หลายปีที่ผ่านมา ‘รัสเซีย’ โอ้อวดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ามี ‘อาวุธนิวเคลียร์ที่สามารถทำลายเมืองทั้งเมืองได้’ จนกระทั่งล่าสุด วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย กำลังตอกย้ำการกระทำนั้นอีกครั้ง ในการปราศรัยประจำปี (State of the Nation) โดยการขู่ว่าจะระงับการมีส่วนร่วมของรัสเซีย ในสนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ
แม้ว่าการทดสอบล่าสุดของรัสเซียจะล้มเหลว แต่ปูตินเผยว่ากำลังจะนำขีปนาวุธนี้มาประจำการภายในปีนี้หลังจากเลื่อนจากปีที่แล้ว
SPACEBAR จะพาไปรู้จักว่า ‘ซาตาน 2’ ตัวนี้มันมีฤทธิ์ขนาดไหน? ทำไมตะวันตกถึงมอบฉายานี้ให้กับมัน
ซาตาน 2 เป็นขีปนาวุธที่ได้รับการออกแบบมาให้สามารถบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์ได้มากถึง 15 หัวรบ ซึ่งมากกว่าซาตานรุ่นก่อนหน้านี้ (R-36M) ซึ่งเป็นขีปนาวธในยุคโซเวียตที่สามารถบรรทุกหัวรบได้เพียง 10 หัวเท่านั้น
ซาตาน 2 ถูกจัดอยู่ในประเภท ICBM (Intercontinental ballistic missile) หรือขีปนาวุธข้ามทวีปที่โคตรแรง และโคตรอันตราย โดยขีปนาวุธหนึ่งลูกสามารถโจมตีเป้าหมายในระแวกใกล้เคียงได้มากถึง 15 เป้าหมายเลยทีเดียว
สื่อทางการของรัสเซีย ระบุว่า ซาตาน 2 มีพิสัยที่ไปได้ไปไกลกว่า 11,000 กิโลเมตร (6,835 ไมล์) ซึ่งแปลว่ามันสามารถเข้าถึงสถานที่สำคัญๆ ส่วนใหญ่บนโลกได้อย่างง่ายดาย
‘เคลมลิน’ หรือรัฐบาลรัสเซีย เคลมขีปนาวุธตัวนี้ว่า ได้รับการออกแบบให้มี ‘ช่วงทะยานตัว’ ที่สั้นกว่า รวมถึงมีวิถีโคจรที่แปลกใหม่ ทำให้สามารถหลบหลีกขีปนาวุธของสหรัฐฯ ในกรณีเกิดสงครามนิวเคลียร์ได้แบบสบายๆ
ปูตินเคยกล่าวเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วด้วยว่า เจ้าซาตาน 2 นี้ มีความสามารถใจการเอาชนะระบบต่อต้านขีปนาวุธสมัยใหม่ทั้งหมด และศัตรูของรัสเซียควร “คิดทบทวนให้ดี” ก่อนที่จะมาขู่อะไร!
คำขู่ ‘ฉีกสัญญา’ กระตุกความกลัวในการแข่งขันด้านอาวุธอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้ รัสเซียเคยทดุสอบสุดยอดขีปนาวุธ ‘ซาร์มัต’ (RS-28 Sarmat) ซึ่งเป็นขีปนาวุธที่กลุ่มนาโต ตั้งฉายาว่าเป็น ‘ซาตาน 2’ ที่ในเวลานี้ถือเป็นคลังแสงที่ทันสมัยที่สุดและรัสเซียมีในครอบครองแม้ว่าการทดสอบล่าสุดของรัสเซียจะล้มเหลว แต่ปูตินเผยว่ากำลังจะนำขีปนาวุธนี้มาประจำการภายในปีนี้หลังจากเลื่อนจากปีที่แล้ว
SPACEBAR จะพาไปรู้จักว่า ‘ซาตาน 2’ ตัวนี้มันมีฤทธิ์ขนาดไหน? ทำไมตะวันตกถึงมอบฉายานี้ให้กับมัน
ซาตาน 2 เป็นขีปนาวุธที่ได้รับการออกแบบมาให้สามารถบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์ได้มากถึง 15 หัวรบ ซึ่งมากกว่าซาตานรุ่นก่อนหน้านี้ (R-36M) ซึ่งเป็นขีปนาวธในยุคโซเวียตที่สามารถบรรทุกหัวรบได้เพียง 10 หัวเท่านั้น
ซาตาน 2 ถูกจัดอยู่ในประเภท ICBM (Intercontinental ballistic missile) หรือขีปนาวุธข้ามทวีปที่โคตรแรง และโคตรอันตราย โดยขีปนาวุธหนึ่งลูกสามารถโจมตีเป้าหมายในระแวกใกล้เคียงได้มากถึง 15 เป้าหมายเลยทีเดียว
สื่อทางการของรัสเซีย ระบุว่า ซาตาน 2 มีพิสัยที่ไปได้ไปไกลกว่า 11,000 กิโลเมตร (6,835 ไมล์) ซึ่งแปลว่ามันสามารถเข้าถึงสถานที่สำคัญๆ ส่วนใหญ่บนโลกได้อย่างง่ายดาย
‘เคลมลิน’ หรือรัฐบาลรัสเซีย เคลมขีปนาวุธตัวนี้ว่า ได้รับการออกแบบให้มี ‘ช่วงทะยานตัว’ ที่สั้นกว่า รวมถึงมีวิถีโคจรที่แปลกใหม่ ทำให้สามารถหลบหลีกขีปนาวุธของสหรัฐฯ ในกรณีเกิดสงครามนิวเคลียร์ได้แบบสบายๆ
ปูตินเคยกล่าวเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วด้วยว่า เจ้าซาตาน 2 นี้ มีความสามารถใจการเอาชนะระบบต่อต้านขีปนาวุธสมัยใหม่ทั้งหมด และศัตรูของรัสเซียควร “คิดทบทวนให้ดี” ก่อนที่จะมาขู่อะไร!
หน้าตาของ ‘ซาตาน’ ที่มองเห็นด้วยตาเปล่า
ซาตาน 2 มีความยาวทั้งหมด 35.3 เมตร และมีน้ำหนัก 220 ตัน ซึ่งถือเป็นน้ำหนักที่ค่อนข้างมาก แต่มันก็สามารถแบกรับน้ำหนักหัวรบหนักได้มากถึง 10 หัวรบ หรือหัวรบแบบเบาได้ 15 หัวรบ และบรรทุกยานร่อนความเร็วสูงได้มากสุด 24 ลำตามข้อมูลจากหลายๆ แห่งบอกว่า ฐานปล่อยซาตาน 2 จะต้องติดตั้งระบบป้องกันการต่อต้านขีปนาวุธ ‘Mozyr’ ซึ่งออกแบบมาเพื่อป้องกันการโจมตีของศัตรู โดยสามารถปล่อยศรโลหะ หรือลูกบอลทำลายระเบิด และขีปนาวุธ ICNM ที่ระดับความสูงไม่เกิน 6 กม.
แรง อันตราย ‘ไม่เหมือนใคร’
ซาตาน 2 เปิดตัวในปี 2016 และผ่านการทดสอบครั้งแรกในปี 2017 ซึ่งผลคือประสบความสำเร็จ และมันควรจะมาแทนที่ ICBM Voevoda ของรัสเซียที่ได้รับการออกแบบโดยสหภาพโซเวียตในช่วงสงครามเย็น ซึ่งมันสามารถบรรทุกหัวรบได้ครั้งละ 3 หัวรบแม้ว่าจะยังอยู่ในช่วงการทดสอบ แต่ครั้งล่าสุดที่รัสเซียประสบความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธคือในเดือนเมษายน ปี 2022 เป็นระยะเวลากว่า 2 เดือนหลังจากที่ปูตินเปิดฉากการรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ
“นี่เป็นเหตุการณ์สำคัญและยิ่งใหญ่ในการพัฒนาระบบอาวุธที่มีศักยภาพสำหรับกองทัพรัสเซีย อาวุธที่ไม่เหมือนใครนี้ จะช่วยเสริมศักยภาพการสู้รบของกองทัพเรา สร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของรัสเซียจากภัยคุกคามภายนอก ส่วนคนที่เอาแต่พูดจาก้าวร้าวอยู่นั้น ขอให้คิดทบทวนอีกครั้ง” ปูตินกล่าวในการปราศรัยในเวลานั้น