เมื่อวันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2023 ที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบ 1 ปี ที่รัสเซียรุกรานยูเครน และเป็นจุดเริ่มต้นความขัดแย้งทั้งหมด
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ พูดคุยกับฝูงชนหลายพันคนในกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ เมื่อวันอังคาร (21 ก.พ.) ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการครบรอบ 1 ปี นับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครน โดยได้กล่าวปฏิญาณว่า ‘จะสนับสนุนยูเครนที่ประสบความยากลำบาก วางสงครามในบริบทที่กว้างขึ้นว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างเผด็จการและประชาธิปไตย
“หนึ่งปีที่แล้ว โลกเตรียมพร้อมสำหรับการล่มสลายของเคียฟ ผมเพิ่งกลับมาจากการเยี่ยมชมเคียฟ และบอกได้เลยว่าเคียฟยังแข็งแกร่ง น่าภาคภูมิใจ และที่สำคัญคือ เป็นอิสระ” ไบเดนกล่าว
“ความโหดร้ายจะไม่มีวันบดบังเจตจำนงเสรี และยูเครนจะไม่มีวันเป็นชัยชนะสำหรับรัสเซีย ไม่มีวัน” ไบเดน กล่าว
ไบเดนเดินทางไปเคียฟ แบบลับๆ โดยการนั่งเครื่องบิน และต่อด้วยรถไฟเป็นเวลา 10 ชั่วโมง เพื่อแสดงความห่วงใย และพร้อมที่จะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ ประธานาธิบดี โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน
“เมื่อปูตินสั่งให้รถถังของเขาเคลื่อนที่สู่ยูเครน เขาคงคิดว่าเราจะถอย แต่เขาคิดผิด เขาคิดว่านาโตจะแตกหักและแตกแยก ทว่านาโตกลับกลายเป็นปึกแผ่นมากขึ้น และแนบแน่นกว่าที่เคยเป็นมา” ไบเดนกล่าว
คำพูดดังกล่าวยังเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ที่มีต่อยูเครน ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อขับไล่การโจมตีครั้งใหม่ของรัสเซียที่เริ่มขึ้นไม่นานก่อนวันครบรอบ 1 ปีของความขัดแย้ง ทางด้าน เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ เรียกการเยือนครั้งนี้ว่า ‘เป็นประวัติศาสตร์’ และไม่เคยมีมาก่อนในยุคปัจจุบัน ขณะที่รัสเซียได้รับการแจ้งล่วงหน้าแล้วว่าไบเดนจะเดินทางไปยังเคียฟ
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ พูดคุยกับฝูงชนหลายพันคนในกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ เมื่อวันอังคาร (21 ก.พ.) ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการครบรอบ 1 ปี นับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครน โดยได้กล่าวปฏิญาณว่า ‘จะสนับสนุนยูเครนที่ประสบความยากลำบาก วางสงครามในบริบทที่กว้างขึ้นว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างเผด็จการและประชาธิปไตย
“หนึ่งปีที่แล้ว โลกเตรียมพร้อมสำหรับการล่มสลายของเคียฟ ผมเพิ่งกลับมาจากการเยี่ยมชมเคียฟ และบอกได้เลยว่าเคียฟยังแข็งแกร่ง น่าภาคภูมิใจ และที่สำคัญคือ เป็นอิสระ” ไบเดนกล่าว
“ความโหดร้ายจะไม่มีวันบดบังเจตจำนงเสรี และยูเครนจะไม่มีวันเป็นชัยชนะสำหรับรัสเซีย ไม่มีวัน” ไบเดน กล่าว
ไบเดนเดินทางไปเคียฟ แบบลับๆ โดยการนั่งเครื่องบิน และต่อด้วยรถไฟเป็นเวลา 10 ชั่วโมง เพื่อแสดงความห่วงใย และพร้อมที่จะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ ประธานาธิบดี โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน
“เมื่อปูตินสั่งให้รถถังของเขาเคลื่อนที่สู่ยูเครน เขาคงคิดว่าเราจะถอย แต่เขาคิดผิด เขาคิดว่านาโตจะแตกหักและแตกแยก ทว่านาโตกลับกลายเป็นปึกแผ่นมากขึ้น และแนบแน่นกว่าที่เคยเป็นมา” ไบเดนกล่าว
คำพูดดังกล่าวยังเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ที่มีต่อยูเครน ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อขับไล่การโจมตีครั้งใหม่ของรัสเซียที่เริ่มขึ้นไม่นานก่อนวันครบรอบ 1 ปีของความขัดแย้ง ทางด้าน เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ เรียกการเยือนครั้งนี้ว่า ‘เป็นประวัติศาสตร์’ และไม่เคยมีมาก่อนในยุคปัจจุบัน ขณะที่รัสเซียได้รับการแจ้งล่วงหน้าแล้วว่าไบเดนจะเดินทางไปยังเคียฟ
ขณะที่ วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียเองก็กล่าวว่า จะ ‘ยกระดับ’ รัสเซีย เช่นกัน
‘การยกระดับ’ กลายเป็นหลักสำคัญของปูติน และในวันนี้เราเห็นการยกระดับจากปูตินมากขึ้น..“รัสเซียขอระงับการเข้าร่วมในสนธิสัญญา New Start” ปูตินประกาศในคำปราศรัยของประเทศ New Start เป็นสนธิสัญญาควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ฉบับสุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ เพื่อจำกัดคลังอาวุธนิวเคลียร์ของทั้ง 2 ประเทศ
ประธานาธิบดีรัสเซียประกาศว่าเขาได้ลงนามในพระราชกฤษฎีกาเรื่อง ‘การวางศูนย์ยุทธศาสตร์บนภาคพื้นดินใหม่ให้ทำหน้าที่เตรียมพร้อมรบ’ อีกทั้งยังเตือนด้วยว่า รัสเซียพร้อมที่จะเริ่มการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์อีกครั้ง
“แน่นอนว่าเราจะไม่ทำก่อน แต่หากสหรัฐฯ ทำการทดสอบ เราก็จะทำเช่นกัน” ปูตินกล่าว และยังกล่าวหาว่าชาติตะวันตกเติมเชื้อไฟให้เกิดสงครามเพื่อทำลายรัสเซีย
คำปราศรัยของไบเดนมีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ปูตินพูดต่อหน้ารัฐสภาของประเทศ ซึ่งปูตินได้วางกรอบสงครามที่จุดประกายจากการรุกรานยูเครนของรัสเซียว่าเป็นการต่อสู้กับตะวันตก
ไบเดนโต้แย้งคำกล่าวของปูตินในสุนทรพจน์ของเขา โดยกล่าวถึงชาวรัสเซียโดยตรงในประเด็นหนึ่ง
“คืนนี้ผมขอพูดกับชาวรัสเซียอีกครั้ง.. สหรัฐฯ และชาวยุโรปไม่ได้พยายามที่จะควบคุมหรือทำลายรัสเซียตะวันตกไม่ได้วางแผนที่จะโจมตีรัสเซีย พลเมืองรัสเซียหลายล้านคนที่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขในฐานะเพื่อนบ้านไม่ใช่ศัตรู” ไบเดนกล่าว
