ประท้วงมาตรการโควิดเป็นศูนย์ ระส่ำโลก-สะเทือนอำนาจ ‘สีจิ้นผิง’

2 ธ.ค. 2565 - 04:46

  • ชาวจีนโพ้นทะเลคัดค้านนโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่พวกเขามองว่าเป็นนโยบายที่จำกัดสิทธิเสรีภาพ

  • ทางการปักกิ่งยกเลิกการตั้งสิ่งกีดขวางทางเข้าอพาร์ตเมนต์ซึ่งมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 อยู่ภายใน

  • โกลด์แมน แซคส์ คาดจีนยุติมาตรการโควิดเป็นศูนย์ก่อนเดือน เม.ย. ปี 2566

  • กูรูชี้จีนควบคุมการประท้วงได้ มั่นใจไม่ลามเหมือนวิกฤตการณ์เทียนอันเหมินปี 1989

china-protests-highlight-xi-covid-policy-dilemma-SPACEBAR-Thumbnail

การชุมนุมประท้วงของชาวจีนทั่วประเทศเพื่อแสดงความไม่พอใจนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของรัฐบาลเริ่มลามไปต่างประเทศ โดยชาวจีนโพ้นทะเลและชาวต่างชาติที่เห็นดีเห็นงามด้วยพากันออกมาคัดค้านนโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่พวกเขามองว่าเป็นนโยบายที่จำกัดสิทธิเสรีภาพ

ผู้ประท้วงประมาณ 200 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนออกมาชุมนุมด้านนอกศาลาว่าการนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลียเมื่อวันจันทร์ (28 พ.ย.) พร้อมตะโกนว่า “จากซิดนีย์ถึงเซี่ยงไฮ้ ประชาธิปไตยไม่มีวันตาย” พร้อมทั้งพูดซ้ำๆ ว่า “เสรีภาพ เสรีภาพเพื่อจีน” 

ในจำนวนนี้ มีหลายคนชูป้ายประท้วงเพื่อเรียกร้องให้จีนปล่อยตัวผู้ประท้วงที่ถูกจับกุมในหลายเมืองในช่วงหลายวันที่ผ่านมา หลังจากมีการประท้วงในหลายเมืองเพื่อคัดค้านนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ที่มีข้อบังคับเข้มงวด โดยเฉพาะมาตรการล็อกดาวน์ 

ที่มาของการประท้วงในหลายเมืองทั่วจีนมาจากเหตุไฟไหม้อพาร์ตเมนต์ในเมืองอูรุมชี ในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ของจีน ที่มีผู้เสียชีวิต 10 ราย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยมีกระแสข่าวว่า ผู้อยู่อาศัยหนีออกจากตึกไม่ได้เพราะประตูถูกล็อกภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ 

นอกจากนี้ ยังมีผู้ประท้วงรวมตัวที่ด้านนอกสถานทูตจีนในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษเมื่อคืนวันอาทิตย์เพื่อจุดเทียนไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตในเหตุไฟไหม้ที่ซินเจียง และผู้ประท้วงตะโกนเรียกร้องให้ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ลาออก เช่นเดียวกับผู้ประท้วงที่ชุมนุมในนครเซี่ยงไฮ้เมื่อคืนวันเสาร์ พร้อมทั้งเรียกร้องให้จีนปล่อยตัวผู้ประท้วงที่ถูกจับกุมในเซี่ยงไฮ้ทันที

ขณะที่ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ผู้ประท้วงประมาณ 100 คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวจีนในวัยหนุ่มสาวและเป็นนักศึกษาต่างชาติ รวมตัวประท้วงใกล้ทางออกที่สถานีรถไฟชินจูกุ เมื่อวันอาทิตย์ โดยบางคนตะโกนเรียกร้องให้ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง และพรรคคอมมิวนิสต์ ก้าวลงจากอำนาจ และร่วมร้องเพลงชาติจีน 

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/2xRjom29gunnuHnOONCUDR/712f516212cf931d916a800b710c06b9/china-protests-highlight-xi-covid-policy-dilemma-SPACEBAR-Photo01
Photo: AFP
ด้านโฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีนแถลงว่า รัฐบาลมีการปรับเปลี่ยนมาตรการควบคุมโรคตามความเป็นจริงในพื้นที่ รวมทั้งเชื่อมั่นว่า ภายใต้การนำของพรรคคอมมิวนิสต์ และการสนับสนุนของประชาชนจีนทุกคน จะทำให้การต่อสู้กับโควิด-19 ประสบความสำเร็จ 

ล่าสุด  ทางการกรุงปักกิ่งประกาศยกเลิกการตั้งสิ่งกีดขวางทางเข้าอพาร์ตเมนต์ซึ่งมีผู้ติดโควิด-19 อยู่ภายใน โดยระบุว่าจะต้องไม่มีสิ่งใดเป็นอุปสรรคต่อการให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ หรือการออกจากอาคารในสถานการณ์ฉุกเฉิน ส่วนเมืองกว่างโจวประกาศงดการปูพรมตรวจโควิด-19 ครั้งใหญ่สำหรับประชาชนในวงกว้าง โดยอ้างถึงความจำเป็นในการรักษาทรัพยากร  

ขณะที่เมืองอุรุมชี เมืองหลวงของซินเจียง ประกาศเปิดตลาดสดและอนุญาตให้ภาคธุรกิจกลับมาเปิดทำการในสัปดาห์นี้ิ สำหรับท้องที่ซึ่งมีการแพร่ระบาดในระดับต่ำ รวมทั้งให้บริการรถโดยสารสาธารณะ 

มาตรการผ่อนคลายนี้มีขึ้นหลังจากที่ชาวจีนพากันรวมตัวกันบนท้องถนนในเมืองต่างๆ ซึ่งรวมถึงนครเซี่ยงไฮ้ กรุงปักกิ่ง เมืองอู่ฮั่น เฉิงตู ซีอาน และหนานจิง เพื่อประท้วงต่อการที่รัฐบาลยังคงล็อกดาวน์เมืองต่างๆ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน และทำให้เกิดการขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/5SRq6NHC8ZiBYEHJ6J4Hdw/12d44a52a89467e1cf10972b5167c90a/info-china-protests-highlight-xi-covid-policy-dilemma
การประท้วงนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของรัฐบาลจีน สร้างความกังวลแก่ตลาดหุ้นและตลาดทุนอย่างมาก ทำให้ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดวันจันทร์ (28 พ.ย.) ปรับตัวร่วงลง 497 จุด เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าการประท้วงที่ลุกลามไปทั่วประเทศจีนในขณะนี้ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน 

ด้านโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐฯ ประเมินว่าจีนอาจจะต้องยุติมาตรการโควิดเป็นศูนย์ก่อนเดือน เม.ย. ในปี 2023 ซึ่งเร็วกว่าที่คาดไว้มาก 

หุย ชาน หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์ประเทศจีนของธนาคารระบุในรายงานว่ามีความเป็นไปได้ประมาณ 30% ที่จีนจะกลับมาเปิดประเทศอีกครั้งก่อนไตรมาสสองของปี 2023 

“ในไม่ช้ารัฐบาลกลางอาจต้องเลือกระหว่างการล็อกดาวน์เพิ่มมากขึ้นหรือไม่ก็การระบาดของโควิดมากขึ้น" หุยเขียนและระบุต่อไปว่ารัฐบาลท้องถิ่นพยายามดิ้นรนเพื่อ "ปรับสมดุลอย่างรวดเร็ว" ในการควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสในขณะที่ปฏิบัติตามมาตรการล่าสุดที่กําหนดให้มีแนวทางที่ตรงเป้าหมายมากขึ้น 

อย่างไรก็ตาม นักวิชาการมีความเห็นว่า รัฐบาลจีนจะยังคงสามารถควบคุมสถานการณ์ และเหตุการณ์ประท้วงจะไม่ลุกลามเหมือนกับวิกฤตการณ์เทียนอันเหมินในปี 1989 

“การที่จะเกิดเหตุการณ์ประท้วงวุ่นวายถึงขั้นเทียนอันเหมินในปี 1989 จำเป็นต้องเกิดความแตกแยกอย่างเห็นได้ชัดในคณะผู้ปกครองของจีน” ฮุง โฮ-ฟุง นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์กล่าว 

ฮุง กล่าวด้วยว่า ประธานาธิบดีสีสามารถขจัดภัยคุกคามต่อการครองอำนาจของเขาในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 ในเดือนต.ค. ซึ่งเขาได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้นำพรรคและประธานาธิบดีจีนเป็นสมัยที่ 3 พร้อมกับเปิดตัว 7 ผู้นำใคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมือง (โปลิตบูโร) ชุดใหม่ ซึ่งมีความภักดีต่อประธานาธิบดี 

“หากไม่มีสัญญาณความแตกแยกที่ชัดเจนของผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ ผมคิดว่าการประท้วงที่เกิดขึ้นจะอยู่ได้ไม่นาน และเป็นเรื่องยากที่จะคิดว่าประธานาธิบดีสีจะยอมอ่อนข้อ ขณะที่พรรคคอมมิวนิสต์มีประสบการณ์มาก่อนแล้วในการรับมือกับการชุมนุมประท้วง” ฮุงกล่าว 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์