่งไปยังดวงจันทร์ให้นักบินอวกาศอะพอลโล 11” นอกจากนี้ยังมีรายชื่อสมาชิกสภาคองเกรสที่ลงนามในกฎหมายอนุมัติให้เกิดภารกิจอะพอลโล 11 รวมถึงรายชื่อผู้บริหาร NASA ระดับสูงด้วย
3. ลูกกอล์ฟ 2 ลูก

ผ่านมาแล้ว 52 ปี แต่ภาพที่นักบินอวกาศตีกอล์ฟบนดวงจันทร์ยังคงเป็นหนึ่งในภาพที่น่าประทับใจที่สุดในประวัติศาสตร์ โดย อลัน เชพเพิร์ด นักบินอวกาศคนที่ 5 ที่เหยียบบนดวงจันทร์ในภารกิจอะพอลโล 14 ได้นำอุปกรณ์ตีกอล์ฟติดไว้กับเครื่องมือที่ใช้ตักดินบนดวงจันทร์
“มันไกลออกไปเป็นไมล์หลายไมล์” เชพเพิร์ดกล่าวในช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งออกอากาศแก่ผู้รับชมทางโทรทัศน์ที่อยู่ห่างออกไปไกลเกือบ 240,000 ไมล์ ทว่า จริงๆ แล้วการตีช็อตดังกล่าวนั้นได้ถูกประเมินไว้ตั้งแต่ฝึกตีบนโลกที่ประมาณ 200-300 หลา แต่มันก็น่าทึ่งมากเมื่อพิจารณาจากชุดอวกาศที่จำกัดการเคลื่อนไหวของเขาในสภาพแวดล้อมที่ไร้น้ำหนักบนดวงจันทร์
แรกๆ เชพเพิร์ดตีไม่โดนลูกด้วยซ้ำและตีโดนหินบนดวงจันทร์เสียมากกว่า แต่หลังจากนั้นเขาก็สามารถตีลูกกอล์ฟได้เร็วที่สุดเท่าที่นักบินอวกาศจะตีได้ขณะแกว่งด้วยมือข้างเดียวในชุดอวกาศที่มีแรงดันซึ่งมีน้ำหนัก 180 ปอนด์ (บนโลก)
และแน่นอนว่าเชพเพิร์ดไม่ได้เอาลูกกอล์ฟกลับมาด้วย มันจึงปรากฏเป็นของแปลกบนดวงจันทร์ที่ถูกทิ้งเอาไว้นั่นเอง
“มันไกลออกไปเป็นไมล์หลายไมล์” เชพเพิร์ดกล่าวในช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งออกอากาศแก่ผู้รับชมทางโทรทัศน์ที่อยู่ห่างออกไปไกลเกือบ 240,000 ไมล์ ทว่า จริงๆ แล้วการตีช็อตดังกล่าวนั้นได้ถูกประเมินไว้ตั้งแต่ฝึกตีบนโลกที่ประมาณ 200-300 หลา แต่มันก็น่าทึ่งมากเมื่อพิจารณาจากชุดอวกาศที่จำกัดการเคลื่อนไหวของเขาในสภาพแวดล้อมที่ไร้น้ำหนักบนดวงจันทร์
แรกๆ เชพเพิร์ดตีไม่โดนลูกด้วยซ้ำและตีโดนหินบนดวงจันทร์เสียมากกว่า แต่หลังจากนั้นเขาก็สามารถตีลูกกอล์ฟได้เร็วที่สุดเท่าที่นักบินอวกาศจะตีได้ขณะแกว่งด้วยมือข้างเดียวในชุดอวกาศที่มีแรงดันซึ่งมีน้ำหนัก 180 ปอนด์ (บนโลก)
และแน่นอนว่าเชพเพิร์ดไม่ได้เอาลูกกอล์ฟกลับมาด้วย มันจึงปรากฏเป็นของแปลกบนดวงจันทร์ที่ถูกทิ้งเอาไว้นั่นเอง
4. งานศิลปะชิ้นแรกบนดวงจันทร์ ‘Fallen Astronaut’

‘Fallen Astronaut’ รูปปั้นอะลูมิเนียมขนาด 3.5 นิ้วที่สร้างขึ้นโดยศิลปินชาวเบลเยียม พอล ฟาน ฮุยอาย์ดองค์ ซึ่งนักบินอวกาศ เดวิด สก็อตต์ และ เจมส์ เออร์วิน เป็นผู้ที่นำมาไว้บนดวงจันทร์ระหว่างภารกิจอะพอลโล 15 (ปี 1971) เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่วีรบุรุษผู้กล้าในโครงการอวกาศของสหรัฐฯ และโซเวียตที่เสี่ยงชีวิตและเสียชีวิตจากภารกิจ
แนวคิดนี้สูงส่งและถือเป็นการยกย่องนักบินอวกาศทุกคนที่เสียชีวิตในอวกาศ โดยทั้งสก็อตต์ และเออร์วินตัดสิใจวางรูปปั้นดังกล่าวบริเวณหุบเขา ‘Hadley Rille’ บนดวงจันทร์ พร้อมด้วยป้ายเล็กๆ ที่มีชื่อของชายผู้กล้าหาญทั้ง 14 คน
และเห็นได้ชัดว่ารูปปั้นนั้นทำจากอะลูมิเนียม เนื่องจากเป็นโลหะชนิดเดียวที่สามารถทนต่ออุณหภูมิสุดขั้วของดวงจันทร์ได้ “ประติมากรรมต้องมีขนาดเล็ก และสก็อตต์บอกผมว่าไม่ต้องปั้นระบุเชื้อชาติใดๆ ไม่ใช่คนผิวดำ ไม่ใช่ผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง และรูปปั้นต้องสามารถทนต่อความหนาวจัดและร้อนจัด ผมเลยต้องออกแบบมาเป็นแบบนั้น” ฮุยอาย์ดองค์กล่าว
แนวคิดนี้สูงส่งและถือเป็นการยกย่องนักบินอวกาศทุกคนที่เสียชีวิตในอวกาศ โดยทั้งสก็อตต์ และเออร์วินตัดสิใจวางรูปปั้นดังกล่าวบริเวณหุบเขา ‘Hadley Rille’ บนดวงจันทร์ พร้อมด้วยป้ายเล็กๆ ที่มีชื่อของชายผู้กล้าหาญทั้ง 14 คน
และเห็นได้ชัดว่ารูปปั้นนั้นทำจากอะลูมิเนียม เนื่องจากเป็นโลหะชนิดเดียวที่สามารถทนต่ออุณหภูมิสุดขั้วของดวงจันทร์ได้ “ประติมากรรมต้องมีขนาดเล็ก และสก็อตต์บอกผมว่าไม่ต้องปั้นระบุเชื้อชาติใดๆ ไม่ใช่คนผิวดำ ไม่ใช่ผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง และรูปปั้นต้องสามารถทนต่อความหนาวจัดและร้อนจัด ผมเลยต้องออกแบบมาเป็นแบบนั้น” ฮุยอาย์ดองค์กล่าว
5. ขนนกเหยี่ยว

สิ่งของแปลกประหลาดอีกหนึ่งชิ้นที่ภารกิจอะพอลโล 15 ทิ้งไว้บนดวงจันทร์ก็คือ ‘ขนนกเหยี่ยว’ ซึ่ง เดวิด สก็อตต์ นำขึ้นมาทำการทดลองวิทยาศาสตร์สุดคลาสสิคกับคำถามที่ว่า ‘เมื่อตกจากที่สูงเท่ากัน อะไรจะกระแทกพื้นเร็วกว่าระหว่าง ‘ลูกโบว์ลิ่ง’ หรือ ‘ขนนก’?’ ทั้งนี้ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าในภาวะสุญญากาศ เช่นนี้ วัตถุ 2 ชิ้นที่หล่นลงมาพร้อมกันจะตกลงพร้อมกันไหม? และเพื่ออธิบายทฤษฎีของกาลิเลโอ
“ในมือซ้ายของผมมีขนนก ในมือขวาของผมมีค้อน ผมเดาว่าเหตุผลหนึ่งที่เรามาที่นี่วันนี้ก็เพราะสุภาพบุรุษนามว่า ‘กาลิเลโอ’ ได้ค้นพบทฤษฎีที่ค่อนข้างสำคัญเกี่ยวกับวัตถุที่ตกลงมาในสนามแรงโน้มถ่วง และเราคิดว่าจะมีที่ไหนดีไปกว่านี้ (บนดวงจันทร์) ที่จะยืนยันการค้นพบของเขา?”
วิทยาศาสตร์อธิบายว่าบนโลกของเรามีบรรยากาศซึ่งมีไนโตรเจนและออกซิเจนเป็นองค์ประกอบหลัก แน่นอนว่า ‘ลูกบอลจะกระแทกพื้นก่อน ไม่ใช่เพราะมันหนักกว่า แต่เป็นเพราะขนนกสัมผัสกับแรงต้านของอากาศระหว่างทางลง’
แต่สิ่งต่างๆ บนดวงจันทร์กลับแตกต่างออกไป เนื่องจากมีอากาศในชั้นบรรยากาศของดวงจันทร์ในปริมาณที่น้อยมาก แรงต้านของอากาศจึงไม่เป็นปัญหา ทำให้ขนนกและลูกโบว์ลิ่งที่ตกลงมาจากความสูงเท่ากันจะกระแทกถึงพื้นพร้อมกัน
เมื่อถึงช่วงเวลาทดลองจริงๆ เขาก็กำขนนกไว้ที่มือซ้าย และถือค้อนไว้ที่มือขวา จากนั้นจึงปล่อยทั้ง 2 สิ่งนี้ลงพื้นผิวดวงจันทร์พร้อมกันซึ่งพบว่า ‘ขนนกและค้อนกระทบถึงพื้นผิวพร้อมกัน’ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจมากนัก
“ในมือซ้ายของผมมีขนนก ในมือขวาของผมมีค้อน ผมเดาว่าเหตุผลหนึ่งที่เรามาที่นี่วันนี้ก็เพราะสุภาพบุรุษนามว่า ‘กาลิเลโอ’ ได้ค้นพบทฤษฎีที่ค่อนข้างสำคัญเกี่ยวกับวัตถุที่ตกลงมาในสนามแรงโน้มถ่วง และเราคิดว่าจะมีที่ไหนดีไปกว่านี้ (บนดวงจันทร์) ที่จะยืนยันการค้นพบของเขา?”
วิทยาศาสตร์อธิบายว่าบนโลกของเรามีบรรยากาศซึ่งมีไนโตรเจนและออกซิเจนเป็นองค์ประกอบหลัก แน่นอนว่า ‘ลูกบอลจะกระแทกพื้นก่อน ไม่ใช่เพราะมันหนักกว่า แต่เป็นเพราะขนนกสัมผัสกับแรงต้านของอากาศระหว่างทางลง’
แต่สิ่งต่างๆ บนดวงจันทร์กลับแตกต่างออกไป เนื่องจากมีอากาศในชั้นบรรยากาศของดวงจันทร์ในปริมาณที่น้อยมาก แรงต้านของอากาศจึงไม่เป็นปัญหา ทำให้ขนนกและลูกโบว์ลิ่งที่ตกลงมาจากความสูงเท่ากันจะกระแทกถึงพื้นพร้อมกัน
เมื่อถึงช่วงเวลาทดลองจริงๆ เขาก็กำขนนกไว้ที่มือซ้าย และถือค้อนไว้ที่มือขวา จากนั้นจึงปล่อยทั้ง 2 สิ่งนี้ลงพื้นผิวดวงจันทร์พร้อมกันซึ่งพบว่า ‘ขนนกและค้อนกระทบถึงพื้นผิวพร้อมกัน’ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจมากนัก
6. ภาพถ่ายของครอบครัวนักบินอวกาศ

อีกหนึ่งช่วงเวลาสำคัญของนักบินอวกาศเมื่อก้าวเหยียบดวงจันทร์จะพลาดการบันทึกภาพถ่ายเก็บไว้เป็นความทรงจำได้อย่างไร แต่นอกจากจะถ่ายเก็บไว้แล้ว นักบินอวกาศจากภารกิจอะพอลโล 16 ยังทิ้งภาพถ่ายครอบครัวไว้บนดวงจันทร์อีกด้วย
รูปครอบครัวดังกล่าวเป็นของ ชาร์ลส์ ดยุก นักบินอวกาศอะพอลโล 16 วัย 36 ปีในเวลานั้นซึ่งนับว่าเป็นมนุษย์ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เหยียบบนพื้นผิวดวงจันทร์ โดยรูปถ่ายใบนั้นมีดยุก ลูกชาย 2 คน และภรรยาของเขา นอกจากนี้ ดยุกยังเขียนข้อความด้านหลังภาพถ่ายไว้ด้วยว่า “นี่คือครอบครัวของนักบินอวกาศ ชาร์ลีย์ ดยุก จากโลกที่ลงจอดบนดวงจันทร์เมื่อวันที่ 20 เมษายน 1972”
และในปัจจุบันมีความเป็นไปได้ว่าภาพถ่ายดังกล่าวอาจไม่เห็นเป็นรูปร่าง หรืออาจเป็นเศษซากไปแล้ว เนื่องจากอุณหภูมิบนดวงจันทร์นั้นสูงมากจนถึง 260 องศาฟาเรนไฮต์เมื่ออยู่กลางแสงแดด และในเวลากลางคืนก็หนาวจัดมากจนอุณหภูมิลดลงเหลือ -280 องศาองศาฟาเรนไฮต์
นอกจากสิ่งของเหล่านี้แล้ว เหล่านักบินอวกาศยังทิ้งสิ่งของประมาณ 100 ชิ้นที่พวกเขาไม่ต้องการใช้อีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็น
รูปครอบครัวดังกล่าวเป็นของ ชาร์ลส์ ดยุก นักบินอวกาศอะพอลโล 16 วัย 36 ปีในเวลานั้นซึ่งนับว่าเป็นมนุษย์ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เหยียบบนพื้นผิวดวงจันทร์ โดยรูปถ่ายใบนั้นมีดยุก ลูกชาย 2 คน และภรรยาของเขา นอกจากนี้ ดยุกยังเขียนข้อความด้านหลังภาพถ่ายไว้ด้วยว่า “นี่คือครอบครัวของนักบินอวกาศ ชาร์ลีย์ ดยุก จากโลกที่ลงจอดบนดวงจันทร์เมื่อวันที่ 20 เมษายน 1972”
และในปัจจุบันมีความเป็นไปได้ว่าภาพถ่ายดังกล่าวอาจไม่เห็นเป็นรูปร่าง หรืออาจเป็นเศษซากไปแล้ว เนื่องจากอุณหภูมิบนดวงจันทร์นั้นสูงมากจนถึง 260 องศาฟาเรนไฮต์เมื่ออยู่กลางแสงแดด และในเวลากลางคืนก็หนาวจัดมากจนอุณหภูมิลดลงเหลือ -280 องศาองศาฟาเรนไฮต์
นอกจากสิ่งของเหล่านี้แล้ว เหล่านักบินอวกาศยังทิ้งสิ่งของประมาณ 100 ชิ้นที่พวกเขาไม่ต้องการใช้อีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็น
- รองเท้าบูทอวกาศ 12 คู่
- กล้อง
- เครื่องมือสำรวจ
- ฟิล์ม
- โล่ประกาศเกียรติคุณที่ลงนามโดย อดีตประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน
- ธงชาติสหรัฐฯ ที่พวกเขาปักไว้ในดินบนดวงจันทร์ (แม้ว่ามันจะถูกระเบิดด้วยไอเสียของจรวดหลังจากออกจากดวงจันทร์)