“เอเชียแปซิฟิก ไม่ใช่สนามหลังบ้านของใคร และไม่ควรกลายเป็นเวทีการแข่งขันของมหาอำนาจใหญ่” สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีนกล่าวก่อนเริ่มการประชุมสุดยอดเอเปค 2022 ในวันศุกร์ (18 พ.ย.) ที่กรุงเทพฯ พร้อมเตือนถึงความตึงเครียดจากสงครามที่จุดไฟให้จีนและสหรัฐฯ
“ความพยายามที่จะก่อสงครามเย็นครั้งใหม่จะไม่ได้รับอนุญาตจากประชาชนหรือในยุคของเรา เราควรเดินตามแนวทางที่เปิดกว้างและไม่แบ่งแยก และภูมิภาคนี้ไม่ควรกลายเป็นเวทีสำหรับการแข่งขันชิงอำนาจครั้งใหญ่” สีกล่าว
ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกตึงเครียดมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้ จากประเด็นต่างๆ เช่น ภาษี ไต้หวัน การโจรกรรมทรัพย์สินทางปัญญา การยกเลิกเอกราชของฮ่องกง และข้อพิพาทเกี่ยวกับดินแดนเหนือทะเลจีนใต้ และอื่นๆ
ในความเคลื่อนไหวที่จีนอาจมองว่าเป็นการท้าทาย เกิดขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงกล่าวว่า รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กมลา แฮร์ริส จะเดินทางเยือนเกาะปาลาวันของฟิลิปปินส์ในทะเลจีนใต้ที่มีกรณีพาท
การเดินทางครั้งนี้จะทำให้แฮร์ริสเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ที่มาเยือนหมู่เกาะที่อยู่ติดกับหมู่เกาะสแปรตลีย์ซึ่งจีนขุดลอกพื้นทะเลเพื่อสร้างท่าเรือและลานบิน โดยมีหลายประเทศอ้างสิทธิเหนือหมู่เกาะสแปรตลีย์ อาทิ บรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และเวียดนาม
ขณะที่สีบอกกับเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ในการประชุมที่กรุงเทพฯ ว่า ความสัมพันธ์ทวิภาคีที่แน่นแฟ้นขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่มั่นคงในทะเล
ในการประชุม G20 ที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศต่างๆ ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าสมาชิกส่วนใหญ่ประณามสงครามในยูเครน แต่ก็ยอมรับว่ามีบางประเทศเห็นความขัดแย้งแตกต่างออกไป ด้านเจ้าภาพอินโดนีเซียกล่าวว่า สงครามเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมากที่สุด
รัสเซียเป็นสมาชิกของทั้ง G20 และเอเปค แต่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ไม่ยอมเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว แต่จะส่ง อันเดร เบโลซอฟ รองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่ง มาเป็นผู้นำคณะผู้แทนรัสเซียในการประชุมเอเปค
สีได้พบกับนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะของญี่ปุ่นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการประชุมระดับผู้นำครั้งแรกระหว่างทั้ง 2 ประเทศในรอบเกือบ 3 ปี ซึ่งหลังจากนั้นนายคิชิดะกล่าวว่าเขาได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับสันติภาพในช่องแคบไต้หวัน และยืนยันกับสีอีกครั้งว่าพวกเขาจะเปิดการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่ทางการทูตอีกครั้งและสื่อสารกันอย่างใกล้ชิด
สำนักข่าว CCTV ของจีนรายงานว่า สีบอกกับคิชิดะว่าปัญหาของไต้หวันเกี่ยวข้องกับรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ และข้อพิพาทด้านดินแดนควรได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม
เมื่อวันพฤหัสบดี (17 พ.ย.) ขณะที่เหล่าผู้นำเตรียมการประชุมเอเปค รัฐบาลทหารของเมียนมาร์ได้ประกาศนิรโทษกรรมนักโทษ 5,774 คน ในจำนวนนี้มีผู้สร้างภาพยนตร์ชาวญี่ปุ่น อดีตเอกอัครราชทูตอังกฤษ นักเศรษฐศาสตร์ชาวออสเตรเลีย และอดีตที่ปรึกษาของนางออง ซาน ซูจี ผู้นำที่ถูกเนรเทศ สื่อของรัฐกล่าวว่า 700 คนในจำนวนนี้ได้รับการปล่อยตัวเป็นนักโทษการเมือง
ด้านนักเคลื่อนไหวและฝ่ายตรงข้ามของกองทัพยินดีต่อการนิรโทษกรรม แต่เตือนชาวโลกว่าอย่าหลงกลรัฐบาลทหาร ซึ่งเขามักใช้ประชาชนเป็นตัวต่อรอง
“ความพยายามที่จะก่อสงครามเย็นครั้งใหม่จะไม่ได้รับอนุญาตจากประชาชนหรือในยุคของเรา เราควรเดินตามแนวทางที่เปิดกว้างและไม่แบ่งแยก และภูมิภาคนี้ไม่ควรกลายเป็นเวทีสำหรับการแข่งขันชิงอำนาจครั้งใหญ่” สีกล่าว
ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกตึงเครียดมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้ จากประเด็นต่างๆ เช่น ภาษี ไต้หวัน การโจรกรรมทรัพย์สินทางปัญญา การยกเลิกเอกราชของฮ่องกง และข้อพิพาทเกี่ยวกับดินแดนเหนือทะเลจีนใต้ และอื่นๆ
ในความเคลื่อนไหวที่จีนอาจมองว่าเป็นการท้าทาย เกิดขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงกล่าวว่า รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กมลา แฮร์ริส จะเดินทางเยือนเกาะปาลาวันของฟิลิปปินส์ในทะเลจีนใต้ที่มีกรณีพาท
การเดินทางครั้งนี้จะทำให้แฮร์ริสเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ที่มาเยือนหมู่เกาะที่อยู่ติดกับหมู่เกาะสแปรตลีย์ซึ่งจีนขุดลอกพื้นทะเลเพื่อสร้างท่าเรือและลานบิน โดยมีหลายประเทศอ้างสิทธิเหนือหมู่เกาะสแปรตลีย์ อาทิ บรูไน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และเวียดนาม
ขณะที่สีบอกกับเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ในการประชุมที่กรุงเทพฯ ว่า ความสัมพันธ์ทวิภาคีที่แน่นแฟ้นขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่มั่นคงในทะเล
ในการประชุม G20 ที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศต่างๆ ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าสมาชิกส่วนใหญ่ประณามสงครามในยูเครน แต่ก็ยอมรับว่ามีบางประเทศเห็นความขัดแย้งแตกต่างออกไป ด้านเจ้าภาพอินโดนีเซียกล่าวว่า สงครามเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมากที่สุด
รัสเซียเป็นสมาชิกของทั้ง G20 และเอเปค แต่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ไม่ยอมเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว แต่จะส่ง อันเดร เบโลซอฟ รองนายกรัฐมนตรีคนที่หนึ่ง มาเป็นผู้นำคณะผู้แทนรัสเซียในการประชุมเอเปค
สีได้พบกับนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะของญี่ปุ่นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นการประชุมระดับผู้นำครั้งแรกระหว่างทั้ง 2 ประเทศในรอบเกือบ 3 ปี ซึ่งหลังจากนั้นนายคิชิดะกล่าวว่าเขาได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับสันติภาพในช่องแคบไต้หวัน และยืนยันกับสีอีกครั้งว่าพวกเขาจะเปิดการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่ทางการทูตอีกครั้งและสื่อสารกันอย่างใกล้ชิด
สำนักข่าว CCTV ของจีนรายงานว่า สีบอกกับคิชิดะว่าปัญหาของไต้หวันเกี่ยวข้องกับรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ และข้อพิพาทด้านดินแดนควรได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม
เมื่อวันพฤหัสบดี (17 พ.ย.) ขณะที่เหล่าผู้นำเตรียมการประชุมเอเปค รัฐบาลทหารของเมียนมาร์ได้ประกาศนิรโทษกรรมนักโทษ 5,774 คน ในจำนวนนี้มีผู้สร้างภาพยนตร์ชาวญี่ปุ่น อดีตเอกอัครราชทูตอังกฤษ นักเศรษฐศาสตร์ชาวออสเตรเลีย และอดีตที่ปรึกษาของนางออง ซาน ซูจี ผู้นำที่ถูกเนรเทศ สื่อของรัฐกล่าวว่า 700 คนในจำนวนนี้ได้รับการปล่อยตัวเป็นนักโทษการเมือง
ด้านนักเคลื่อนไหวและฝ่ายตรงข้ามของกองทัพยินดีต่อการนิรโทษกรรม แต่เตือนชาวโลกว่าอย่าหลงกลรัฐบาลทหาร ซึ่งเขามักใช้ประชาชนเป็นตัวต่อรอง
