สำนักข่าว AP รายงานว่า คิมยอจอง น้องสาวผู้ทรงอำนาจของผู้นำเกาหลีเหนือ คิมจองอึน ออกมาพูดจาหยามเหยียดและข่มขู่เกาหลีใต้กรณีคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือ โดยเรียกประธานาธิบดีคนใหม่ของเกาหลีใต้และรัฐบาลของเขาว่า ‘งี่เง่า’ และ ‘เป็นหมาป่าคอยวิ่งแทะกระดูกที่สหรัฐฯ ยื่นให้’
การเหยียดหยามของคิมยอจอง เกิดขึ้น 2 วันหลังจากกระทรวงต่างประเทศของเกาหลีใต้กล่าวว่ากำลังทบทวนมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวเพิ่มเติมต่อเกาหลีเหนือจากการทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุด กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้กล่าวว่า “เราจะพิจารณาคว่ำบาตรและปราบปรามการโจมตีทางไซเบอร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนใหม่สำหรับโครงการอาวุธ หากเกาหลีเหนือดำเนินการยั่วยุครั้งใหญ่ เช่น การทดสอบนิวเคลียร์”
อย่างไรก็ดี เธอเรียกประธานาธิบดี ยุน ซ็อก-ยอล ผู้นำอนุรักษนิยมคนใหม่ของเกาหลีใต้และเจ้าหน้าที่บริหารของเขาว่า “กลุ่มคนงี่เง่าที่พยายามสร้างสถานการณ์อันตรายอย่างต่อเนื่อง” เธอเสริมว่าเกาหลีใต้ “ไม่ใช่เป้าหมายของเรา”
“เราขอเตือนคนอวดดีและโง่เขลาอีกครั้งว่าการคว่ำบาตรและแรงกดดันอย่างสิ้นหวังของสหรัฐฯ และลูกไล่ของเกาหลีใต้ที่ต่อต้าน (เกาหลีเหนือ) จะเพิ่มเชื้อไฟให้กับความเป็นศัตรูและความโกรธแค้นของเกาหลีเหนือ และมันจะกลายเป็นบ่วงสำหรับพวกเขาซะเอง” คิมยอจอง กล่าวเสริม
ด้านกระทรวงรวมชาติของโซลกล่าวในแถลงการณ์โต้กลับอย่างรวดเร็วต่อคำสบประมาทของ คิมยอจอง ที่มีต่อประธานาธิบดียุน ว่า “น่าเสียดายมากที่เธอประณามประมุขแห่งรัฐของเราด้วยถ้อยคำหยาบคาย ต่ำกว่ามาตรฐาน และไม่แสดงมารยาทขั้นพื้นฐาน” ทั้งยังประณามสิ่งที่เรียกว่า “ความพยายามที่ไม่บริสุทธิ์ของเธอในการยุยงให้เกิดการต่อต้านรัฐบาลและทำให้ระบบของเราสั่นคลอนในเกาหลีใต้”
ทั้งนี้ ตำแหน่งอย่างเป็นทางการของ คิมยอจอง คือ รองผู้อำนวยการฝ่ายคณะกรรมการกลางของพรรคแรงงานฝ่ายเหนือ แต่หน่วยสืบราชการลับของเกาหลีใต้เชื่อว่าเธอเป็นบุคคลที่มีอำนาจมากเป็นอันดับสองของเกาหลีเหนือรองจากพี่ชายของเธอ และคอยจับดูความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ
ในเดือนที่แล้ว เกาหลีใต้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรชาวเกาหลีเหนือ 15 คนและองค์กร 16 แห่งที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนร่วมในกิจกรรมผิดกฎหมายเพื่อสนับสนุนโครงการอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ นี่เป็นมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวครั้งแรกของโซลต่อเกาหลีเหนือในรอบ 5 ปี แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าส่วนใหญ่เป็นกระบวนการเชิงสัญลักษณ์ เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายมีการติดต่อทางการเงินระหว่างกันเล็กน้อย
แต่ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า การที่โซลพยายามประสานงานกับสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ เพื่อปราบปรามกิจกรรมทางไซเบอร์ที่ถูกกล่าวหาว่าผิดกฎหมายของเกาหลีเหนือ อาจทำให้เกาหลีเหนือโกรธเคืองและสร้างความเสียหายต่อการจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการอาวุธ
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา คณะผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติกล่าวในรายงานว่า เกาหลีเหนือยังคงขโมยเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐจากสถาบันการเงินและบริษัทแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นเงินที่ผิดกฎหมายและเป็นแหล่งเงินทุนสำคัญสำหรับโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
อย่างไรก็ดี เกาหลีเหนืออยู่ภายใต้การคว่ำบาตรของสหประชาชาติ 11 ครั้ง หลังจากมีการทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธตั้งแต่ปี 2006 แต่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกลับล้มเหลวในการลงมติคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อเกาหลีเหนือจากการดำเนินการห้ามยิงขีปนาวุธในปีนี้
ทั้งนี้ คิมยอจอง เตือนเมื่อวันอังคาร (22 พ.ย.) ที่ผ่านมาว่า สหรัฐฯ จะเผชิญกับ “วิกฤตความมั่นคงที่ร้ายแรงกว่านั้น” เนื่องจากผลักดันให้ UN ประณามการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการโจมตีทั้งแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ นอกจากนี้ ในถ้อยแถลงของ คิมยอจอง ยังเปรียบสหรัฐฯ เป็น “หมาที่เห่าพร้อมกับความหวาดกลัว” อีกด้วย
การเหยียดหยามของคิมยอจอง เกิดขึ้น 2 วันหลังจากกระทรวงต่างประเทศของเกาหลีใต้กล่าวว่ากำลังทบทวนมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวเพิ่มเติมต่อเกาหลีเหนือจากการทดสอบขีปนาวุธครั้งล่าสุด กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้กล่าวว่า “เราจะพิจารณาคว่ำบาตรและปราบปรามการโจมตีทางไซเบอร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนใหม่สำหรับโครงการอาวุธ หากเกาหลีเหนือดำเนินการยั่วยุครั้งใหญ่ เช่น การทดสอบนิวเคลียร์”
ถ้อยคำหยามเหยียด
“ฉันสงสัยว่ามาตรการคว่ำบาตรของกลุ่มชาวเกาหลีใต้ ซึ่งเปรียบเสมือนหมาป่าวิ่งแทะกระดูกที่สหรัฐฯ ยื่นให้ นั้นและมาบังคับใช้กับเกาหลีเหนืออย่างโอหัง…“ช่างเป็นภาพที่น่าตื่นตาจริงๆ!” คิมยอจอง กล่าวในแถลงการณ์อย่างไรก็ดี เธอเรียกประธานาธิบดี ยุน ซ็อก-ยอล ผู้นำอนุรักษนิยมคนใหม่ของเกาหลีใต้และเจ้าหน้าที่บริหารของเขาว่า “กลุ่มคนงี่เง่าที่พยายามสร้างสถานการณ์อันตรายอย่างต่อเนื่อง” เธอเสริมว่าเกาหลีใต้ “ไม่ใช่เป้าหมายของเรา”
“เราขอเตือนคนอวดดีและโง่เขลาอีกครั้งว่าการคว่ำบาตรและแรงกดดันอย่างสิ้นหวังของสหรัฐฯ และลูกไล่ของเกาหลีใต้ที่ต่อต้าน (เกาหลีเหนือ) จะเพิ่มเชื้อไฟให้กับความเป็นศัตรูและความโกรธแค้นของเกาหลีเหนือ และมันจะกลายเป็นบ่วงสำหรับพวกเขาซะเอง” คิมยอจอง กล่าวเสริม
ด้านกระทรวงรวมชาติของโซลกล่าวในแถลงการณ์โต้กลับอย่างรวดเร็วต่อคำสบประมาทของ คิมยอจอง ที่มีต่อประธานาธิบดียุน ว่า “น่าเสียดายมากที่เธอประณามประมุขแห่งรัฐของเราด้วยถ้อยคำหยาบคาย ต่ำกว่ามาตรฐาน และไม่แสดงมารยาทขั้นพื้นฐาน” ทั้งยังประณามสิ่งที่เรียกว่า “ความพยายามที่ไม่บริสุทธิ์ของเธอในการยุยงให้เกิดการต่อต้านรัฐบาลและทำให้ระบบของเราสั่นคลอนในเกาหลีใต้”
ทั้งนี้ ตำแหน่งอย่างเป็นทางการของ คิมยอจอง คือ รองผู้อำนวยการฝ่ายคณะกรรมการกลางของพรรคแรงงานฝ่ายเหนือ แต่หน่วยสืบราชการลับของเกาหลีใต้เชื่อว่าเธอเป็นบุคคลที่มีอำนาจมากเป็นอันดับสองของเกาหลีเหนือรองจากพี่ชายของเธอ และคอยจับดูความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ
คิมยอจองต้องการจะสื่ออะไร?
ชองซองชาง นักวิเคราะห์ที่สถาบันเอกชนเซจองในเกาหลีใต้ กล่าวว่า “แม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่ คิมยอจอง ใช้คำพูดอย่างหยาบคายกับเกาหลีใต้ แต่คาดว่าเกาหลีเหนือจะยังคงเพิ่มความตึงเครียดทางทหารในคาบสมุทรเกาหลีต่อไป เนื่องจากเธอมีหน้าที่รับผิดชอบด้านความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้และมีอิทธิพลต่อกองทัพของเกาหลีเหนือ”ในเดือนที่แล้ว เกาหลีใต้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรชาวเกาหลีเหนือ 15 คนและองค์กร 16 แห่งที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนร่วมในกิจกรรมผิดกฎหมายเพื่อสนับสนุนโครงการอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ นี่เป็นมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวครั้งแรกของโซลต่อเกาหลีเหนือในรอบ 5 ปี แต่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าส่วนใหญ่เป็นกระบวนการเชิงสัญลักษณ์ เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายมีการติดต่อทางการเงินระหว่างกันเล็กน้อย
แต่ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า การที่โซลพยายามประสานงานกับสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ เพื่อปราบปรามกิจกรรมทางไซเบอร์ที่ถูกกล่าวหาว่าผิดกฎหมายของเกาหลีเหนือ อาจทำให้เกาหลีเหนือโกรธเคืองและสร้างความเสียหายต่อการจัดหาเงินทุนสำหรับโครงการอาวุธ
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา คณะผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติกล่าวในรายงานว่า เกาหลีเหนือยังคงขโมยเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐจากสถาบันการเงินและบริษัทแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นเงินที่ผิดกฎหมายและเป็นแหล่งเงินทุนสำคัญสำหรับโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
อย่างไรก็ดี เกาหลีเหนืออยู่ภายใต้การคว่ำบาตรของสหประชาชาติ 11 ครั้ง หลังจากมีการทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธตั้งแต่ปี 2006 แต่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกลับล้มเหลวในการลงมติคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อเกาหลีเหนือจากการดำเนินการห้ามยิงขีปนาวุธในปีนี้
ทั้งนี้ คิมยอจอง เตือนเมื่อวันอังคาร (22 พ.ย.) ที่ผ่านมาว่า สหรัฐฯ จะเผชิญกับ “วิกฤตความมั่นคงที่ร้ายแรงกว่านั้น” เนื่องจากผลักดันให้ UN ประณามการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการโจมตีทั้งแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ นอกจากนี้ ในถ้อยแถลงของ คิมยอจอง ยังเปรียบสหรัฐฯ เป็น “หมาที่เห่าพร้อมกับความหวาดกลัว” อีกด้วย