วิกฤต ‘พายุแดเนียล’ ถล่มลิเบีย หวั่นดับเกิน 2,000 สูญหายอีก 6,000 ราย!

12 กันยายน 2566 - 05:09

Flooding-hits-libya-dam-collapse-washes-neighborhoods-SPACEBAR-Thumbnail
  • ประชาชนหลายพันคนกำลังหวาดกลัวความตายที่เข้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หลังจากพายุแดเนียลทำให้เกิดฝนตกหนักทางตะวันออกเฉียงเหนือของลิเบีย จนเขื่อนทั้ง 2 แห่งพังทลายทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันกวาดล้างทุกอย่างลงทะเล

ประชาชนหลายพันคนกำลังหวาดกลัวความตายที่เข้าใกล้มาเรื่อยๆ หลังจากพายุแดเนียลทำให้เกิดฝนตกหนักทางตะวันออกเฉียงเหนือของลิเบีย จนเขื่อนทั้ง 2 แห่งพังทลายทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันกวาดล้างทุกอย่างลงทะเล  
 
อาห์เหม็ด มิสมารี โฆษกกองทัพแห่งชาติลิเบีย (LNA) กล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 2,000 ราย และสูญหายอีกประมาณ 6,000 ราย ในเมืองเดอร์นาที่ได้รับผลกระทบหนัก ซึ่งเขื่อน 2 แห่งพังลงเนื่องจากแรงดันจากน้ำท่วม ส่งผลให้สะพาน 3 แห่งถูกทำลาย น้ำที่ไหลพัดพาชุมชนทั้งหมดลงทะเลในที่สุด 
  
อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถตรวจสอบจำนวนผู้เสียชีวิตได้ในทันที เนื่องจากมิสมารีไม่ได้ให้แหล่งที่มาเกี่ยวกับจำนวนผู้เสียชีวิตและสูญหาย ซึ่งก่อนหน้านี้สภาลิเบียประเมินว่าจะมีผู้เสียชีวิจ 150 – 250 รายในเมืองเดอร์นา  
  
โอซามา อาลี หัวหน้าหน่วยงานฉุกเฉินของลิเบียกล่าวกับ CNN ว่า หลังจากเขื่อนถล่มน้ำทั้งหมดก็ไหลไปยังพื้นที่ใกล้กับเมืองเดอร์นา ซึ่งเป็นพื้นที่ชายฝั่งภูเขา บ้านเรือนในหุบเขาถูกกระแสน้ำโคลนพัดพายานพาหนะและเศษซากต่างๆ สัญญาณโทรศัพท์ในเมืองก็ขัดข้องเช่นกัน ทำให้ความพยายามช่วยเหลือยุ่งยากขึ้น เนื่องจากคนงานไม่สามารถเข้าไปในเมืองเดอร์นาได้หลังจากเกิดเหตุขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ได้คาดการณ์ถึงขนาดของภัยพิบัติดังกล่าว  
  
“เราไม่ได้ศึกษาสภาพอากาศ ระดับน้ำทะเล และปริมาณน้ำฝน ความเร็วลมมาอย่างดี รวมถึงการอพยพผู้คนที่อาจได้รับผลกระทบจากพายุ” อาลีกล่าวพร้อมบอกอีกว่า ลิเบียไมได้เตรียมพร้อมสำหรับภัยพิบัติเช่นนี้ และไม่เคยพบเห็นภัยพิบัติระดับนั้นมาก่อน ยอมรับว่ามีข้อบกพร่องอยู่ แม้ว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เราเผชิญกับภัยพิบัติระดับนั้นก็ตาม 
  
มิสมารี โฆษก LNA กล่าวว่า น้ำท่วมได้ส่งผลกระทบต่อหลายเมืองรวมถึงเมืองอัล-เบย์ดา, อัล-มาร์จ, โทบรูค, ทาเคนิส, อัล-บายาดา และบัตตาห์ รวมถึงชายฝั่งตะวันออกไปจนถึงเบงกาซี

‘น้ำท่วมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน’

ลิเบียประเทศที่มีประชากร 6 ล้านคน ถูกแบ่งแยกระหว่างกลุ่มต่างๆ ที่ทำสงครามกันตั้งแต่ปี 2014 หลังจากการลุกฮือต่อต้านโมอัมมาร์ กัดดาฟี ที่ได้รับการสนับสนุนจากนาโต (NATO) ในปี 2011 
  
โอซามา ฮาหมัด หัวหน้ารัฐบาลกล่าวถึงสถานการณ์นี้ว่าเป็นหายนะและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ขณะที่ภาพที่ถูกแชร์บนโซเชียลมีเดียเผยให้เห็นรถยนต์จมอยู่ใต้น้ำ อาคารพังถล่ม และกระแสน้ำไหลผ่านถนน โรงพยาบาลในเมืองบายดาทางตะวันออกต้องอพยพประชาชนหลังน้ำท่วมรุนแรง 
 
“สหประชาชาติในลิเบียกำลังติดตามเหตุฉุกเฉินที่เกิดจากสภาพอากาศเลวร้ายในภูมิภาคตะวันออกของประเทศอย่างใกล้ชิด” คณะผู้แทนสหประชาชาติในลิเบียโพสต์ข้อความใน X (เดิมคือทวิตเตอร์) 
  
หลายประเทศได้แสดงความเสียใจและเสนอความช่วยเหลือแก่ลิเบีย ในขณะที่ทีมกู้ภัยพยายามค้นหาผู้รอดชีวิตภายใต้ซากปรักหักพัง หน่วยงานภัยพิบัติของตุรกีกล่าวเมื่อวันจันทร์ว่า จะระดมเจ้าหน้าที่ค้นหาและกู้ภัย 150 คน พร้อมด้วยเต็นท์ รถกู้ภัย และอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เครื่องปั่นไฟ 
  
สถานทูตสหรัฐฯ ในลิเบียกล่าวบน X (ทวิตเตอร์) ว่า ได้ติดต่ออย่างใกล้ชิดกับสหประชาชาติและเจ้าหน้าที่ในลิเบีย เพื่อพิจารณาว่าเราสามารถนำความช่วยเหลือไปดำเนินการในส่วนที่จำเป็นที่สุดได้เร็วแค่ไหน 
 
สำนักข่าวของรัฐรายงานว่า ซาเยด อัล นาห์ยาน ประธานาธิบดีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สั่งการให้ส่งทีมช่วยเหลือ ค้นหา และกู้ภัย พร้อมทั้งแสดงความเสียใจต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติดังกล่าว 
  
ขณะที่ ประธานาธิบดีอับเดล-ฟัตตาห์ เอล-ซิซี แห่งอียิปต์ ยังได้แสดงความเสียใจต่อลิเบียด้วย  
 
“ผมขอให้ผู้ได้รับบาดเจ็บฟื้นตัวโดยเร็ว และหวังว่าวิกฤตจะผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยที่ชาวลิเบียยืนหยัดร่วมกันด้วยความสามัคคี” เอล-ซิซี กล่าวในแถลงการณ์บนโซเชียลมีเดีย 
  
ฝนตกในช่วงสุดสัปดาห์เป็นผลมาจากความกดอากาศต่ำที่มีกำลังแรงมาก ซึ่งได้รับการตั้งชื่ออย่างเป็นทางการว่า พายุแดเนียล (Storm Daniel) โดยหน่วยงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ พายุลูกนี้ทำให้เกิดน้ำท่วมร้ายแรงในกรีซเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนที่จะเคลื่อนเข้าสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และพัฒนาเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่รู้จักกันในชื่อ เมดิแคน ซึ่งพายุลูกนี้นำสภาวะที่เป็นอันตรายมาสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและประเทศชายฝั่งได้ เช่นเดียวกับพายุโซนร้อนและเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกหรือไต้ฝุ่นในมหาสมุทรแปซิฟิก 
  
ส่วนที่เหลือของพายุกำลังส่งผลกระทบต่อภาคเหนือของลิเบีย และจะค่อยๆ มุ่งหน้าไปทางตะวันออกสู่อียิปต์ตอนเหนือ ปริมาณน้ำฝนในอีก 2 วันข้างหน้าอาจสูงถึง 50 มม. (ภูมิภาคนี้โดยเฉลี่ยน้อยกว่า 10 มม. ตลอดเดือนกันยายน) 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์