ประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งในรัฐโอคลาโฮมาของสหรัฐฯ ‘ปฏิเสธ’ การทำให้ ‘กัญชา’ เพื่อการสันทนาการเป็นสิ่งถูกกฎหมาย หลังจากที่มีการต่อต้านอย่างเด็ดขาดจากทางผู้นำศาสนา ผู้บังคับใช้กฎหมาย และอัยการ
โอคลาโฮมา เกือบจะเป็นรัฐที่ 22 ที่ออกกฎหมายให้การใช้กัญชาเพื่อการสันทนาการในผู้ใหญ่ถูกต้องตามกฎหมายตามรอยรัฐมอนทานา และมิสซูรี ที่อนุมัติกฎหมายดังกล่าวไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ขณะที่รัฐอนุรักษ์นิยมหลายรัฐได้ปฏิเสธแนวคิดนี้ เช่น อาร์คันซอ นอร์ทดาโคตา และเซาท์ดาโคตา เมื่อปีที่แล้วเช่นกัน
ผู้ว่าการรัฐโอคลาโฮมาจากพรรครีพับลิกัน เควิน สติตต์ และสมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรครีพับลิกันของรัฐหลายคน รวมถึงวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันเกือบทุกคน คัดค้านแนวคิดนี้ ขณะที่อดีตผู้ว่าการรัฐโอคลาโฮมาของพรรครีพับลิกัน แฟรงค์ เคธติง อดีตเจ้าหน้าที่ FBI และ เทอร์รี ไวท์ อดีตหัวหน้ากรมสุขภาพจิตและบริการการใช้สารเสพติดโอคลาโฮมาเป็นผู้นำในการรณรงค์สำหรับแคมเปญ ‘ไม่เอา’
“เรารู้สึกยินดีที่ผู้ลงคะแนนส่งเสียงของพวกเขาออกมา เราคิดว่านี่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่พอใจกับลักษณะการใช้ระบบยาเพื่อสันทนาการ นอกจากนี้ เรายังคิดว่ามันแสดงให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งตระหนักถึงแง่มุมทางอาชญากรรม เช่นเดียวกับความจำเป็นในการจัดการกับความต้องการด้านสุขภาพจิตของรัฐ” แพท แมคเฟอร์รอน นักยุทธศาสตร์ทางการเมืองของพรรครีพับลิกันที่ดำเนินการหาเสียงของฝ่ายค้านกล่าว
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในโอคลาโฮมาโหวตอนุมัติกัญชาทางการแพทย์แล้วในปี 2018 ถึง 14% และรัฐเองก็มีโครงการที่เสรีที่สุดโครงการหนึ่งในประเทศ โดยมีร้านจ่ายยาที่ได้รับอนุญาตมากกว่า 2,800 แห่ง และประชากรผู้ใหญ่ในรัฐประมาณ 10% มีใบอนุญาตทางการแพทย์ในการซื้อและบริโภคกัญชา
กฎหมาย 820 ของโอคลาโฮมา (การริเริ่มการรับรองกัญชาให้ถูกกฎหมาย) เป็นผลมาจากการขับเคลื่อนการรวบรวมลายเซ็นเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นกฎหมายเดียวในการลงคะแนนทั่วรัฐ ซึ่งผลลัพธ์ในช่วงต้นแสดงให้เห็นถึงการต่อต้านอย่างหนักในพื้นที่ชนบท
“โอคลาโฮมาเป็นรัฐที่มีกฎหมายและความสงบเรียบร้อย” สติตต์กล่าวในแถลงการณ์หลังการลงคะแนนเมื่อวันอังคาร (7 มี.ค.) พร้อมเสริมว่า เขาจะยังคงมุ่งมั่นที่จะปกป้องชาวโอคลาโฮมา และฝ่ายบริหารของเขาจะยังคงลงโทษผู้กระทำผิดและปราบปรามการดำเนินการเกี่ยวกับกัญชาที่ผิดกฎหมายในรัฐต่อไป
อย่างไรก็ตามหากข้อกฎหมายนี้ผ่าน ก็จะอนุญาตให้ใครก็ตามที่อายุเกิน 21 ปี ซื้อและครอบครองกัญชาได้มากถึง 1 ออนซ์ รวมทั้งยาเข้มข้นและผลิตภัณฑ์ที่ผสมกัญชา ในส่วนของการขายเพื่อการสันทนาการจะต้องเสียภาษีสรรพสามิต 15% จากภาษีขายมาตรฐาน ภาษีสรรพสามิตจะถูกใช้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเทศบาลท้องถิ่น ระบบศาล โรงเรียนของรัฐ การบำบัดสารเสพติด และกองทุนรายได้ทั่วไปของรัฐ
โอคลาโฮมา เกือบจะเป็นรัฐที่ 22 ที่ออกกฎหมายให้การใช้กัญชาเพื่อการสันทนาการในผู้ใหญ่ถูกต้องตามกฎหมายตามรอยรัฐมอนทานา และมิสซูรี ที่อนุมัติกฎหมายดังกล่าวไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ขณะที่รัฐอนุรักษ์นิยมหลายรัฐได้ปฏิเสธแนวคิดนี้ เช่น อาร์คันซอ นอร์ทดาโคตา และเซาท์ดาโคตา เมื่อปีที่แล้วเช่นกัน
ผู้ว่าการรัฐโอคลาโฮมาจากพรรครีพับลิกัน เควิน สติตต์ และสมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรครีพับลิกันของรัฐหลายคน รวมถึงวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันเกือบทุกคน คัดค้านแนวคิดนี้ ขณะที่อดีตผู้ว่าการรัฐโอคลาโฮมาของพรรครีพับลิกัน แฟรงค์ เคธติง อดีตเจ้าหน้าที่ FBI และ เทอร์รี ไวท์ อดีตหัวหน้ากรมสุขภาพจิตและบริการการใช้สารเสพติดโอคลาโฮมาเป็นผู้นำในการรณรงค์สำหรับแคมเปญ ‘ไม่เอา’
“เรารู้สึกยินดีที่ผู้ลงคะแนนส่งเสียงของพวกเขาออกมา เราคิดว่านี่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่พอใจกับลักษณะการใช้ระบบยาเพื่อสันทนาการ นอกจากนี้ เรายังคิดว่ามันแสดงให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งตระหนักถึงแง่มุมทางอาชญากรรม เช่นเดียวกับความจำเป็นในการจัดการกับความต้องการด้านสุขภาพจิตของรัฐ” แพท แมคเฟอร์รอน นักยุทธศาสตร์ทางการเมืองของพรรครีพับลิกันที่ดำเนินการหาเสียงของฝ่ายค้านกล่าว
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในโอคลาโฮมาโหวตอนุมัติกัญชาทางการแพทย์แล้วในปี 2018 ถึง 14% และรัฐเองก็มีโครงการที่เสรีที่สุดโครงการหนึ่งในประเทศ โดยมีร้านจ่ายยาที่ได้รับอนุญาตมากกว่า 2,800 แห่ง และประชากรผู้ใหญ่ในรัฐประมาณ 10% มีใบอนุญาตทางการแพทย์ในการซื้อและบริโภคกัญชา
กฎหมาย 820 ของโอคลาโฮมา (การริเริ่มการรับรองกัญชาให้ถูกกฎหมาย) เป็นผลมาจากการขับเคลื่อนการรวบรวมลายเซ็นเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นกฎหมายเดียวในการลงคะแนนทั่วรัฐ ซึ่งผลลัพธ์ในช่วงต้นแสดงให้เห็นถึงการต่อต้านอย่างหนักในพื้นที่ชนบท
“โอคลาโฮมาเป็นรัฐที่มีกฎหมายและความสงบเรียบร้อย” สติตต์กล่าวในแถลงการณ์หลังการลงคะแนนเมื่อวันอังคาร (7 มี.ค.) พร้อมเสริมว่า เขาจะยังคงมุ่งมั่นที่จะปกป้องชาวโอคลาโฮมา และฝ่ายบริหารของเขาจะยังคงลงโทษผู้กระทำผิดและปราบปรามการดำเนินการเกี่ยวกับกัญชาที่ผิดกฎหมายในรัฐต่อไป
อย่างไรก็ตามหากข้อกฎหมายนี้ผ่าน ก็จะอนุญาตให้ใครก็ตามที่อายุเกิน 21 ปี ซื้อและครอบครองกัญชาได้มากถึง 1 ออนซ์ รวมทั้งยาเข้มข้นและผลิตภัณฑ์ที่ผสมกัญชา ในส่วนของการขายเพื่อการสันทนาการจะต้องเสียภาษีสรรพสามิต 15% จากภาษีขายมาตรฐาน ภาษีสรรพสามิตจะถูกใช้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเทศบาลท้องถิ่น ระบบศาล โรงเรียนของรัฐ การบำบัดสารเสพติด และกองทุนรายได้ทั่วไปของรัฐ

ไม่ใช่แค่โอคลาโฮมาที่ต่อต้านกัญชาอย่างเด็ดขาดเช่นนี้
ล่าสุดในอินโดนีเซีย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เผาไร่กัญชาขนาดราว 110,000 ตารางเมตรในจังหวัดอาเจะห์ เกาะสุมาตรา เมื่อวันพุธ (8 มี.ค.) ที่ผ่านมา โดยไร่กัญชาดังกล่าวถูกค้นพบโดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่บางประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เองก็มีกฎหายควบคุมกัญชาอย่างเข้มงวดที่สุดในโลกเช่นกัน
ความคาดหวังที่จะมีชาวโอคลาโฮมา มานั่งสูบกัญชากันมากขึ้นนั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าท่านักสำหรับ มาร์ค กอสแมน ทนายความที่ลงมติไม่เห็นด้วยกับข้อกฎหมายดังกล่าว พร้อมกับให้ความเห็นว่า เขาไม่ลงคะแนนเพราะเขาไม่สูบ อีกทั้งการสูบ (กัญชาหรือบุหรี่) เป็นปัญหาใหญ่สำหรับครอบครัวของเขา
อุปสรรคการค้าที่ค่อนข้างต่ำในการเข้าสู่อุตสาหกรรมกัญชาทางการแพทย์ของโอคลาโฮมา ทำให้ผู้ปลูก ผู้แปรรูป และผู้ดำเนินการจ่ายยาจำนวนมาก ต้องแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงลูกค้าที่มีจำนวนจำกัด ขณะที่ผู้สนับสนุนหวังว่าอุตสาหกรรมกัญชาของรัฐ จะได้รับการสนับสนุนจากลูกค้านอกรัฐบ้าง โดยเฉพาะจากเท็กซัส ซึ่งมีประชากรเกือบ 8 ล้านคน ในพื้นที่ที่ห่างออกไปจากโอคลาโฮมาที่ใช้เวลาขับรถไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงจากชายแดน
มิเชลล์ ทิลเลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายรณรงค์ของแคมเปญ ‘Yes on 820’ กล่าวว่า แม้จะมีผลโหวตออกมาว่าปฏิเสธ แต่การทำให้กัญชาถูกกฎหมายอย่างเต็มรูปแบบเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้เธอยังสังเกตว่า ชาวโอคลาโฮมาเกือบ 400,000 คนใช้กัญชาอย่างถูกกฎหมายแล้ว และ ‘อีกหลายพันคน’ กำลังใช้กัญชาอย่างผิดกฎหมาย
“ระบบ 2 มาตรฐานที่ชาวโอคลาโฮมานกลุ่มหนึ่งมีอิสระในการใช้ผลิตภัณฑ์นี้ และอีกกลุ่มได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นอาชญากร มันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย” เธอกล่าวในแถลงการณ์
ล่าสุดในอินโดนีเซีย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เผาไร่กัญชาขนาดราว 110,000 ตารางเมตรในจังหวัดอาเจะห์ เกาะสุมาตรา เมื่อวันพุธ (8 มี.ค.) ที่ผ่านมา โดยไร่กัญชาดังกล่าวถูกค้นพบโดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่บางประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เองก็มีกฎหายควบคุมกัญชาอย่างเข้มงวดที่สุดในโลกเช่นกัน
ความคาดหวังที่จะมีชาวโอคลาโฮมา มานั่งสูบกัญชากันมากขึ้นนั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าท่านักสำหรับ มาร์ค กอสแมน ทนายความที่ลงมติไม่เห็นด้วยกับข้อกฎหมายดังกล่าว พร้อมกับให้ความเห็นว่า เขาไม่ลงคะแนนเพราะเขาไม่สูบ อีกทั้งการสูบ (กัญชาหรือบุหรี่) เป็นปัญหาใหญ่สำหรับครอบครัวของเขา
อุปสรรคการค้าที่ค่อนข้างต่ำในการเข้าสู่อุตสาหกรรมกัญชาทางการแพทย์ของโอคลาโฮมา ทำให้ผู้ปลูก ผู้แปรรูป และผู้ดำเนินการจ่ายยาจำนวนมาก ต้องแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงลูกค้าที่มีจำนวนจำกัด ขณะที่ผู้สนับสนุนหวังว่าอุตสาหกรรมกัญชาของรัฐ จะได้รับการสนับสนุนจากลูกค้านอกรัฐบ้าง โดยเฉพาะจากเท็กซัส ซึ่งมีประชากรเกือบ 8 ล้านคน ในพื้นที่ที่ห่างออกไปจากโอคลาโฮมาที่ใช้เวลาขับรถไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงจากชายแดน
มิเชลล์ ทิลเลย์ ผู้อำนวยการฝ่ายรณรงค์ของแคมเปญ ‘Yes on 820’ กล่าวว่า แม้จะมีผลโหวตออกมาว่าปฏิเสธ แต่การทำให้กัญชาถูกกฎหมายอย่างเต็มรูปแบบเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้เธอยังสังเกตว่า ชาวโอคลาโฮมาเกือบ 400,000 คนใช้กัญชาอย่างถูกกฎหมายแล้ว และ ‘อีกหลายพันคน’ กำลังใช้กัญชาอย่างผิดกฎหมาย
“ระบบ 2 มาตรฐานที่ชาวโอคลาโฮมานกลุ่มหนึ่งมีอิสระในการใช้ผลิตภัณฑ์นี้ และอีกกลุ่มได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นอาชญากร มันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย” เธอกล่าวในแถลงการณ์