สำนักข่าว BBC รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์เตือนถึงการผลิตเชื้อเพลิงเครื่องบินที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และยังต้องใช้เวลาอีกยาวไกล
การเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงที่ยั่งยืนยังเป็นกุญแจสำคัญสำหรับเป้าหมายของรัฐบาลอังกฤษในการทำให้เครื่องบินเป็น ‘jet zero’ (ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมการบินให้เหลือ 0) และบินได้ภายในปี 2050 แต่ทางราชสมาคมแห่งลอนดอน (Royal Society) สรุปว่า ขณะนี้ยังไม่มีทางเลือกที่ชัดเจนสำหรับเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิม
หน่วยงานด้านการค้าของสายการบินในสหราชอาณาจักรกล่าวว่า ภาคส่วนนี้มุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายในปี 2050 และเชื้อเพลิงแบบยั่งยืนจะเป็นปัจจัยสำคัญในการบรรลุเป้าหมาย
ทั้งนี้ ภาคการบินมีส่วนต้องรับผิดชอบต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก 2.4% และคิดเป็น 8% ของสหราชอาณาจักร ซึ่งก๊าซเหล่านี้ทำให้ชั้นบรรยากาศอุ่นขึ้นและเกิดภาวะโลกร้อน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ความต้องการเที่ยวบินคาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยทางรัฐบาลและอุตสาหกรรมการบินกำลังทดลองหาวิธีลดผลกระทบจากสภาพอากาศจากเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิม
ผู้เขียนรายงานของราชสมาคมแห่งลอนดอนได้พิจารณาทางเลือก 4 ประการสำหรับเชื้อเพลิงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเพื่อทดแทนเชื้อเพลิงเจ็ทจำนวน 12.3 ล้านตันที่ใช้ต่อปีในสหราชอาณาจักร พร้อมสรุปว่าไม่มีเชื้อเพลิงใดที่มาแทนพลังงานฟอสซิลได้ในระยะสั้น
ปัจจุบันสายการบินบางแห่งใช้เชื้อเพลิงชีวภาพในปริมาณที่น้อยมากซึ่งส่วนใหญ่ผลิตมาจากพืชผล ขณะที่ ทางท่าอากาศยานลอนดอนฮีทโธรว์ (London Heathrow) ผู้ใช้เชื้อเพลิงชีวภาพรายใหญ่ที่สุดของโลก แต่คิดเป็นเชื้อเพลิงเพียง 0.5% ของสนามบิน
“การผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพให้เพียงพอต่ออุตสาหกรรมการบินของสหราชอาณาจักรนั้นต้องใช้พื้นที่เกษตรกรรมครึ่งหนึ่งของสหราชอาณาจักร ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อเสบียงอาหาร” ราชสมาคมแห่งลอนดอน กล่าว
ส่วนอีกทางเลือกหนึ่งคือ เชื้อเพลิงที่ทำจากไฮโดรเจนที่ผลิตด้วยพลังงานยั่งยืน อย่างไรก็ดี ปัจจุบันสหราชอาณาจักรไม่ได้ผลิตไฟฟ้าหมุนเวียนเพียงพอที่จะผลิตไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้เพียงพอ และอุปสรรคสำคัญอีกประการหนึ่งคือ เครื่องยนต์ของเครื่องบินที่มีอยู่ไม่สามารถใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนได้
นอกจากนี้ แอมโมเนียและเชื้อเพลิงสังเคราะห์ก็อยู่ภายใต้การพิจารณาเช่นกัน แต่เครื่องบินต้องการไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งไม่ชัดเจนว่าเครื่องบินที่มีอยู่สามารถใช้ได้หรือไม่ และผู้เขียนรายงานก็กล่าวอีกว่ายังไม่ชัดเจนว่าเชื้อเพลิงทางเลือกแต่ละชนิดจะช่วยลดผลกระทบจากสภาพอากาศในการบินได้มากแค่ไหน
แต่ทางนักวิทยาศาสตร์ย้ำว่าในระยะยาว เชื้อเพลิงทางเลือกที่ประสบความสำเร็จอาจจะได้รับการพัฒนา แต่เครื่องบินและสนามบินจะต้องได้รับการออกแบบใหม่ด้วยเช่นกัน
เชื้อเพลิงใหม่จำเป็นต้องมีศักยภาพทางการเงิน ปลอดภัย ใช้งานได้ทั่วโลก และมีความหนาแน่นของพลังงานสูงพอที่จะใช้ในเที่ยวบินระยะไกล
Airlines UK องค์การค้าของสายการบินในสหราชอาณาจักรกล่าวตอบโต้ว่าเชื้อเพลิงที่ยั่งยืนมีความปลอดภัยและพบได้ทั่วไปมากขึ้น และภาคส่วนนี้มุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมาย 'jet zero' ภายในปี 2050
"การลดคาร์บอนในภาคการบินเป็นความท้าทายอย่างไม่ต้องสงสัย และภาคส่วนนี้กำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลเกี่ยวกับวิธีเร่งการเปลี่ยนแปลง และเพิ่มโอกาสทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจให้สูงสุดจากการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงไปสู่ 'jet zero' " Airlines UK กล่าว
การเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงที่ยั่งยืนยังเป็นกุญแจสำคัญสำหรับเป้าหมายของรัฐบาลอังกฤษในการทำให้เครื่องบินเป็น ‘jet zero’ (ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมการบินให้เหลือ 0) และบินได้ภายในปี 2050 แต่ทางราชสมาคมแห่งลอนดอน (Royal Society) สรุปว่า ขณะนี้ยังไม่มีทางเลือกที่ชัดเจนสำหรับเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิม
หน่วยงานด้านการค้าของสายการบินในสหราชอาณาจักรกล่าวว่า ภาคส่วนนี้มุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายในปี 2050 และเชื้อเพลิงแบบยั่งยืนจะเป็นปัจจัยสำคัญในการบรรลุเป้าหมาย
ทั้งนี้ ภาคการบินมีส่วนต้องรับผิดชอบต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก 2.4% และคิดเป็น 8% ของสหราชอาณาจักร ซึ่งก๊าซเหล่านี้ทำให้ชั้นบรรยากาศอุ่นขึ้นและเกิดภาวะโลกร้อน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ความต้องการเที่ยวบินคาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยทางรัฐบาลและอุตสาหกรรมการบินกำลังทดลองหาวิธีลดผลกระทบจากสภาพอากาศจากเชื้อเพลิงแบบดั้งเดิม
ผู้เขียนรายงานของราชสมาคมแห่งลอนดอนได้พิจารณาทางเลือก 4 ประการสำหรับเชื้อเพลิงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเพื่อทดแทนเชื้อเพลิงเจ็ทจำนวน 12.3 ล้านตันที่ใช้ต่อปีในสหราชอาณาจักร พร้อมสรุปว่าไม่มีเชื้อเพลิงใดที่มาแทนพลังงานฟอสซิลได้ในระยะสั้น
ปัจจุบันสายการบินบางแห่งใช้เชื้อเพลิงชีวภาพในปริมาณที่น้อยมากซึ่งส่วนใหญ่ผลิตมาจากพืชผล ขณะที่ ทางท่าอากาศยานลอนดอนฮีทโธรว์ (London Heathrow) ผู้ใช้เชื้อเพลิงชีวภาพรายใหญ่ที่สุดของโลก แต่คิดเป็นเชื้อเพลิงเพียง 0.5% ของสนามบิน
“การผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพให้เพียงพอต่ออุตสาหกรรมการบินของสหราชอาณาจักรนั้นต้องใช้พื้นที่เกษตรกรรมครึ่งหนึ่งของสหราชอาณาจักร ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อเสบียงอาหาร” ราชสมาคมแห่งลอนดอน กล่าว
ส่วนอีกทางเลือกหนึ่งคือ เชื้อเพลิงที่ทำจากไฮโดรเจนที่ผลิตด้วยพลังงานยั่งยืน อย่างไรก็ดี ปัจจุบันสหราชอาณาจักรไม่ได้ผลิตไฟฟ้าหมุนเวียนเพียงพอที่จะผลิตไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้เพียงพอ และอุปสรรคสำคัญอีกประการหนึ่งคือ เครื่องยนต์ของเครื่องบินที่มีอยู่ไม่สามารถใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนได้
นอกจากนี้ แอมโมเนียและเชื้อเพลิงสังเคราะห์ก็อยู่ภายใต้การพิจารณาเช่นกัน แต่เครื่องบินต้องการไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งไม่ชัดเจนว่าเครื่องบินที่มีอยู่สามารถใช้ได้หรือไม่ และผู้เขียนรายงานก็กล่าวอีกว่ายังไม่ชัดเจนว่าเชื้อเพลิงทางเลือกแต่ละชนิดจะช่วยลดผลกระทบจากสภาพอากาศในการบินได้มากแค่ไหน
แต่ทางนักวิทยาศาสตร์ย้ำว่าในระยะยาว เชื้อเพลิงทางเลือกที่ประสบความสำเร็จอาจจะได้รับการพัฒนา แต่เครื่องบินและสนามบินจะต้องได้รับการออกแบบใหม่ด้วยเช่นกัน
เชื้อเพลิงใหม่จำเป็นต้องมีศักยภาพทางการเงิน ปลอดภัย ใช้งานได้ทั่วโลก และมีความหนาแน่นของพลังงานสูงพอที่จะใช้ในเที่ยวบินระยะไกล
Airlines UK องค์การค้าของสายการบินในสหราชอาณาจักรกล่าวตอบโต้ว่าเชื้อเพลิงที่ยั่งยืนมีความปลอดภัยและพบได้ทั่วไปมากขึ้น และภาคส่วนนี้มุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมาย 'jet zero' ภายในปี 2050
"การลดคาร์บอนในภาคการบินเป็นความท้าทายอย่างไม่ต้องสงสัย และภาคส่วนนี้กำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลเกี่ยวกับวิธีเร่งการเปลี่ยนแปลง และเพิ่มโอกาสทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจให้สูงสุดจากการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงไปสู่ 'jet zero' " Airlines UK กล่าว
