สำนักข่าว The Telegraph รายงานว่า สหภาพแรงงานรถไฟ การเดินเรือ และการขนส่ง (RMT) กล่าวว่า สมาชิก 40,000 คนจะหยุดงานประท้วงเป็นเวลา 8 วัน คือ วันที่ 13, 14, 16 และ 17 ธันวาคม 2022 และวันที่ 3, 4, 6 และ 7 มกราคม 2023
อย่างไรก็ดี หัวหน้าการรถไฟต้องการลดค่าใช้จ่าย เนื่องจากความต้องการใช้บริการต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดโรคระบาด โดยหัวหน้าสหภาพกำลังต่อต้านการปฏิรูปเพื่อประหยัดเงินและเรียกร้องให้เพิ่มค่าจ้างจำนวนมากในขณะที่สมาชิกของพวกเขาก็กำลังต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ การนัดหยุดงานจะทำให้บริการรถไฟหยุดชะงักเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ซึ่งมีรถไฟเพียง 1 ใน 5 เท่านั้นที่คาดว่าจะวิ่งในวันหยุดงาน หมายความว่าผู้โดยสารจะต้องเจอกับการบริการที่ลดลงอย่างมาก และผู้โดยสารในบางสายอาจจะประสบปัญหาการหยุดชะงักครั้งใหญ่ในช่วงที่ดีที่สุดของเดือน ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคมถึง 8 มกราคม
มิค ลินช์ เลขาธิการของ RMT กล่าวว่า “การหยุดงานประท้วงรอบล่าสุดนี้จะแสดงให้เห็นว่าสมาชิกของเรามีความสำคัญต่อการบริหารประเทศนี้เพียงใด และเราต้องการส่งสารอย่างชัดเจนว่าเราต้องการข้อตกลงที่ดีเกี่ยวกับความมั่นคงของงาน การจ่ายเงิน และเงื่อนไขสำหรับคนของเรา”
การพูดคุยกับ RMT ดำเนินการโดย 2 ฝ่ายหลัก คือ Network Rail และผู้ให้บริการรถไฟ ด้าน ทิม โชเวลเลอร์ หัวหน้าผู้เจรจาของ Network Rail กล่าวว่า “ไม่มีใครสามารถปฏิเสธช่องโหว่ทางการเงินที่ล่อแหลมซึ่งการรถไฟกำลังเผชิญอยู่ได้ การหยุดงานนั้นมีแต่จะทำให้ช่องโหว่นั้นใหญ่ขึ้น และหาทางแก้ปัญหาก็ยากมากขึ้นด้วย”
“การปฏิรูปเท่านั้นที่จะไม่ทำให้ใครตกงาน ประหยัดเงินและสามารถแปลงเป็นข้อเสนอที่ดีขึ้นได้ ซึ่งในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีความคืบหน้ามาบ้าง เราจะไม่ยอมแพ้และหวังว่า RMT จะกลับมาวิ่งตามตาราง” โชเวลเลอร์ กล่าว
โฆษกของ Rail Delivery Group กล่าวว่า “เรามีความคืบหน้าอย่างแท้จริงในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาของการเจรจา และเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เราได้เห็นโครงร่างของข้อตกลงที่น่าเชื่อถือ…การนัดหยุดงานเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงใกล้ถึงคริสต์มาส จะรบกวนเทศกาลที่ผู้โดยสารของเราตั้งตารอมานานตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด ซึ่งจะดึงเงินออกจากกระเป๋าของพนักงานรถไฟมากขึ้น และจะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงไปจนถึงภาคการบริการและการค้าปลีกที่ขึ้นอยู่กับช่วงเวลานี้ของปีสำหรับธุรกิจของพวกเขา”
ลินช์ กล่าวเสริมว่า “นายจ้างกำลังระส่ำระสายและบางครั้งก็พูดเรื่องต่างๆ กับคนอื่นในเวลาเดียวกัน กระบวนการทั้งหมดนี้กลายเป็นเรื่องตลกที่มีแต่รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่เท่านั้นที่สามารถแก้ไขได้ ถ้าผมพบเขาในสัปดาห์นี้ ผมจะส่งสารนั้นให้เขารู้”
อย่างไรก็ดี หัวหน้าการรถไฟต้องการลดค่าใช้จ่าย เนื่องจากความต้องการใช้บริการต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดโรคระบาด โดยหัวหน้าสหภาพกำลังต่อต้านการปฏิรูปเพื่อประหยัดเงินและเรียกร้องให้เพิ่มค่าจ้างจำนวนมากในขณะที่สมาชิกของพวกเขาก็กำลังต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ การนัดหยุดงานจะทำให้บริการรถไฟหยุดชะงักเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ซึ่งมีรถไฟเพียง 1 ใน 5 เท่านั้นที่คาดว่าจะวิ่งในวันหยุดงาน หมายความว่าผู้โดยสารจะต้องเจอกับการบริการที่ลดลงอย่างมาก และผู้โดยสารในบางสายอาจจะประสบปัญหาการหยุดชะงักครั้งใหญ่ในช่วงที่ดีที่สุดของเดือน ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคมถึง 8 มกราคม
มิค ลินช์ เลขาธิการของ RMT กล่าวว่า “การหยุดงานประท้วงรอบล่าสุดนี้จะแสดงให้เห็นว่าสมาชิกของเรามีความสำคัญต่อการบริหารประเทศนี้เพียงใด และเราต้องการส่งสารอย่างชัดเจนว่าเราต้องการข้อตกลงที่ดีเกี่ยวกับความมั่นคงของงาน การจ่ายเงิน และเงื่อนไขสำหรับคนของเรา”
การพูดคุยกับ RMT ดำเนินการโดย 2 ฝ่ายหลัก คือ Network Rail และผู้ให้บริการรถไฟ ด้าน ทิม โชเวลเลอร์ หัวหน้าผู้เจรจาของ Network Rail กล่าวว่า “ไม่มีใครสามารถปฏิเสธช่องโหว่ทางการเงินที่ล่อแหลมซึ่งการรถไฟกำลังเผชิญอยู่ได้ การหยุดงานนั้นมีแต่จะทำให้ช่องโหว่นั้นใหญ่ขึ้น และหาทางแก้ปัญหาก็ยากมากขึ้นด้วย”
“การปฏิรูปเท่านั้นที่จะไม่ทำให้ใครตกงาน ประหยัดเงินและสามารถแปลงเป็นข้อเสนอที่ดีขึ้นได้ ซึ่งในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีความคืบหน้ามาบ้าง เราจะไม่ยอมแพ้และหวังว่า RMT จะกลับมาวิ่งตามตาราง” โชเวลเลอร์ กล่าว
โฆษกของ Rail Delivery Group กล่าวว่า “เรามีความคืบหน้าอย่างแท้จริงในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาของการเจรจา และเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่เราได้เห็นโครงร่างของข้อตกลงที่น่าเชื่อถือ…การนัดหยุดงานเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงใกล้ถึงคริสต์มาส จะรบกวนเทศกาลที่ผู้โดยสารของเราตั้งตารอมานานตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด ซึ่งจะดึงเงินออกจากกระเป๋าของพนักงานรถไฟมากขึ้น และจะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงไปจนถึงภาคการบริการและการค้าปลีกที่ขึ้นอยู่กับช่วงเวลานี้ของปีสำหรับธุรกิจของพวกเขา”
ลินช์ กล่าวเสริมว่า “นายจ้างกำลังระส่ำระสายและบางครั้งก็พูดเรื่องต่างๆ กับคนอื่นในเวลาเดียวกัน กระบวนการทั้งหมดนี้กลายเป็นเรื่องตลกที่มีแต่รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่เท่านั้นที่สามารถแก้ไขได้ ถ้าผมพบเขาในสัปดาห์นี้ ผมจะส่งสารนั้นให้เขารู้”
