ลอตเตอรี่สุ่มกันโกง-วัดเสียงโห่ How to เลือกผู้นำยุคกรีก-โรมัน

3 พ.ค. 2566 - 07:30

  • ย้อนไปดูระบบเลือกตั้งโบราณสมัยกรีก-โรมันที่ถูกขนานนามว่าเป็น ‘ต้นแบบประชาธิปไตยของโลก’

  • ระบบลอตเตอรี่สุ่มเลือกผู้นำกันโกงคืออะไร? การลงคะแนนเสียงด้วยการวัดจากเสียงโห่ร้องเป็นอย่างไร? แล้วการลงคะแนนแบบลับๆ มีด้วยหรือ? คนร่ำรวยมีอภิสิทธิ์กว่าชนชั้นล่างยังไง?

How-People-Voted-in-Ancient-Elections-greek-roman-SPACEBAR-Thumbnail
ในโอกาสที่เทศกาลการเลือกตั้งกลับมาอีกครั้ง SPACEBAR พาย้อนกลับไปดูว่าในสมัยกรีก-โรมันโบราณ ซึ่งเป็นที่เลื่องลือว่าเป็น ‘ต้นแบบประชาธิปไตยของโลก’ เขามีวิธีเลือกผู้นำกันอย่างไร? แล้วการมีส่วนร่วมของพลเมืองทั่วถึงหรือไม่? 

ทั้งในกรุงเอเธนส์และกรุงโรม การมีส่วนร่วมในกระบวนการประชาธิปไตย (คำภาษากรีก dēmokratia แปลว่า ‘อำนาจประชาชน’) นั้น ถูกจำกัดไว้เฉพาะ ‘dēmos’ หรือพลเมืองชายที่เป็นอิสระ ส่วนผู้หญิงและทาสไม่มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงแต่อย่างใด 

ระบบลอตเตอรี่สุ่มเลือกผู้นำกันโกง

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/4axJxQl0MDBJze1XaQFgt7/e59ec02827a146dcb952e8e02e486c45/How-People-Voted-in-Ancient-Elections-greek-roman-SPACEBAR-Photo01
Photo: อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับระบบการคัดเลือกคณะผู้นำกรุงในเอเธนส์ Wikipedia / Marsyas
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นต้นแบบประชาธิปไตยของโลก แต่กรุงเอเธนส์มีการเลือกตั้งน้อยมาก เนื่องจากชาวเอเธนส์โบราณไม่คิดว่าการเลือกตั้งเป็นวิธีการเลือกผู้นำที่เป็นประชาธิปไตยที่สุด  

“เพื่อให้ระบอบประชาธิปไตยมอบอำนาจอย่างเต็มที่ให้กับประชาชนในการดำเนินการ ไม่ใช่แค่คนร่ำรวย คุณจึงต้องสุ่มเลือกคน” เอริค โรบินสัน ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยอินเดียนากล่าว 

ในการตัดสินใจว่าใครจะทำหน้าที่ในสภา 500 คนนั้น ชาวเอเธนส์จะใช้ระบบที่เรียกว่า ‘การจับสลาก (sortition)’ จากทั้งหมด 10 เผ่าในเอเธนส์และแต่ละเผ่ามีหน้าที่จัดหาพลเมือง 50 คนเพื่อทำหน้าที่เป็นเวลา 1 ปีในสภา 500 คน  

การเลือกตั้งโดยการจับสลากเลือกข้าราชการในนครรัฐกรีกโบราณมักจะถูกใช้สำหรับคัดเลือก ‘ผู้ปกครอง (Archons)’ รวมถึง ‘สมาชิกสภา (Boule)’ จำนวน 500 คนและคณะลูกขุนในศาล 

สำหรับวิธีการจับสลากหรือสุ่มลอตเตอรี่นั้น พลเมืองจะใช้โทเค็นประจำตัวที่ทำจากไม้หรือทองสัมฤทธิ์เรียกว่า ‘พินนาเกีย (pinakion)’ ไปเสียบในอุปกรณ์พิเศษที่เรียกว่า ‘คลีโรเทอเรียน (kleroterion)’ ซึ่งเป็นตัวอย่างแรกของกระบวนการประชาธิปไตยเพื่อหลีกเลี่ยงการทุจริต
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/7DM2hi1GLiBy0nLVeY8Wcd/c2c7a07c1ec7b4fedc039805f2f8e761/How-People-Voted-in-Ancient-Elections-greek-roman-SPACEBAR-Photo02
Photo: Twitter@DrJEBall
คลีโรเทอเรียนเป็นอุปกรณ์ที่มีการใช้เมื่อ 2,500 ปีที่แล้วในช่วงเริ่มต้นของประชาธิปไตยในเอเธนส์โบราณ เพื่อเลือกพลเมืองโดยการสุ่มสำหรับตำแหน่งที่มีอำนาจ สำหรับลักษณะโดยรอบทำจากแผ่นหินขนาดใหญ่ที่มีรอยบากด้วยช่องเล็กๆ หลายแถว ด้านข้างมีท่อแบบกรวยยึดติดอยู่  

พลเมืองแต่ละคนจะเสียบแผ่นพินนาเกียเข้าไปในคอลัมน์หนึ่งของคลีโรเทอเรียน โดยเริ่มจากแถวบนสุด เมื่อพินนาเกียของผู้สมัครทั้งหมดถูกเสียบเข้าไปในตำแหน่งอาร์คอนหรือผู้ปกครอง จากนั้นพวกเขาจะนำลูกบอลทองแดงเล็กๆ (สีขาว-ดำ) เทลงจากด้านบนในช่องกรวยทางด้านข้างของคลีโรเทอเรียน  

เมื่อลูกบอลหล่นลงท่อที่ด้านล่าง พวกเขาจะใช้อุปกรณ์หยุดพวกมันแล้วหมุนด้วยข้อเหวี่ยงจนกว่าลูกบอลจะหลุดออกมา 1 ลูก หากลูกบอลเป็นสีดำ พินนาเกียแถวแรกจะถูกเอาออก และเจ้าของพินนาเกียก็จะถูกคัดออก แต่หากเป็นลูกบอลสีขาว นั่นหมายความว่าพินนาเกียแถวแรกจะยังคงอยู่ และเจ้าของพินนาเกียจะเป็นตัวแทนในแถวนั้น  

ชมคลิปจำลองสถานการณ์ระบบสุ่มเลือกผู้นำลอตเตอรี่โบราณ 
ทำอย่างนี้เรื่อยๆ จนกว่าจะถึงแถวสุดท้าย เมื่อนั้นพวกเขาก็จะได้ตัวแทนของแต่ละแถวและเริ่มกระบวนการเลือกผู้นำเป็นอันดับต่อไป 

ทั้งนี้ ชาวเอเธนส์ตระหนักดีถึงความเป็นไปได้ของการทุจริต การให้อำนาจมักจะทำให้อำนาจนั้นถูกใช้ในทางที่ผิด ดังนั้นพวกเขาจึงคิดค้นระบบลอตเตอรี่เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ โดยตัดสินใจว่าควรใช้คณะผู้แทนจำนวน 500 คนแทนที่จะใช้ผู้ปกครองคนเดียว (ซึ่งอาจถูกติดสินบนหรือข่มขู่ได้) ใครก็ตามที่ได้รับเลือกจากการสุ่มคลีโรเทอเรียนจะต้องผ่านการตรวจสอบเพื่อป้องกันการขาดคุณสมบัติในตำแหน่งอำนาจอีกด้วย 

‘หลักหนึ่งคนหนึ่งเสียง’ (One Man One Vote)

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/1qYUAmVXdeCGx8tRLMoDdT/fe11139dc88a959496c608f269c9265a/How-People-Voted-in-Ancient-Elections-greek-roman-SPACEBAR-Photo03
Photo: Wikipedia / Philipp Foltz
ในกรุงเอเธนส์ กฎหมายและคดีในศาลทั้งหมดได้รับการตัดสินโดยสมัชชา (ekklēsia) ซึ่งเป็นองค์กรประชาธิปไตยขนาดใหญ่ที่พลเมืองชายทุกคนมีสิทธิออกเสียง จากพลเมือง 30,000-60,000 คนในกรุงเอเธนส์ ซึ่งจะมีประมาณ 6,000 คนเท่านั้นที่เข้าร่วมและมีส่วนร่วมในการประชุมสมัชชาเป็นประจำ 

การประชุมดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณอัฒจันทร์ธรรมชาติบนยอดเขาที่เรียกว่า ‘Pnyx’ ซึ่งมาจากคำภาษากรีกที่แปลว่า ‘แน่นแฟ้น’ และสามารถจุคนได้ระหว่าง 6,000-13,000 คน 

“ชาวกรีกไม่มีการเลือกตั้งอย่างที่เราคิด พวกเขาลงคะแนนทางไปรษณีย์หรือไปโรงเรียนหรือโบสถ์เพื่อส่งบัตรลงคะแนน นั่นคือที่ที่เราเรียกว่า ‘สาธารณรัฐ’ (res publica เป็นภาษาละตินแปลว่า ‘สถานที่สาธารณะ’) คุณไปชุมนุมกับพลเมืองคนอื่นๆ และคุณตัดสินใจปัญหาต่อหน้าสภาในวันนั้น” เดล ดิกสัน ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยซานดิเอโกกล่าว 

วาระการประชุมประจำวันสำหรับสภาถูกกำหนดโดยสภา 500 คน แต่กฎหมายและนโยบายของรัฐบาลทั้งหมดจะถูกโหวต ซึ่งการลงคะแนนทำได้โดยการยกมือและผู้ชนะจะถูกกำหนดโดย ‘ประธาน’ 9 คน (proedroi) อย่างไรก็ดี ชาวเอเธนส์จะระมัดระวังอย่างมากในการหลีกเลี่ยงความเป็นไปได้ที่จะโกงระบบ 

“ตัวอย่างเช่น เครื่องนับคะแนน 9 เครื่องจะถูกสุ่มเลือกในตอนเช้าก่อนการประชุมสมัชชา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะติดสินบนพวกเขา” โรบินสันกล่าว 

ทั้งนี้มีเพียงไม่กี่ตำแหน่งเท่านั้นในเอเธนส์ที่ได้รับเลือกจากรัฐสภา โดยตำแหน่งที่โดดเด่นที่สุดก็คือ นายพลทหาร ซึ่งทุกๆ ปีจะมีนายพลราว 10 คนได้รับเลือกจากการลงคะแนนแบบง่ายๆ จากสมัชชาใหญ่  

เลือกตั้งพิเศษเพื่อขับไล่และเนรเทศ!

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/7Jy2fMhDMtzUGxQLFOJPKz/cf13e4bcaa32e13f4c79187c6ce1de96/How-People-Voted-in-Ancient-Elections-greek-roman-SPACEBAR-Photo04
Photo: Wikimedia / Giovanni Dall'Orto
ในกรุงเอเธนส์ หากบุคคลสาธารณะคนใดทำให้บ้านเมืองเป็นที่น่าอับอายขายหน้า เป็นภัยคุกคามต่อรัฐหรือเป็นทรราช ยิ่งไปกว่านั้นหากว่าคนๆ นั้นเป็นที่นิยมมากเกินไป ผลที่ตามมาคือ บุคคลนั้นจะถูกเนรเทศออกจากกรุงเอเธนส์ไปเป็นเวลา 10 ปีผ่านการเลือกตั้งพิเศษที่เรียกว่า ‘การเนรเทศ  (ostracism)’ ซึ่งเป็นคำที่มาจากภาษากรีกโบราณ ‘ostraka’ แปลว่า เศษเสี้ยวของเครื่องปั้นดินเผา 

สำหรับการเลือกตั้งเพื่อเนรเทศนี้ สมาชิกสภาแต่ละคนจะได้รับเครื่องปั้นดินเผาชิ้นเล็กๆ และต้องเขียนชื่อคนที่สมควรถูกเนรเทศออกไป “หากมีคนอย่างน้อย 6,000 คนเขียนชื่อเดียวกัน คนที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุดจะถูกไล่ออกจากเอเธนส์เป็นเวลา 10 ปี” ดิกสันกล่าว 

ตัวอย่างที่มีชื่อเสียงคือ ‘เธมิสโตคลีส (Themistokles)’ วีรบุรุษทางการทหารของเอเธนส์จากยุทธนาวีซาลามิส (Salamis) ระหว่างกรีกและเปอร์เซียซึ่งถูกเนรเทศในปี 472 ก่อนคริสต์ศักราช และเขาเสียชีวิตจากการเนรเทศด้วย   

นอกจากนี้ยังมีหลักฐานบ่งชี้ว่าศัตรูทางการเมืองของเธมิสโตคลีสได้สลักชื่อของเขาไว้ล่วงหน้าบนเศษเครื่องปั้นดินเผาหลายร้อยหรือหลายพันชิ้น พร้อมแจกจ่ายให้กับสมาชิกสภาที่ไม่รู้หนังสือ 

เลือกสมาชิกสภาจาก ‘เสียงโห่ร้องและปรบมือ’ (Applause-o-Meter)

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6dYPoBdDNaIomVQQI041a2/f14c926136360b8db3887e1e00ee1f15/How-People-Voted-in-Ancient-Elections-greek-roman-SPACEBAR-Photo05
Photo: Wikimedia Commons
“เอเธนส์เป็นนครรัฐกรีกโบราณที่ใหญ่ที่สุดและมีอำนาจมากที่สุด แต่เทศบาลแต่ละแห่งนั้นต่างก็มีรูปแบบการลงคะแนนเสียงและการเลือกตั้งของตนเอง” โรบินสันกล่าว 

‘สปาร์ตา’ รัฐอิสระโบราณของกรีกที่เลืองชื่อว่าไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่กลับมีองค์ประกอบที่เป็นประชาธิปไตยอยู่ด้วย โดยหนึ่งในองค์กรปกครองสูงสุดของสปาร์ตาก็คือ ‘สภาผู้สูงอายุ (เยรูเซีย / gerousia)’ ประกอบด้วยกษัตริย์สปาร์ตัน 2 พระองค์ รวมถึงสมาชิกสภาที่ได้รับการเลือกตั้ง 28 คน ซึ่งมีอายุมากกว่า 60 ปี และจะดำรงตำแหน่งไปตลอดชีวิต 

“เพื่อเติมที่นั่งในสภาที่ว่างอยู่ ชาวสปาร์ตันมีจัดการเลือกตั้งในรูปแบบที่แปลกประหลาด โดยผู้สมัครแต่ละคนจะผลัดกันเดินเข้าไปในห้องประชุมขนาดใหญ่ และผู้คนก็จะโห่ร้องยินดี แต่ในอีกห้องหนึ่งซึ่งถูกซ่อนไว้ไม่ให้มองเห็นนั้น ผู้ตัดสินก็จะเปรียบเทียบระดับเสียงตะโกนเพื่อเลือกผู้ชนะนั่นเอง” โรบินสันกล่าว 

ในโรมันอภิสิทธ์เลือกตั้งก่อนเป็นของ ‘คนรวย’

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/4MlwCzUfW6ZGmEGC20PIwp/8a518de794b5b6f94a9c2924fa9b040a/How-People-Voted-in-Ancient-Elections-greek-roman-SPACEBAR-Photo06
Photo: สภาเพลเบียน (The Plebeian Council) Wikipedia / Silvestre David Mirys
“ในสมัยโบราณนั้น สาธารณรัฐโรมันยึดถือหลักการบางอย่างของประชาธิปไตยในเอเธนส์มาใช้ แต่ก็แบ่งการเลือกตั้งตามชนชั้นและสร้างระบบที่อภิสิทธิ์กับคนร่ำรวย” ดิกสันกล่าว 

แทนที่จะลงคะแนนเสียงในสภาขนาดใหญ่แห่งเดียวเช่นเอเธนส์ ทว่าชาวโรมันกลับมี 3 สภา สำหรับสภาแรกเรียกว่า ‘สภาราษฎร / สภาเซนจูรี่ หรือสภาร้อยคน (The Centuriate Assembly) ซึ่งรับผิดชอบในการประกาศสงคราม ประกอบด้วยกงสุล ขุนนางผู้ปกครอง และเซ็นเซอร์ หรือผู้พิพากษา 

การลงคะแนนเสียงในสภาราษฎรนั้นจะเริ่มต้นด้วยชนชั้นที่ร่ำรวยที่สุด และการนับคะแนนเสียงจะหยุดลงทันทีที่ได้เสียงข้างมากจากสมาชิกทั้งหมด 193 คน ดังนั้นหากคนรวยทุกคนต้องการให้มีการผ่านร่างกฎหมาย หรือเลือกกงสุลคนใดคนหนึ่ง พวกเขาก็สามารถลงคะแนนเสียงแบบบล็อค (ผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มหนึ่งสามารถบังคับให้ระบบเลือกเฉพาะผู้สมัครที่ต้องการได้) ซึ่งอภิสิทธิ์นี้ในภาษาละตินเรียกว่า ‘praerogativa’ (แปลว่า ‘ขอความเห็นก่อนผู้อื่น’)  

ส่วนอีก 2 สภาโรมัน ได้แก่ สภาเผ่าพันธุ์และสภาเพลเบียน (Plebeian) สำหรับลำดับการลงคะแนนเสียงถูกกำหนดโดยการ ‘จับสลากชนเผ่า’  

อย่างไรก็ดี สิทธิ์ในการเลือกตั้งทั้งในเอเธนส์และโรมไม่ได้ขึ้นอยู่กับสายเลือดหรือเชื้อชาติ แต่ขึ้นอยู่กับพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่พวกเขาอาศัยอยู่ ด้วยระบบที่เป็นเช่นนี้สภาเผ่าพันธุ์จึงทำหน้าที่คล้ายกับวุฒิสภาสหรัฐฯ ซึ่งแต่ละรัฐจะมีตัวแทนที่มีศักดิ์เท่าเทียมกัน 

การลงคะแนนเสียงแบบ ‘ลับๆ’ ในสาธารณรัฐโรมัน

https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/5MLNb7rALwCkYl6jnqRMSz/b7ab67489e211089619c496fce58e0bd/How-People-Voted-in-Ancient-Elections-greek-roman-SPACEBAR-Photo07
Photo: เหรียญปี 63 ก่อนคริสตศักราชแสดงรูปชาวโรมันกำลังลงคะแนนเสียง Wikipedia
บางแง่มุมของการเลือกตั้งในสาธารณรัฐโรมันยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน ทั้งนี้ การลงคะแนนเสียงในสภานั้นเริ่มต้นเหมือนต้นแบบอย่างกรุงเอเธนส์ โดยสมาชิกแต่ละคนในสภาจะยกมือขึ้นและลงคะแนนเสียงกันอย่างเปิดเผย แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็เห็นได้ชัดว่า ‘ผู้สนับสนุน’ ที่ฐานะมั่งคั่งกำลังกดดันสมาชิกสภาโรมันให้ลงคะแนนเสียง ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ดังนั้นการลงคะแนนจึงต้องเป็น ‘ความลับ’ 

ในปี 139 ก่อนคริสต์ศักราช โรมได้เปิดตัวบัตรลงคะแนนลับรูปแบบใหม่ “มันเป็นแผ่นไม้ที่มีแผ่นขี้ผึ้งอยู่ด้านนอก ผู้ลงคะแนนจะต้องเขียนคะแนนของตัวเองบนแผ่นขี้ผึ้งแล้วหย่อนทั้งแผ่นลงในกล่องลงคะแนน ซึ่งชนชั้นสูงมีความเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะพวกเขาสูญเสียการควบคุมบางส่วนไป” โรบินสันกล่าวทิ้งท้าย 
https://images.ctfassets.net/i3o8p9lzd06f/6LXKLxv2STK0xgF2ed7uc7/7cf02a90f937cf310d60db572f11596f/info_How-People-Voted-in-Ancient-Elections-greek-roman__1_

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์