ความฉลาดของ ‘AI’ กำลังจะมาแทนที่ตำแหน่งงาน 300 ล้านตำแหน่ง!

29 มี.ค. 2566 - 07:39

  • “ผลกระทบระยะยาวของ AI นั้นมีความไม่แน่นอนสูง…เราไม่รู้ว่าเทคโนโลยีจะพัฒนาไปอย่างไร หรือบริษัทจะรวมเข้ากับวิธีการทำงานได้อย่างไร”

  • “นั่นไม่ได้หมายความว่า AI จะไม่ขัดขวางวิธีการทำงานของเรา แต่เราควรให้ความสำคัญกับมาตรฐานการครองชีพที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและบริการที่ถูกกว่า…”

AI-could-replace-equivalent-of-300-million-jobs-SPACEBAR-Hero

เมื่อความฉลาดของ AI กลายเป็นปัญหา

รายงานธนาคารเพื่อการลงทุน Goldman Sachs ระบุว่า “ความฉลาดของปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเป็นปัญหาเอาเสียแล้ว เมื่อมันสามารถแทนที่งานประจำที่เทียบเท่ากับ 300 ล้านงาน และอาจแทนที่ 1 ใน 4 ของงานในสหรัฐฯ และยุโรป  
 
แต่ก็ไม่ได้มีแต่ข้อเสียไปเสียหมด เพราะมันอาจหมายถึงงานใหม่และการเพิ่มผลผลิต ซึ่งในที่สุดนั้นมันจะสามารถเพิ่มมูลค่ารวมต่อปีของสินค้า รวมถึงบริการที่ผลิตทั่วโลกได้ถึง 7% 

โอกาสการจ้างงาน 

ในสหราชอาณาจักร พบว่า รัฐบาลมีความกระตือรือร้นที่จะส่งเสริมการลงทุนด้าน AI ซึ่งระบุว่าจะขับเคลื่อนผลผลิตทั่วทั้งเศรษฐกิจในท้ายที่สุด และพยายามสร้างความมั่นใจให้กับสาธารณชนเกี่ยวกับผลกระทบของมัน 
 
มิเชลล์ โดเนลาน รัฐมนตรีกระทรวงเทคโนโลยีของอังกฤษกล่าวกับสำนักข่าว The Sun ว่า “เราต้องการให้แน่ใจว่า AI ช่วยเสริมวิธีการทำงานในสหราชอาณาจักร โดยไม่รบกวนการทำงาน ทำให้งานของเราดีขึ้น แทนที่จะทิ้งมันไป” 
 
จากรายงานระบุว่า “ผลกระทบของ AI จะแตกต่างกันไปในแต่ละภาคส่วน โดย 46% เป็นงานในการบริหาร 44% เป็นงานในวิชาชีพกฎหมายที่สามารถทำงานอัตโนมัติได้ ส่วน 6% ในส่วนงานก่อสร้างและ 4% ในส่วนการบำรุงรักษา” 
 
แต่ก่อนหน้านี้ BBC News ได้รายงานถึงความกังวลของศิลปินบางคนว่าเครื่องสร้างภาพ AI อาจส่งผลเสียต่อโอกาสการจ้างงานของพวกเขาด้วย 
 
“สิ่งเดียวที่ผมแน่ใจก็คือไม่มีทางรู้ว่าจะมีงานกี่ตำแหน่งที่จะถูกแทนที่ด้วย AI…สิ่งที่ ChatGPT ทำคืออนุญาตให้ผู้คนจำนวนมากขึ้นที่มีทักษะการเขียนโดยเฉลี่ยเพื่อผลิตบทความ ดังนั้น นักข่าวจะเผชิญกับการแข่งขันที่มากขึ้นซึ่งจะทำให้ค่าจ้างลดลง เว้นแต่เราจะเห็นว่าความต้องการงานดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมาก” คาร์ล เบเนดิกต์ เฟรย์ผู้อำนวยการด้านอนาคตของการทำงานที่หน่วยวิจัย Oxford Martin School แห่งมหาวิทยาลัยออกฟอร์ดกล่าวกับ BBC News 
 
“อย่างไรก็ตาม ผลกระทบระยะยาวของ AI นั้นมีความไม่แน่นอนสูง…เราไม่รู้ว่าเทคโนโลยีจะพัฒนาไปอย่างไร หรือบริษัทจะรวมเข้ากับวิธีการทำงานได้อย่างไร”  
 
“นั่นไม่ได้หมายความว่า AI จะไม่ขัดขวางวิธีการทำงานของเรา แต่เราควรให้ความสำคัญกับมาตรฐานการครองชีพที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นและบริการที่ถูกกว่า รวมทั้งความเสี่ยงที่จะล้าหลังหากบริษัทและเศรษฐกิจอื่นๆ ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีได้ดีขึ้น” ทอร์สเตน เบลล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของมูลนิธิ Resolution Foundation กล่าวกับ BBC News  

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์