ทารกแรกเกิดได้รับการช่วยชีวิตโดยหน่วยกู้ภัยจากใต้ซากปรักหักพังของอาคารทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียที่ถูกทำลายโดยแผ่นดินไหวเมื่อวันจันทร์ (6 ก.พ.)
ญาติคนหนึ่งกล่าวว่า แม่ของเธอ คลอดลูกออกมาได้ไม่นานหลังจากที่เกิดเหตุแผ่นดินไหว และเสียชีวิต ขณะที่ พ่อ พี่น้องของเธออีก 4 คน รวมถึงป้าของเธอเองก็เสียชีวิตเช่นกัน
ภาพที่น่าทึ่งแสดงให้เห็นชายคนหนึ่งอุ้มทารกที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยฝุ่น หลังจากที่เธอถูกดึงออกมาจากเศษซากอาคารใน Jindayris ด้านแพทย์ที่โรงพยาบาลใน Afrin ที่อยู่ใกล้เคียงกล่าวว่า ตอนนี้อาการของเธอกำลังคงที่
อาคารที่ครอบครัวของเธออาศัยอยู่เป็นหนึ่งในประมาณ 50 หลังที่ถูกทำลายโดยแผ่นดินไหวขนาด 7.8 แมกนิจูด ในเมือง Jindayris ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับชายแดนตุรกี
คาลิล อัล-สุวาดี ลุงของทารกหญิงกล่าวว่า เหล่าญาติรีบรุดไปที่เกิดเหตุเมื่อทราบข่าวการถล่ม
อัล-สุวาดี กล่าวว่า เราได้ยินเสียงขณะที่เรากำลังขุด เราจึงปัดฝุ่นออกและพบกับทารกที่ยังมีสายสะดือค้างอยู่ เราตัดมัน และพาเธอไปยังโรงพยาบาล
กุมารแพทย์ ฮานี มารูฟ กล่าวว่า ทารกน้อยมาถึงโรงพยาบาลในสภาพที่ย่ำแย่ โดยมีรอยฟกช้ำและบาดแผลหลายแห่งทั่วร่างกาย
“เธอมาด้วยอาการอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติเนื่องจากอากาศหนาวจัด เราต้องทำให้เธออุ่นขึ้นและให้แคลเซียม” เขากล่าวเสริม
เธอถูกถ่ายภาพขณะนอนอยู่ในตู้อบ ขณะที่มีการจัดงานศพร่วมระหว่างพ่อและแม่ของเธอรวมถึงพี่น้องของเธอ 4 คน พวกเขาเป็นหนึ่งใน 1,800 ราย ที่เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวในซีเรีย ตามการระบุของรัฐบาลในดามัสกัสและ White Helmets ซึ่งหน่วยกู้ภัยอาสาสมัครปฏิบัติการในพื้นที่ที่ฝ่ายต่อต้านยึดครอง
มีผู้เสียชีวิตอีก 4,500 คนในตุรกี ซึ่งเป็นศูนย์กลางของแผ่นดินไหว
จนถึงขณะนี้กลุ่ม White Helmets มีรายงานผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,020 ราย แต่พวกเขากล่าวว่าตัวเลขดังกล่าวคาดว่าจะ ‘เพิ่มขึ้นอย่างมาก’
“เวลากำลังจะหมดลง ผู้คนหลายร้อยคนยังคงติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง ทุกวินาทีอาจหมายถึงการช่วยชีวิต” พวกเขาทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์เมื่อวันอังคาร (7 ก.พ.)
“เราขอเรียกร้องให้องค์กรด้านมนุษยธรรมและองค์กรระหว่างประเทศทั้งหมดให้การสนับสนุนด้านวัตถุและความช่วยเหลือแก่องค์กรที่ตอบสนองต่อภัยพิบัติครั้งนี้” พวกเขากล่าว
สหประชาชาติให้คำมั่นว่าจะใช้ ‘ทุกวิถีทาง’ ที่เป็นไปได้เพื่อช่วยเหลือผู้คนแต่ระบุว่า การส่งมอบต้องหยุดชะงักชั่วคราวเนื่องจากถนนชำรุดและปัญหาด้านลอจิสติกส์อื่นๆ
นอกจากนี้ยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลอย่าทำให้การส่งความช่วยเหลือเป็นเรื่องการเมือง เมื่อคนจำนวนมากกำลังรอความช่วยเหลืออย่างสิ้นหวัง
ข้อตกลงของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอนุญาตให้ใช้จุดผ่านแดนเพียงจุดเดียวในการส่งสินค้าจากตุรกีไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ การส่งมอบอื่นๆ ทั้งหมดควรผ่านดามัสกัส แม้ว่าในอดีตรัฐบาลจะอำนวยความสะดวกในการช่วยเหลือแบบ ‘ข้ามเส้น’ เพียงเล็กน้อยก็ตาม
ขณะที่ก่อนเกิดเหตุแผ่นดินไหว ผู้คน 4.1 ล้านคนทางตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพื่อความอยู่รอด
ญาติคนหนึ่งกล่าวว่า แม่ของเธอ คลอดลูกออกมาได้ไม่นานหลังจากที่เกิดเหตุแผ่นดินไหว และเสียชีวิต ขณะที่ พ่อ พี่น้องของเธออีก 4 คน รวมถึงป้าของเธอเองก็เสียชีวิตเช่นกัน
ภาพที่น่าทึ่งแสดงให้เห็นชายคนหนึ่งอุ้มทารกที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยฝุ่น หลังจากที่เธอถูกดึงออกมาจากเศษซากอาคารใน Jindayris ด้านแพทย์ที่โรงพยาบาลใน Afrin ที่อยู่ใกล้เคียงกล่าวว่า ตอนนี้อาการของเธอกำลังคงที่
อาคารที่ครอบครัวของเธออาศัยอยู่เป็นหนึ่งในประมาณ 50 หลังที่ถูกทำลายโดยแผ่นดินไหวขนาด 7.8 แมกนิจูด ในเมือง Jindayris ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับชายแดนตุรกี
คาลิล อัล-สุวาดี ลุงของทารกหญิงกล่าวว่า เหล่าญาติรีบรุดไปที่เกิดเหตุเมื่อทราบข่าวการถล่ม
อัล-สุวาดี กล่าวว่า เราได้ยินเสียงขณะที่เรากำลังขุด เราจึงปัดฝุ่นออกและพบกับทารกที่ยังมีสายสะดือค้างอยู่ เราตัดมัน และพาเธอไปยังโรงพยาบาล
กุมารแพทย์ ฮานี มารูฟ กล่าวว่า ทารกน้อยมาถึงโรงพยาบาลในสภาพที่ย่ำแย่ โดยมีรอยฟกช้ำและบาดแผลหลายแห่งทั่วร่างกาย
“เธอมาด้วยอาการอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติเนื่องจากอากาศหนาวจัด เราต้องทำให้เธออุ่นขึ้นและให้แคลเซียม” เขากล่าวเสริม
เธอถูกถ่ายภาพขณะนอนอยู่ในตู้อบ ขณะที่มีการจัดงานศพร่วมระหว่างพ่อและแม่ของเธอรวมถึงพี่น้องของเธอ 4 คน พวกเขาเป็นหนึ่งใน 1,800 ราย ที่เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวในซีเรีย ตามการระบุของรัฐบาลในดามัสกัสและ White Helmets ซึ่งหน่วยกู้ภัยอาสาสมัครปฏิบัติการในพื้นที่ที่ฝ่ายต่อต้านยึดครอง
มีผู้เสียชีวิตอีก 4,500 คนในตุรกี ซึ่งเป็นศูนย์กลางของแผ่นดินไหว
จนถึงขณะนี้กลุ่ม White Helmets มีรายงานผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,020 ราย แต่พวกเขากล่าวว่าตัวเลขดังกล่าวคาดว่าจะ ‘เพิ่มขึ้นอย่างมาก’
“เวลากำลังจะหมดลง ผู้คนหลายร้อยคนยังคงติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง ทุกวินาทีอาจหมายถึงการช่วยชีวิต” พวกเขาทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์เมื่อวันอังคาร (7 ก.พ.)
“เราขอเรียกร้องให้องค์กรด้านมนุษยธรรมและองค์กรระหว่างประเทศทั้งหมดให้การสนับสนุนด้านวัตถุและความช่วยเหลือแก่องค์กรที่ตอบสนองต่อภัยพิบัติครั้งนี้” พวกเขากล่าว
สหประชาชาติให้คำมั่นว่าจะใช้ ‘ทุกวิถีทาง’ ที่เป็นไปได้เพื่อช่วยเหลือผู้คนแต่ระบุว่า การส่งมอบต้องหยุดชะงักชั่วคราวเนื่องจากถนนชำรุดและปัญหาด้านลอจิสติกส์อื่นๆ
นอกจากนี้ยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลอย่าทำให้การส่งความช่วยเหลือเป็นเรื่องการเมือง เมื่อคนจำนวนมากกำลังรอความช่วยเหลืออย่างสิ้นหวัง
ข้อตกลงของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอนุญาตให้ใช้จุดผ่านแดนเพียงจุดเดียวในการส่งสินค้าจากตุรกีไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ การส่งมอบอื่นๆ ทั้งหมดควรผ่านดามัสกัส แม้ว่าในอดีตรัฐบาลจะอำนวยความสะดวกในการช่วยเหลือแบบ ‘ข้ามเส้น’ เพียงเล็กน้อยก็ตาม
ขณะที่ก่อนเกิดเหตุแผ่นดินไหว ผู้คน 4.1 ล้านคนทางตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเพื่อความอยู่รอด