สำนักข่าว BBC รายงานว่า เจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงของจีนกล่าวว่า จีนกำลังประสบกับการติดเชื้อโควิดระลอกแรกจากทั้งหมด 3 ระลอกที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในฤดูหนาวนี้ ซึ่งตอนนี้ประเทศกำลังพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากนับตั้งแต่มีการยกเลิกข้อจำกัดที่เข้มงวดที่สุดเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
ตัวเลขทางการล่าสุดดูเหมือนว่าจำนวนเคสใหม่รายวันจะค่อนข้างต่ำ ทว่ามีข้อกังวลว่าตัวเลขเหล่านี้เป็นการประเมินที่ต่ำเกินไป เนื่องจากการตรวจหาเชื้อโควิดที่ลดลงเมื่อเร็วๆ นี้ และรัฐบาลรายงานผู้ป่วยใหม่รายวันเพียง 2,097 รายในวันอาทิตย์ (18 ธ.ค.) ที่ผ่านมา
อู๋ ซุนโหยว นักระบาดวิทยา กล่าวว่า เขาเชื่อว่าการพุ่งสูงขึ้นของการติดเชื้อในปัจจุบันจะดำเนินไปจนถึงกลางเดือนมกราคม ในขณะที่ระลอกที่ 2 จะระบาดเพิ่มจากการเดินทางจำนวนมากในเดือนมกราคมช่วงเทศกาลตรุษจีนยาวนานถึง 1 สัปดาห์ ซึ่งเริ่มในวันที่ 21 มกราคม โดยคาดการณ์ว่า ผู้คนหลายล้านคนมักจะเดินทางในช่วงเวลานี้เพื่อใช้วันหยุดกับครอบครัว
ส่วนระลอกที่ 3 จะเริ่มระบาดตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนมีนาคม เนื่องจากผู้คนกลับไปทำงานหลังวันหยุด
นอกจากนี้ เขายังกล่าวในที่ประชุมเมื่อวันเสาร์ (17 ธ.ค.) อีกว่า ระดับการฉีดวัคซีนในปัจจุบันช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ในระดับหนึ่ง และส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อรุนแรงลดลง
โดยรวมแล้ว จีนกล่าวว่าประชากรมากกว่า 90% ได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้ว ขณะที่ไม่ถึงครึ่งของผู้ที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไปได้รับวัคซีนครบ 3 โดส ซึ่งผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะมีอาการรุนแรงของโควิดด้วย
ทั้งนี้ จีนได้พัฒนาและผลิตวัคซีนของตนเอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพในการปกป้องผู้คนจากการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตจากโรคโควิดที่ร้ายแรงน้อยกว่าวัคซีน ‘mRNA’ ที่ใช้ในส่วนที่เหลือของโลก
ความเห็นของดร.อู๋ มีขึ้นหลังจากสถาบันวิจัยที่มีชื่อเสียงในสหรัฐฯ รายงานเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เชื่อว่าจีนอาจมีผู้เสียชีวิตจากโควิดมากกว่า 1 ล้านรายในปี 2023 หลังจากการแพร่ระบาดของทั้ง 3 ระลอก
รัฐบาลไม่ได้รายงานผู้เสียชีวิตจากโควิดอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม เมื่อข้อจำกัดต่างๆ ถูกยกเลิกหลังจากการประท้วงจำนวนมากต่อนโยบายปลอดโควิด
อย่างไรก็ดี มีรายงานคร่าวๆ เกี่ยวกับการเสียชีวิตที่ปักกิ่ง ทำให้โรงพยาบาลที่นั่นและในเมืองอื่นๆ กำลังดิ้นรนเพื่อรับมือกับการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อบริการไปรษณีย์และบริการจัดเลี้ยงอย่างหนักเช่นกัน ในขณะเดียวกันทางการเซี่ยงไฮ้สั่งให้โรงเรียนส่วนใหญ่เปิดชั้นเรียนออนไลน์แล้ว
ตัวเลขทางการล่าสุดดูเหมือนว่าจำนวนเคสใหม่รายวันจะค่อนข้างต่ำ ทว่ามีข้อกังวลว่าตัวเลขเหล่านี้เป็นการประเมินที่ต่ำเกินไป เนื่องจากการตรวจหาเชื้อโควิดที่ลดลงเมื่อเร็วๆ นี้ และรัฐบาลรายงานผู้ป่วยใหม่รายวันเพียง 2,097 รายในวันอาทิตย์ (18 ธ.ค.) ที่ผ่านมา
อู๋ ซุนโหยว นักระบาดวิทยา กล่าวว่า เขาเชื่อว่าการพุ่งสูงขึ้นของการติดเชื้อในปัจจุบันจะดำเนินไปจนถึงกลางเดือนมกราคม ในขณะที่ระลอกที่ 2 จะระบาดเพิ่มจากการเดินทางจำนวนมากในเดือนมกราคมช่วงเทศกาลตรุษจีนยาวนานถึง 1 สัปดาห์ ซึ่งเริ่มในวันที่ 21 มกราคม โดยคาดการณ์ว่า ผู้คนหลายล้านคนมักจะเดินทางในช่วงเวลานี้เพื่อใช้วันหยุดกับครอบครัว
ส่วนระลอกที่ 3 จะเริ่มระบาดตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนมีนาคม เนื่องจากผู้คนกลับไปทำงานหลังวันหยุด
นอกจากนี้ เขายังกล่าวในที่ประชุมเมื่อวันเสาร์ (17 ธ.ค.) อีกว่า ระดับการฉีดวัคซีนในปัจจุบันช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ในระดับหนึ่ง และส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อรุนแรงลดลง
โดยรวมแล้ว จีนกล่าวว่าประชากรมากกว่า 90% ได้รับการฉีดวัคซีนครบแล้ว ขณะที่ไม่ถึงครึ่งของผู้ที่มีอายุ 80 ปีขึ้นไปได้รับวัคซีนครบ 3 โดส ซึ่งผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะมีอาการรุนแรงของโควิดด้วย
ทั้งนี้ จีนได้พัฒนาและผลิตวัคซีนของตนเอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีประสิทธิภาพในการปกป้องผู้คนจากการเจ็บป่วยและการเสียชีวิตจากโรคโควิดที่ร้ายแรงน้อยกว่าวัคซีน ‘mRNA’ ที่ใช้ในส่วนที่เหลือของโลก
ความเห็นของดร.อู๋ มีขึ้นหลังจากสถาบันวิจัยที่มีชื่อเสียงในสหรัฐฯ รายงานเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เชื่อว่าจีนอาจมีผู้เสียชีวิตจากโควิดมากกว่า 1 ล้านรายในปี 2023 หลังจากการแพร่ระบาดของทั้ง 3 ระลอก
รัฐบาลไม่ได้รายงานผู้เสียชีวิตจากโควิดอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม เมื่อข้อจำกัดต่างๆ ถูกยกเลิกหลังจากการประท้วงจำนวนมากต่อนโยบายปลอดโควิด
อย่างไรก็ดี มีรายงานคร่าวๆ เกี่ยวกับการเสียชีวิตที่ปักกิ่ง ทำให้โรงพยาบาลที่นั่นและในเมืองอื่นๆ กำลังดิ้นรนเพื่อรับมือกับการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อบริการไปรษณีย์และบริการจัดเลี้ยงอย่างหนักเช่นกัน ในขณะเดียวกันทางการเซี่ยงไฮ้สั่งให้โรงเรียนส่วนใหญ่เปิดชั้นเรียนออนไลน์แล้ว
