โควิด ‘จีน’ ขาขึ้นระลอกนี้อาจติดเชื้อถึง 800 ล้านคน คาดเสียชีวิตกว่าครึ่งล้าน!

16 ธ.ค. 2565 - 04:15

  • ประชากรมีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสน้อยมากเนื่องจากคนส่วนใหญ่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน ก่อนหน้านี้จีนให้ความสำคัญกับการกักตัว การตรวจหาเชื้อ และการจำกัดการเดินทางเพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสแพร่กระจายออกนอกประเทศ

  • ดังนั้นจีนจึงป้องกันไม่ให้คนส่วนใหญ่ติดเชื้อ แต่กลายเป็นว่าขณะนี้เกือบ 1.4 พันล้านคนในจีนมีความไวต่อการติดเชื้อ

  • ผู้สูงอายุเพียง 50% เท่านั้นที่ได้รับการฉีดเข็มกระตุ้น (เข็ม 3) ทำให้ผู้คนราว 11 ล้านคนยังคงมีความเสี่ยงสูงที่จะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและเสียชีวิต

COVID-spreading-faster-than-ever-in-China-800-million-could-infected-winter-SPACEBAR-Hero
ขณะนี้จีนกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เป็นระลอกใหญ่ที่สุดในโลก เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของจีนให้ความเห็นว่า อาจมีผู้ติดเชื้อโควิดถึง 800 ล้านคน ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และในการคาดการณ์หลายๆ ครั้ง คาดการณ์ไว้ว่าอาจมีผู้เสียชีวิตถึงครึ่งล้าน หรืออาจมากกว่านั้น  

ด้านรองผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมโรคติดต่อของจีน เซียวเฟิง เหลียง ประกาศต่อสาธารณะว่า อันที่จริง โควิดระลอกแรกอาจแพร่ระบาดในประชากรราวๆ 60% นั่นหมายความว่าประมาณ 10% ของประชากรโลกอาจติดเชื้อในช่วง 90 วันข้างหน้า 

ขณะที่นักระบาดวิทยา เบน คาวลิ่ง เห็นด้วยกับคำทำนายนี้ พร้อมกล่าวว่า คลื่นนี้กำลังจะมาเร็วมากนั่นเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด ถ้ามันมาช้ากว่านี้หน่อยจีนคงมีเวลาเตรียมตัวทว่านี่มันเกิดขึ้นเร็วมาก ในกรุงปักกิ่งมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากแล้วเช่นเดียวกับในเมืองใหญ่อื่นๆ เพราะมันแพร่กระจายเร็วมาก 

คาวลิ่งกล่าวว่า ไวรัสแพร่กระจายในจีนได้เร็วกว่าที่เคยแพร่กระจายทุกที่ในช่วงที่เกิดโรคระบาด นอกจากนี้ยังดูเหมือนจะเป็นโรคติดต่อโดยเฉพาะในประชากรจีน ในการประเมินการส่งผ่านของไวรัส นักวิทยาศาสตร์มักจะใช้พารามิเตอร์ที่เรียกว่าจำนวนสืบพันธุ์หรือหมายเลข R โดยพื้นฐานแล้ว หมายเลข R จะบอกคุณโดยเฉลี่ยว่าผู้ป่วย 1 คน สามารถส่งต่อเชื้อทำให้มีผู้ติดเชื้อต่อกี่คน  

คาวลิ่งยกตัวอย่างว่า ในช่วงเริ่มต้นของการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในต้นปี 2020 ตัวเลข R อยู่ที่ประมาณ 2 หรือ 3 ในช่วงเวลานั้นแต่ละคนจะแพร่เชื้อได้ 2 - 3 คนโดยเฉลี่ย จากการศึกษาพบว่าในช่วงที่เชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนพุ่งสูงขึ้นในสหรัฐฯ กระทั่งเมื่อฤดูหนาวปีที่แล้ว เลข R เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 10 หรือ 11  

นักวิทยาศาสตร์จาก China National Health Commission ประเมินว่าตัวเลข R ในปัจจุบันอยู่ที่ 16 ซึ่งคาวลิ่งกล่าวว่า นี่เป็นระดับการส่งสัญญาณที่สูงมาก นั่นเป็นสาเหตุที่จีนไม่สามารถรักษานโยบายปลอดโควิดของพวกเขาต่อไปได้ ไวรัสนี้แพร่เชื้อได้มากเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าไวรัสจะแพร่กระจายในจีนได้เร็วกว่าโอมิครอนที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วในที่อื่นๆ 

ช่วงฤดูหนาวที่แล้ว ผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2 เท่าทุกๆ 3 วันหรือมากกว่านั้น ตอนนี้ในประเทศจีนเวลาที่เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ดังนั้นโรงพยาบาลจะอยู่ภายใต้แรงกดดัน 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/3rplUq2EnzBQIALVcH9pRc/6c975b3186e2b331b3faeabe6ff684a4/COVID-spreading-faster-than-ever-in-China-800-million-could-infected-winter-SPACEBAR-Photo01__1_
Photo: Peter PARKS / AFP

เหตุใดไวรัสจึงแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว

เหตุผลก็คือประชากรมีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสน้อยมากเนื่องจากคนส่วนใหญ่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน ก่อนหน้านี้จีนให้ความสำคัญกับการกักตัว การตรวจหาเชื้อ และการจำกัดการเดินทางเพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสแพร่กระจายออกนอกประเทศ ดังนั้นจีนจึงป้องกันไม่ให้คนส่วนใหญ่ติดเชื้อ แต่กลายเป็นว่าขณะนี้เกือบ 1.4 พันล้านคนในจีนมีความไวต่อการติดเชื้อ 
 

แล้ว ‘วัคซีน’ จะช่วยสกัดการแพร่ระบาดได้ไหม?

คาวลิ่งกล่าวว่า ประมาณ 90% ของประชากรที่มีอายุเกิน 18 ปีได้รับการฉีดวัคซีน 2 เข็ม สูตรการฉีดดังกล่าวสามารถป้องกันการเจ็บป่วยร้ายแรง แต่ไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อ นอกจากนี้ ผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีจำเป็นต้องได้รับวัคซีน 3 เข็มเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยร้ายแรง  

การวิจัยของคาวลิ่งพบว่า ผู้สูงอายุเพียง 50% เท่านั้นที่ได้รับการฉีดเข็มกระตุ้น (เข็ม 3) ทำให้ผู้คนราว 11 ล้านคนยังคงมีความเสี่ยงสูงที่จะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและเสียชีวิต
 

การคาดการณ์เกี่ยวกับยอดผู้เสียชีวิต

การคาดการณ์หลายๆ ครั้ง ได้คาดการณ์จำนวนผู้เสียชีวิตจำนวนมากสำหรับคลื่นการระบาดลูกนี้ โดยมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยครึ่งล้าน หรืออาจมากถึงหนึ่งล้านคน 

ทว่าตัวเลขนั้น ขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัยที่สำคัญ สิ่งแรกเลยคือพฤติกรรมของผู้คน หากผู้ที่มีความเสี่ยงสูงกักตัวโดยสมัครใจ จำนวนผู้เสียชีวิตอาจลดลง ต่อมาคือ ระบบการดูแลสุขภาพสามารถรองรับแรงกดดันนี้ได้ดีเพียงใด ซึ่งนี่จะเป็นการทดสอบ และการท้าทายครั้งสำคัญ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในจีน 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์