ใครๆ ต่างก็รู้ว่า ‘อีลอน มัสก์’ เศรษฐีตัวปั่นระดับโลก เป็นคน ‘บ้างาน’ จากการที่เขาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความต้องการลูกน้องที่พร้อมทำงานแบบถวายชีวิต หรือแม้แต่เขาเองที่ทำงานอย่างบ้าคลั่ง ..แต่ใครเล่าจะรู้ว่า การทำงานมากกว่า 120 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ของมัสก์นั้น เกิดขึ้นได้อย่างไร?
สิ่งนี้ไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด มัสก์ใช้เวลาจำนวนมากไปกับการทำงาน และเคยบอกไว้ด้วยว่า ‘คนที่จะเป็นผู้บริหาร หรือเจ้าคนนายคนต้องทำงานมากกว่า 80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์’ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใครฟังก็ช็อก เพราะไม่รู้ว่าจะไปเอาเวลากิน เวลานอนมาจากไหน
ทว่ามัสก์ไม่ได้คิดเช่นนั้น อีกทั้งมัสก์ยังมีบางสิ่งที่คนอื่นไม่มี.. ซึ่งสิ่งนั้นก็คือ ‘ความสนุก’
เรื่อง ‘ความสนุก’ นี้วิทยาศาสตร์ได้อธิบายเอาไว้ในงานวิจัยปี 2016 ที่หาเหตุผลว่าทำไมเวลาของเราจึงผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเรามีช่วงเวลาที่ดี ซึ่งพบว่า เมื่อสมองของเราผลิตโดปามีน (สารแห่งความสุข) มากขึ้น นาฬิกาชีวิตของเราจึงเดินช้าลง ซึ่งปรากฏการณ์นี้ทำให้เรารู้สึกว่า ‘เวลาผ่านไปไว’
นอกจากวิทยาศาสตร์แล้ว เรื่องนี้ในแง่ของจิตวิทยาเองก็สามารถพิสูจน์ได้เช่นกัน เนื่องจากวิธีเดียวที่เหล่าเจ้าคนนายคน สามารถทำงานหามรุ่งหามค่ำได้ตลอดเวลานี้ เป็นเพราะพวกเขาสนุกที่ได้ทำมัน
เราทุกคนมีจำนวนชั่วโมงใน 1 วันเท่ากัน และวินาทีใน 1 นาทีเท่ากัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราทุกคนจะมีชั่วโมง นาที หรือแม้แต่วินาทีเท่ากัน
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม เวลากล่าวสุนทรพจน์หรือนำเสนองานสั้นๆ แค่ไม่กี่วินาทีจึงรู้สึกเหมือนนานเป็นนาที ทำไมการทานอาหารเย็นกับเพื่อนๆ พูดคุยสัพเพเหระเวลาถึงผ่านไปไว อีกทั้งยังเป็นเหตุผลว่าทำไม แชมป์มวยชั้นนำของโลก ถึงได้ขึ้นชื่อเรื่องปฏิกิริยาที่รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เร็วถึงขั้นที่ผู้ชมเองรู้สึกว่า นักมวยรู้ล่วงหน้าถึงท่าต่อยต่อไปเลยงั้นหรือ?
ในความเป็นจริง พวกเขาไม่รู้หรอกว่าจะทำอะไรต่อไป พวกเขาเห็นสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่แล้ว แต่เนื่องจากพวกเขาอยู่ภายใต้ความเครียด การรับรู้เวลาของพวกเขาจึงเป็นแบบสโลว์โมชั่น ทำให้พวกเขามองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นต่างหาก
กลับมาที่เหล่าเจ้าคนนายคนที่สนุกสนานกับการทำงาน ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถทำงานได้มากขึ้นโดยปราศจากผลกระทบทางร่างกายหรือจิตใจที่มักเกี่ยวข้องกับชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน เมื่อหมดเวลาสนุกแล้วสภาพจิตใจก็ไม่ทรุดโทรมเหมือนอยู่ในภาวะตึงเครียดหรือไม่พอใจ
อย่างไรก็ตาม คนที่จะสนุกกับการทำงานนี้ได้ ต้องมีทั้งแพชชั่นและแรงผลักดันมากมาย เพราะแม้เราจะสนุกกับงาน แต่งานอาจจะทำให้เราพลาดฟุตบอลนัดสำคัญ เวลาที่เราใช้กับครอบครัว และเวลาที่เราควรใช้กับตัวเอง เช่นนั้น ทุกๆ คนก็อย่าลืมที่จะสนุกสนานไปกับการเติมพลังให้กับตัวเองกันด้วย
สิ่งนี้ไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด มัสก์ใช้เวลาจำนวนมากไปกับการทำงาน และเคยบอกไว้ด้วยว่า ‘คนที่จะเป็นผู้บริหาร หรือเจ้าคนนายคนต้องทำงานมากกว่า 80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์’ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใครฟังก็ช็อก เพราะไม่รู้ว่าจะไปเอาเวลากิน เวลานอนมาจากไหน
ทว่ามัสก์ไม่ได้คิดเช่นนั้น อีกทั้งมัสก์ยังมีบางสิ่งที่คนอื่นไม่มี.. ซึ่งสิ่งนั้นก็คือ ‘ความสนุก’
ทุกคนเคยได้ยินคำว่า ‘เมื่อเราเจอกับอะไรที่ทำให้เราสนุก เวลามักจะผ่านไปไว’ ไหม?
นี่คือแนวคิดของมัสก์ มัสก์มองว่างานคือสิ่งที่ทำให้เขาสนุก จึงไมแปลกใจที่เขาจะทุ่มเทเวลาของเขาทั้งวันทั้งคืนไปกับการทำงานเรื่อง ‘ความสนุก’ นี้วิทยาศาสตร์ได้อธิบายเอาไว้ในงานวิจัยปี 2016 ที่หาเหตุผลว่าทำไมเวลาของเราจึงผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเรามีช่วงเวลาที่ดี ซึ่งพบว่า เมื่อสมองของเราผลิตโดปามีน (สารแห่งความสุข) มากขึ้น นาฬิกาชีวิตของเราจึงเดินช้าลง ซึ่งปรากฏการณ์นี้ทำให้เรารู้สึกว่า ‘เวลาผ่านไปไว’
นอกจากวิทยาศาสตร์แล้ว เรื่องนี้ในแง่ของจิตวิทยาเองก็สามารถพิสูจน์ได้เช่นกัน เนื่องจากวิธีเดียวที่เหล่าเจ้าคนนายคน สามารถทำงานหามรุ่งหามค่ำได้ตลอดเวลานี้ เป็นเพราะพวกเขาสนุกที่ได้ทำมัน
เราทุกคนมีจำนวนชั่วโมงใน 1 วันเท่ากัน และวินาทีใน 1 นาทีเท่ากัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราทุกคนจะมีชั่วโมง นาที หรือแม้แต่วินาทีเท่ากัน
เคยรู้สึกอยากให้การประชุมที่น่าเบื่อนี้ผ่านไปเร็วๆ ไหม?
ในทางจิตวิทยา เวลาจะผ่านไปแตกต่างกันมากขึ้นอยู่กับสภาวะทางอารมณ์ของเรา ในความเป็นจริงแล้ว เมื่ออยู่ภายใต้ความเครียด การรับรู้เรื่องเวลาของเราจะ ‘ช้า’ ลงนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม เวลากล่าวสุนทรพจน์หรือนำเสนองานสั้นๆ แค่ไม่กี่วินาทีจึงรู้สึกเหมือนนานเป็นนาที ทำไมการทานอาหารเย็นกับเพื่อนๆ พูดคุยสัพเพเหระเวลาถึงผ่านไปไว อีกทั้งยังเป็นเหตุผลว่าทำไม แชมป์มวยชั้นนำของโลก ถึงได้ขึ้นชื่อเรื่องปฏิกิริยาที่รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ เร็วถึงขั้นที่ผู้ชมเองรู้สึกว่า นักมวยรู้ล่วงหน้าถึงท่าต่อยต่อไปเลยงั้นหรือ?
ในความเป็นจริง พวกเขาไม่รู้หรอกว่าจะทำอะไรต่อไป พวกเขาเห็นสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่แล้ว แต่เนื่องจากพวกเขาอยู่ภายใต้ความเครียด การรับรู้เวลาของพวกเขาจึงเป็นแบบสโลว์โมชั่น ทำให้พวกเขามองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นต่างหาก
กลับมาที่เหล่าเจ้าคนนายคนที่สนุกสนานกับการทำงาน ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถทำงานได้มากขึ้นโดยปราศจากผลกระทบทางร่างกายหรือจิตใจที่มักเกี่ยวข้องกับชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน เมื่อหมดเวลาสนุกแล้วสภาพจิตใจก็ไม่ทรุดโทรมเหมือนอยู่ในภาวะตึงเครียดหรือไม่พอใจ
อย่างไรก็ตาม คนที่จะสนุกกับการทำงานนี้ได้ ต้องมีทั้งแพชชั่นและแรงผลักดันมากมาย เพราะแม้เราจะสนุกกับงาน แต่งานอาจจะทำให้เราพลาดฟุตบอลนัดสำคัญ เวลาที่เราใช้กับครอบครัว และเวลาที่เราควรใช้กับตัวเอง เช่นนั้น ทุกๆ คนก็อย่าลืมที่จะสนุกสนานไปกับการเติมพลังให้กับตัวเองกันด้วย