South China Morning Post (SCMP) รายงานว่า นักวิเคราะห์ระบุว่า จีนจะใช้มาตรการตอบโต้อย่างรอบคอบกับประเทศอื่นๆ ที่กำหนดข้อจำกัดด้านโควิด-19 ต่อนักท่องเที่ยวชาวจีน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ระงับวีซ่าระยะสั้น สำหรับชาวเกาหลีใต้และญี่ปุ่นไปแล้ว
จีนยกเลิกนโยบายปลอดโควิดเมื่อต้นเดือนธันวาคม และเปิดพรมแดนอีกครั้งสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศในวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ได้รับการต้อนรับจากชุมชนธุรกิจต่างชาติ แต่บางประเทศได้ประกาศจำกัดการเดินทางเข้าจากจีน โดยอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19 ในประเทศและการเกิดขึ้นของสายพันธุ์ใหม่
สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย เยอรมนี เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอินเดีย ล้วนต้องการการตรวจหาโควิด-19 สำหรับผู้โดยสารจากประเทศจีน นอกจากนี้ เยอรมนียังกีดกันการเดินทางที่ไม่จำเป็นไปยังจีน ขณะที่เกาหลีใต้ระงับการออกวีซ่าระยะสั้นแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนจนถึงวันที่ 31 ม.ค.
เมื่อวันอังคาร (10 ม.ค.) ที่ผ่านมา จีนได้ระงับวีซ่าท่องเที่ยวและธุรกิจสำหรับชาวเกาหลีใต้ สถานทูตจีนในกรุงโตเกียวยังกล่าวด้วยว่า จีนได้ระงับการออกวีซ่าบางส่วนให้กับนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นจนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม
หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนเตือนถึงมาตรการต่างตอบแทนที่มากขึ้น เพื่อต่อต้านข้อจำกัดที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ และกล่าวว่า เป็นเรื่องน่าเสียใจที่ประเทศจำนวนน้อยยังคงยืนกรานที่จะใช้ข้อจำกัดในการเข้าประเทศโดยเลือกปฏิบัติต่อจีน โดยไม่สนใจข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์และสถานการณ์จริงของการแพร่ระบาดในประเทศของตน
“จีนคัดค้านเรื่องนี้อย่างหนักแน่นและจะใช้มาตรการต่างตอบแทน” หวังกล่าว
ขณะที่จีนกล่าวซ้ำแล้วซ้ำว่า การควบคุมการเดินทางขาดพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และตอบโต้คำวิจารณ์ว่าไม่โปร่งใส เนื่องจากจีนเปิดเผยข้อมูลโควิด-19 อย่างเปิดเผยกับประชาคมระหว่างประเทศ
ด้านผาง จงอิ่ง ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐกิจการเมืองระหว่างประเทศที่มหาวิทยาลัยเสฉวนในเฉิงตู กล่าวว่า จีนมีแนวโน้มที่จะระมัดระวังในการดำเนินการขั้นต่อไปกับประเทศอื่นๆ เนื่องจากการจำกัดการเดินทางไม่ตอบสนองเป้าหมายของการฟื้นฟูเศรษฐกิจในขณะนี้ที่พรมแดนได้เปิดขึ้นอีกครั้ง
“ข้อจำกัดดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์” ผางกล่าว พร้อมเสริมว่าจะเป็นการกีดกันไม่ให้ผู้คนเดินทางเยือนประเทศซึ่งจะส่งผลไม่ดีตามมา หากการเดินทางกลับมาเริ่มต้นใหม่อย่างเต็มรูปแบบไม่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก ก็จะเป็นเรื่องยากสำหรับจีนที่จะบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้
ขณะที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2022 คาดว่าจะเติบโตช้าที่สุดในรอบหลายทศวรรษ เศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นอีกเมื่อสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น โดยหลายเมืองผ่านจุดสูงสุดของการติดเชื้อแล้ว
จีนยกเลิกนโยบายปลอดโควิดเมื่อต้นเดือนธันวาคม และเปิดพรมแดนอีกครั้งสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศในวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ได้รับการต้อนรับจากชุมชนธุรกิจต่างชาติ แต่บางประเทศได้ประกาศจำกัดการเดินทางเข้าจากจีน โดยอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19 ในประเทศและการเกิดขึ้นของสายพันธุ์ใหม่
สหรัฐฯ แคนาดา ออสเตรเลีย เยอรมนี เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอินเดีย ล้วนต้องการการตรวจหาโควิด-19 สำหรับผู้โดยสารจากประเทศจีน นอกจากนี้ เยอรมนียังกีดกันการเดินทางที่ไม่จำเป็นไปยังจีน ขณะที่เกาหลีใต้ระงับการออกวีซ่าระยะสั้นแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนจนถึงวันที่ 31 ม.ค.
เมื่อวันอังคาร (10 ม.ค.) ที่ผ่านมา จีนได้ระงับวีซ่าท่องเที่ยวและธุรกิจสำหรับชาวเกาหลีใต้ สถานทูตจีนในกรุงโตเกียวยังกล่าวด้วยว่า จีนได้ระงับการออกวีซ่าบางส่วนให้กับนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นจนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม
หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนเตือนถึงมาตรการต่างตอบแทนที่มากขึ้น เพื่อต่อต้านข้อจำกัดที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ และกล่าวว่า เป็นเรื่องน่าเสียใจที่ประเทศจำนวนน้อยยังคงยืนกรานที่จะใช้ข้อจำกัดในการเข้าประเทศโดยเลือกปฏิบัติต่อจีน โดยไม่สนใจข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์และสถานการณ์จริงของการแพร่ระบาดในประเทศของตน
“จีนคัดค้านเรื่องนี้อย่างหนักแน่นและจะใช้มาตรการต่างตอบแทน” หวังกล่าว
ขณะที่จีนกล่าวซ้ำแล้วซ้ำว่า การควบคุมการเดินทางขาดพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์และตอบโต้คำวิจารณ์ว่าไม่โปร่งใส เนื่องจากจีนเปิดเผยข้อมูลโควิด-19 อย่างเปิดเผยกับประชาคมระหว่างประเทศ
ด้านผาง จงอิ่ง ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐกิจการเมืองระหว่างประเทศที่มหาวิทยาลัยเสฉวนในเฉิงตู กล่าวว่า จีนมีแนวโน้มที่จะระมัดระวังในการดำเนินการขั้นต่อไปกับประเทศอื่นๆ เนื่องจากการจำกัดการเดินทางไม่ตอบสนองเป้าหมายของการฟื้นฟูเศรษฐกิจในขณะนี้ที่พรมแดนได้เปิดขึ้นอีกครั้ง
“ข้อจำกัดดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์” ผางกล่าว พร้อมเสริมว่าจะเป็นการกีดกันไม่ให้ผู้คนเดินทางเยือนประเทศซึ่งจะส่งผลไม่ดีตามมา หากการเดินทางกลับมาเริ่มต้นใหม่อย่างเต็มรูปแบบไม่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก ก็จะเป็นเรื่องยากสำหรับจีนที่จะบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้
ขณะที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2022 คาดว่าจะเติบโตช้าที่สุดในรอบหลายทศวรรษ เศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นอีกเมื่อสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น โดยหลายเมืองผ่านจุดสูงสุดของการติดเชื้อแล้ว