ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงในตุรกีและซีเรียพุ่งเกือบแตะ 10,000 รายแล้ว
ทีมค้นหาและกู้ภัยจากทั่วโลกกำลังเดินทางถึงตุรกีและซีเรีย แม้ว่าหน่วยกู้ภัยจะทำงานทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิต ขณะที่ความเสียหายแผ่ขยายเป็นบริเวณกว้าง หน่วยกู้ภัยพยายามเข้าถึงเมืองต่างๆ เพื่อค้นหาผู้คนที่อยู่ใต้ซากปรักหักพัง
ตามการรายงานของสื่อกล่าวโดย อาลี ซิโล ผู้ซึ่งเสียคนในครอบครัวไป 2 ราย ในเมืองเนอร์ดากี ตุรกี ระบุว่า เราได้ยินเสียงของพวกเขา พวกเขากำลังร้องขอความช่วยเหลือ
ในเดือนพฤษภาคม 2013 ผู้หญิงคนหนึ่งถูกดึงออกมาจากซากปรักหักพังของอาคารโรงงานในบังกลาเทศ กว่า 17 วันหลังอาคารรถล่มลงมา คนงานได้ยินเสียงเธอร้องว่า ‘ได้โปรดช่วยฉันด้วย’ และใช้อุปกรณ์ตรวจจับวิดีโอและเสียงเพื่อหาตำแหน่งที่แน่นอนของเธอ
ปัจจัยในการอยู่รอดภายใต้ซากปรักหักพัง แม้ว่าผู้ประสบเหตุจะได้รับบาดเจ็บ หากได้รับอากาศหายใจและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ไม่ว่าเหยื่อจะได้รับบาดเจ็บแค่ไหน อากาศหายใจและสภาพอากาศเป็นปัจจัยที่กำหนดความอยู่รอดของบุคคลนั้น
“อาหารไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะผู้คนสามารถอยู่รอดได้นานหลายสัปดาห์หากไม่มีอาหาร อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่สามารถอยู่ได้เพียงไม่กี่วันหากขาดน้ำ” ดร.ริชาร์ด มูน ผู้เชี่ยวชาญด้านการอยู่รอดกล่าว
ระยะเวลาที่คนเราจะอยู่รอดได้ โดยได้รับน้ำเพียงอย่างเดียวนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การเผาผลาญของร่างกาย ปริมาณไขมันส่วนเกินที่บุคคลเก็บไว้ในร่างกายและอุณหภูมิ เมื่อเวลาผ่านไป อวัยวะของคนเราจะเริ่มปิดทีละส่วนจนร่างกายไม่สามารถทำงานได้ตามปกติอีกต่อไป แต่มนุษย์ที่มีสุขภาพดีสามารถอยู่ได้โดยปราศจากอาหารได้นานถึง 8 สัปดาห์
การอยู่รอดโดยปราศจากน้ำนั้นยากขึ้นเล็กน้อย คนที่มีสุขภาพดีสามารถขาดน้ำได้ 3-5 วัน แม้ว่าบางคนจะมีชีวิตอยู่ได้ 8-10 วัน ซึ่งหากไม่มีน้ำ คนเราจะไม่สามารถย่อยหรือดูดซึมอาหารได้
เมื่อปี 2010 ที่เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่เฮติ ชายคนหนึ่งรอดชีวิตจากซากปรักหักพังเป็นเวลา 14 วันด้วยการแบ่งน้ำในเหยือกน้ำ 2 แกลลอนที่เขาพบท่ามกลางซากปรักหักพัง โดยก่อนหน้านี้ก็มีชายคนหนึ่งติดอยู่ในซากโรงแรมเป็นเวลา 14 วันเช่นกัน หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ริกเตอร์ ที่ฟิลิปปินส์ในปี 1990
ทีมค้นหาและกู้ภัยจากทั่วโลกกำลังเดินทางถึงตุรกีและซีเรีย แม้ว่าหน่วยกู้ภัยจะทำงานทั้งกลางวันและกลางคืนเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิต ขณะที่ความเสียหายแผ่ขยายเป็นบริเวณกว้าง หน่วยกู้ภัยพยายามเข้าถึงเมืองต่างๆ เพื่อค้นหาผู้คนที่อยู่ใต้ซากปรักหักพัง
ตามการรายงานของสื่อกล่าวโดย อาลี ซิโล ผู้ซึ่งเสียคนในครอบครัวไป 2 ราย ในเมืองเนอร์ดากี ตุรกี ระบุว่า เราได้ยินเสียงของพวกเขา พวกเขากำลังร้องขอความช่วยเหลือ
‘มนุษย์’ สามารถรอดชีวิตใต้ซากปรักหักพังได้นานแค่ไหน?
โดยปกติแล้วองค์การสหประชาชาติ (UN) จะตัดสินใจยุติการค้นหาและช่วยเหลือระหว่าง 5 – 7 วันหลังจากเกิดภัยพิบัติ เมื่อไม่พบใครรอดชีวิตเป็นเวลา 1 หรือ 2 วันในเดือนพฤษภาคม 2013 ผู้หญิงคนหนึ่งถูกดึงออกมาจากซากปรักหักพังของอาคารโรงงานในบังกลาเทศ กว่า 17 วันหลังอาคารรถล่มลงมา คนงานได้ยินเสียงเธอร้องว่า ‘ได้โปรดช่วยฉันด้วย’ และใช้อุปกรณ์ตรวจจับวิดีโอและเสียงเพื่อหาตำแหน่งที่แน่นอนของเธอ
ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ กับความเป็นไปได้ของการ ‘อยู่รอด’
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า คนคนหนึ่งสามารถอยู่รอดภายใต้ซากปรักหักพังได้นานถึง 1 สัปดาห์ภายใต้สถานการณ์ที่เหมาะสมที่สุดปัจจัยในการอยู่รอดภายใต้ซากปรักหักพัง แม้ว่าผู้ประสบเหตุจะได้รับบาดเจ็บ หากได้รับอากาศหายใจและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ไม่ว่าเหยื่อจะได้รับบาดเจ็บแค่ไหน อากาศหายใจและสภาพอากาศเป็นปัจจัยที่กำหนดความอยู่รอดของบุคคลนั้น
“อาหารไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะผู้คนสามารถอยู่รอดได้นานหลายสัปดาห์หากไม่มีอาหาร อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่สามารถอยู่ได้เพียงไม่กี่วันหากขาดน้ำ” ดร.ริชาร์ด มูน ผู้เชี่ยวชาญด้านการอยู่รอดกล่าว
ระยะเวลาที่คนเราจะอยู่รอดได้ โดยได้รับน้ำเพียงอย่างเดียวนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การเผาผลาญของร่างกาย ปริมาณไขมันส่วนเกินที่บุคคลเก็บไว้ในร่างกายและอุณหภูมิ เมื่อเวลาผ่านไป อวัยวะของคนเราจะเริ่มปิดทีละส่วนจนร่างกายไม่สามารถทำงานได้ตามปกติอีกต่อไป แต่มนุษย์ที่มีสุขภาพดีสามารถอยู่ได้โดยปราศจากอาหารได้นานถึง 8 สัปดาห์
การอยู่รอดโดยปราศจากน้ำนั้นยากขึ้นเล็กน้อย คนที่มีสุขภาพดีสามารถขาดน้ำได้ 3-5 วัน แม้ว่าบางคนจะมีชีวิตอยู่ได้ 8-10 วัน ซึ่งหากไม่มีน้ำ คนเราจะไม่สามารถย่อยหรือดูดซึมอาหารได้
เมื่อปี 2010 ที่เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่เฮติ ชายคนหนึ่งรอดชีวิตจากซากปรักหักพังเป็นเวลา 14 วันด้วยการแบ่งน้ำในเหยือกน้ำ 2 แกลลอนที่เขาพบท่ามกลางซากปรักหักพัง โดยก่อนหน้านี้ก็มีชายคนหนึ่งติดอยู่ในซากโรงแรมเป็นเวลา 14 วันเช่นกัน หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ริกเตอร์ ที่ฟิลิปปินส์ในปี 1990