รัฐสภาของมาเลเซียได้อนุมัติร่างกฎหมายที่จะ ‘ยกเลิกโทษประหาร’ ภาคบังคับสำหรับอาชญากรรมร้ายแรงหลายประเภท โดยเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปในวงกว้าง ซึ่งนำไปสู่การบรรเทาโทษให้กับนักโทษประหารมากกว่า 1,300 คน
ปัจจุบัน ศาลต้องสั่งประหารเนื่องจากการก่ออาชญากรรมร้ายแรง 11 คดี ซึ่งรวมถึงการฆาตกรรม ค้ายาเสพติด กบฏ ลักพาตัว และกระทำการก่อการร้าย รามคาร์ปาล ซิงห์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกฎหมาย กล่าวว่า ขณะนี้ศาลจะได้รับทางเลือกในการตัดสินโทษจำคุกระหว่าง 30 - 40 ปี และการจำคุกตลอดชีวิตตามธรรมชาติ ซึ่งนักโทษจะถูกคุมขังจนตาย
ซิงห์เรียกการปฏิรูปนี้ว่าเป็นก้าวสำคัญสำหรับระบบยุติธรรมทางอาญาของมาเลเซีย
“การทบทวนนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะเปิดกว้างเสมอในการต่ออายุและปรับปรุงกฎหมายและความยุติธรรมในประเทศนี้” ซิงห์กล่าว
เขากล่าวว่า นักโทษประหาร 1,318 คน รวมถึง 842 คนที่ใช้ช่องทางในการอุทธรณ์ทั้งหมดแล้ว คดีส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับการค้ายาเสพติด ซึ่งชาวต่างชาติมีสัดส่วนมากกว่า 500 คนที่ต้องโทษประหาร
เมื่อร่างกฎหมายมีผลบังคับใช้ นักโทษจะมีเวลา 90 วันในการยื่นเรื่องเพื่อทบทวนต่อศาล แต่ไม่ใช่คำตัดสินของตน ซิงห์ย้ำว่าศาลยังคงมีอำนาจที่จะลงโทษประหารชีวิตหลังจากการพิจารณาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายนี้ยังไม่ได้ส่งไปถึงสภาสูงและกษัตริย์ แต่คาดว่าจะออกเป็นกฎหมาย
มาเลเซียมีนโยบายหยุดใช้โทษประหารชีวิตด้วยการแขวนคอมาตั้งแต่ปี 2018 นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้เสนอเมื่อปีที่แล้วให้ยกเลิกโทษประหารชีวิตภาคบังคับ แต่การเคลื่อนไหวดังกล่าวถูกยกเลิกหลังจากรัฐสภาถูกยุบเพื่อการเลือกตั้งทั่วไป
“โดยพื้นฐานแล้ว ตอนนี้เราได้จำกัดโทษประหารชีวิตให้เหลือเพียง 3 กลุ่มความผิดหลัก ซึ่งได้แก่ การฆาตกรรม การค้ายาเสพติด และข้อหากบฏ” ด็อบบี ชิว จาก ADPAN กล่าวพร้อมเสริมว่า นี่เป็นก้าวแรกที่ดี มันทำให้มาเลเซียเข้าใกล้มาตรฐานสากลสำหรับประเทศเหล่านั้นที่ยังคงโทษประหารชีวิต
ปัจจุบัน ศาลต้องสั่งประหารเนื่องจากการก่ออาชญากรรมร้ายแรง 11 คดี ซึ่งรวมถึงการฆาตกรรม ค้ายาเสพติด กบฏ ลักพาตัว และกระทำการก่อการร้าย รามคาร์ปาล ซิงห์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกฎหมาย กล่าวว่า ขณะนี้ศาลจะได้รับทางเลือกในการตัดสินโทษจำคุกระหว่าง 30 - 40 ปี และการจำคุกตลอดชีวิตตามธรรมชาติ ซึ่งนักโทษจะถูกคุมขังจนตาย
ซิงห์เรียกการปฏิรูปนี้ว่าเป็นก้าวสำคัญสำหรับระบบยุติธรรมทางอาญาของมาเลเซีย
“การทบทวนนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะเปิดกว้างเสมอในการต่ออายุและปรับปรุงกฎหมายและความยุติธรรมในประเทศนี้” ซิงห์กล่าว
เขากล่าวว่า นักโทษประหาร 1,318 คน รวมถึง 842 คนที่ใช้ช่องทางในการอุทธรณ์ทั้งหมดแล้ว คดีส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับการค้ายาเสพติด ซึ่งชาวต่างชาติมีสัดส่วนมากกว่า 500 คนที่ต้องโทษประหาร
เมื่อร่างกฎหมายมีผลบังคับใช้ นักโทษจะมีเวลา 90 วันในการยื่นเรื่องเพื่อทบทวนต่อศาล แต่ไม่ใช่คำตัดสินของตน ซิงห์ย้ำว่าศาลยังคงมีอำนาจที่จะลงโทษประหารชีวิตหลังจากการพิจารณาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายนี้ยังไม่ได้ส่งไปถึงสภาสูงและกษัตริย์ แต่คาดว่าจะออกเป็นกฎหมาย
มาเลเซียมีนโยบายหยุดใช้โทษประหารชีวิตด้วยการแขวนคอมาตั้งแต่ปี 2018 นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้เสนอเมื่อปีที่แล้วให้ยกเลิกโทษประหารชีวิตภาคบังคับ แต่การเคลื่อนไหวดังกล่าวถูกยกเลิกหลังจากรัฐสภาถูกยุบเพื่อการเลือกตั้งทั่วไป
“โดยพื้นฐานแล้ว ตอนนี้เราได้จำกัดโทษประหารชีวิตให้เหลือเพียง 3 กลุ่มความผิดหลัก ซึ่งได้แก่ การฆาตกรรม การค้ายาเสพติด และข้อหากบฏ” ด็อบบี ชิว จาก ADPAN กล่าวพร้อมเสริมว่า นี่เป็นก้าวแรกที่ดี มันทำให้มาเลเซียเข้าใกล้มาตรฐานสากลสำหรับประเทศเหล่านั้นที่ยังคงโทษประหารชีวิต