นักวิเคราะห์มองว่าจีนและประเทศอื่นๆ อาจเห็นว่ารัสเซียได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรทางการเงินที่ถูกกำหนดทิศทางโดยตะวันตก จึงต้องรีบลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ให้น้อยที่สุด
ตามรายงานการศึกษาที่ตีพิมพ์ในเดือนพฤศจิกายนโดยกลุ่มอุตสาหกรรม World Gold Council หรือสภาทองคำ พบว่า ธนาคารกลางซื้อทองคำสุทธิจำนวน 399.3 ตันตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงกันยายน ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่าจากตัวเลขปีที่แล้ว
การซื้อเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไตรมาสแรกและไตรมาส 2
จำนวนทองคำที่ถูกซื้อล่าสุดเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อนซึ่งอยู่ที่ 186 ตัน และ 87.7 ตันในไตรมาสแรก ในขณะเดียวกันปริมาณทองคำทั้งหมดของช่วงเวลาตั้งแต่วันแรกของปีจนถึงปัจจุบันยังทุบสถิติยอดรวมทัhงปีของปีที่ผ่านๆ มานับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลในปี 1967
ผู้ซื้อจำนวนหนึ่ง ซึ่งรวมถึงธนาคารกลางของตุรกี อุซเบกิสถาน และอินเดีย ประกาศว่าซื้อทองคำไว้จำนวน 31.2 ตัน 26.1 ตัน และ 17.5 ตัน ตามลำดับ ทว่าปัญหาก็คือ ปริมาณทองคำที่ถูกซื้อเหล่านี้รวมกันได้เพียงราว 90 ตันเท่านั้น ซึ่งหมายความว่ายังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ัซื้อทองคำอีกราว 300 ตันที่เหลือ
มีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับผู้ซื้อนิรนาม ด้าน อีมิน ยูรุมาซึ นักเศรษฐศาสตร์ชาวญี่ปุ่นจากตุรกีกล่าวว่า “เมื่อเห็นว่าทรัพย์สินในต่างประเทศของรัสเซียถูกแช่แข็งอย่างไรหลังจากรุกรานยูเครน ประเทศที่ต่อต้านตะวันตกต่างกระตือรือร้นที่จะสะสมทองคำไว้ในมือ”
อิทซึโอะ โทชิมะ นักวิเคราะห์การตลาด กล่าวว่า “จีนอาจจะซื้อทองคำจำนวนมากจากรัสเซีย” โดยในอดีตจีนก็มีพฤติกรรมแบบนี้เหมือนกัน หลังจากปิดปากเงียบเกี่ยวกับการถือครองทองคำตั้งแต่ปี 2009 จู่ๆ ปักกิ่งก็ทำให้ตลาดตกใจในปี 2015 หลังจากที่เปิดเผยว่า จีนได้เพิ่มปริมาณทองคำสำรองเกือบ 600 ตัน และนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2019 ยังไม่มีรายงานกิจกรรมใดๆ อีก
โทชิมะเผยว่า ธนาคารประชาชนจีนน่าจะซื้อทองคำสำรองส่วนหนึ่งที่ธนาคารกลางแห่งสหพันธรัฐรัสเซียถือครองไว้ ซึ่งรวมแล้วมากกว่า 2,000 ตันอย่างแน่นอนที่สุด
จีนเทขายพันธบัตรสหรัฐฯ
หลังจากวิกฤตการเงินในปี 2008 ทำให้ความเชื่อมั่นในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และสินทรัพย์สกุลเงินดอลลาร์อื่นๆ ลดลง ธนาคารกลางและสถาบันของรัฐบาลได้เพิ่มการถือครองทองคำอย่างต่อเนื่องเพื่อกระจายพอร์ตการลงทุน
ตามรายงานของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ จีนได้ขายพันธบัตรสหรัฐที่ถือครองไว้เมื่อเร็วๆ นี้ โดยขายในมูลค่า 121.2 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเทียบเท่าทองคำประมาณ 2,200 ตัน ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ และปลายเดือนกันยายน
จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่ศุลกากรในจีน การนำเข้าทองคำของจีนจากรัสเซียพุ่งสูงขึ้นในเดือนกรกฎาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่า 8 เท่าในเดือนนี้ และเพิ่มขึ้นประมาณ 50 เท่าจากปีที่แล้ว นอกจากนี้ Nikkei Asia ยังระบุว่าจีนและอินเดียขายทองคำไปหลายตัน คิดเป็น 60.53% ของตลาดเครื่องประดับทองของโลกในปี 2021 อีกด้วย
หรือจีนจะซุ่มวางแผนโค่นสหรัฐฯ
Foreigh Policy เว็บไซต์ด้านนโยบายการต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จีนกำลังซุ่มเงียบโค่นเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยระบุว่า ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนเสนอในที่ประชุมองค์กรความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า จะเสริมสร้างการพัฒนาระบบการชำระเงินข้ามพรมแดนด้วยสกุลเงินท้องถิ่น และส่งเสริมการจัดตั้งธนาคารเพื่อการพัฒนาของ SCOแม้สีจิ้นผิงจะไม่ได้เอ่ยถึงความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์เกี่ยวกับการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์ของสหรัฐฯ แต่ข้อเสนอของผู้นำจีนสะท้อนความกังวลลึกๆ ของสีจิ้นผิงเกี่ยวกับความเปราะบางของเศรษฐกิจจีนต่อเงินดอลลาร์ของสหรัฐฯ และความปรารถนาที่จะพัฒนาระบบทางเลือกเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการครอบงำของดอลลาร์
จีนต้องการเพิ่มการใช้เงินหยวนในการค้าและการลงทุนข้ามพรมแดน เพื่อลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ ลดความเสี่ยงในการแลกเปลี่ยนเงินตรา และการขาดสภาพคล่องของเงินดอลลาร์ และรักษาการเข้าถึงตลาดโลกในช่วงที่เกิดวิกฤตด้านภูมิรัฐศาสตร์