ยุนซอกยอล ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ ให้คำมั่นที่จะยกระดับความพยายามในการส่งเสริมการส่งออกอาวุธและรักษาความปลอดภัยของเทคโนโลยีที่ทันสมัย ขณะที่เขามีเป้าหมายที่จะสร้างอุตสาหกรรมอาวุธของประเทศเล็งขึ้นแท่นเป็นผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่อันดับบ 4 ของโลก
เมื่อวันพฤหัสบดี (24 พฤศจิกายน) ยุนเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเกี่ยวกับการส่งเสริมการส่งออกด้านกลาโหมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งออกแบบมาเพื่อสำรวจแนวทางที่จะเปลี่ยนแกนนำของอุตสาหกรรมจากภายในประเทศเป็นการส่งออก
“อุตสาหกรรมกลาโหมเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต และเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง” ยุนกล่าวต่อที่ประชุมซึ่งจัดขึ้นที่ Korea Aerospace Industries ผู้พัฒนาเครื่องบินรบเพียงรายเดียวของเกาหลีใต้ที่ตั้งอยู่ในเมืองซาชอนทางตะวันออกเฉียงใต้
ยุนกล่าวเสริมว่า ด้วยการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นเพื่ออำนาจสูงสุดทางเทคโนโลยี เราจำเป็นต้องรักษาความสามารถในการแข่งขันทางเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาระบบอาวุธที่เปลี่ยนแปลงเกมสำหรับสงครามในอนาคต นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้มีเงื่อนไขที่ดีกว่าสำหรับผู้รับเหมาด้านกลาโหมในการดำเนินการวิจัยและการลงทุน และการจัดตั้งระบบนิเวศที่สามารถส่งเสริมโครงสร้างอุตสาหกรรมที่เน้นการส่งออกมากขึ้น
การประชุมมีขึ้น 4 เดือนหลังจากเกาหลีใต้บรรลุข้อตกลงด้านอาวุธครั้งใหญ่ที่สุดกับโปแลนด์ ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 20 ล้านล้านวอน (ราว 5.3 หมื่นล้านบาท) รวมถึงการส่งออกรถถังและปืนใหญ่ ในเดือนสิงหาคม ยุนเปิดเผยเป้าหมายในการทำให้อุตสาหกรรมกลาโหมของประเทศเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก รองจากสหรัฐฯ รัสเซีย และฝรั่งเศส
ยุนกล่าวว่า ประเทศต่างๆ อาทิ ออสเตรเลียและนอร์เวย์ กำลังหาทางยกระดับความร่วมมือด้านการป้องกัน ซึ่งจะช่วยหนุนขีดความสามารถของเกาหลีใต้ในการตอบโต้ภัยคุกคามของเกาหลีเหนือ ในขณะเดียวกันก็มีส่วนสนับสนุนสันติภาพและเสถียรภาพในประชาคมระหว่างประเทศ
“บางคนบอกว่าอาจมีสุญญากาศในกองกำลังทหารของเราเนื่องจากการส่งออกด้านกลาโหมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรุกทางการเมือง แต่รัฐบาลจะรักษาท่าทีการเตรียมพร้อมทางทหารอย่างละเอียด ขณะที่สนับสนุนการส่งออกเหล่านั้นอย่างแข็งขัน” ยุนกล่าว
เมื่อวันพฤหัสบดี (24 พฤศจิกายน) ยุนเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเกี่ยวกับการส่งเสริมการส่งออกด้านกลาโหมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งออกแบบมาเพื่อสำรวจแนวทางที่จะเปลี่ยนแกนนำของอุตสาหกรรมจากภายในประเทศเป็นการส่งออก
“อุตสาหกรรมกลาโหมเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต และเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง” ยุนกล่าวต่อที่ประชุมซึ่งจัดขึ้นที่ Korea Aerospace Industries ผู้พัฒนาเครื่องบินรบเพียงรายเดียวของเกาหลีใต้ที่ตั้งอยู่ในเมืองซาชอนทางตะวันออกเฉียงใต้
ยุนกล่าวเสริมว่า ด้วยการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นเพื่ออำนาจสูงสุดทางเทคโนโลยี เราจำเป็นต้องรักษาความสามารถในการแข่งขันทางเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาระบบอาวุธที่เปลี่ยนแปลงเกมสำหรับสงครามในอนาคต นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้มีเงื่อนไขที่ดีกว่าสำหรับผู้รับเหมาด้านกลาโหมในการดำเนินการวิจัยและการลงทุน และการจัดตั้งระบบนิเวศที่สามารถส่งเสริมโครงสร้างอุตสาหกรรมที่เน้นการส่งออกมากขึ้น
การประชุมมีขึ้น 4 เดือนหลังจากเกาหลีใต้บรรลุข้อตกลงด้านอาวุธครั้งใหญ่ที่สุดกับโปแลนด์ ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 20 ล้านล้านวอน (ราว 5.3 หมื่นล้านบาท) รวมถึงการส่งออกรถถังและปืนใหญ่ ในเดือนสิงหาคม ยุนเปิดเผยเป้าหมายในการทำให้อุตสาหกรรมกลาโหมของประเทศเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก รองจากสหรัฐฯ รัสเซีย และฝรั่งเศส
ยุนกล่าวว่า ประเทศต่างๆ อาทิ ออสเตรเลียและนอร์เวย์ กำลังหาทางยกระดับความร่วมมือด้านการป้องกัน ซึ่งจะช่วยหนุนขีดความสามารถของเกาหลีใต้ในการตอบโต้ภัยคุกคามของเกาหลีเหนือ ในขณะเดียวกันก็มีส่วนสนับสนุนสันติภาพและเสถียรภาพในประชาคมระหว่างประเทศ
“บางคนบอกว่าอาจมีสุญญากาศในกองกำลังทหารของเราเนื่องจากการส่งออกด้านกลาโหมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรุกทางการเมือง แต่รัฐบาลจะรักษาท่าทีการเตรียมพร้อมทางทหารอย่างละเอียด ขณะที่สนับสนุนการส่งออกเหล่านั้นอย่างแข็งขัน” ยุนกล่าว