‘นอน(หลับ)ไลฟ์’ ธุรกิจไม่ใหม่ แต่สร้างรายได้หลักล้านต่อเดือน! คลายข้อสงสัยทำไมคนเราชอบดูคนอื่นหลับ?

การที่ได้ดูใครก็ไม่รู้นอนหลับมันทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้จริงๆ เหรอ? หรือการที่เราจะสนุกสนานไปกับการปลุกพวกเขาด้วยเสียงกริ่งที่ดังลั่นห้อง และการกลั่นแกล้งรูปแบบต่างๆ ซึ่งปัจจุบันโลกมันคงจะหมุนเร็วเกินไปแล้ว เพราะเราพบว่ามีคน ‘นอน(หลับ)ไลฟ์’ หรือ สลีปสตรีมเมอร์ เยอะแยะไปหมด เรื่องราวนี้จึงไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่อะไร แต่ความน่าสนใจคือมันดันทำรายได้ได้อย่างมหาศาลทั้งๆ ที่อุปกรณ์ทำมาหากินของพวกเขามีแค่ ขาตั้งกล้อง และกล้องสำหรับไลฟ์เท่านั้น!

ใครบ้างจะไม่โหยหา ‘รายได้’ แม้กระทั่งตอนนอน?

ในช่วงแรกๆ เราจะเห็นว่ามีชาวเน็ตหลายรายที่เริ่มต้นการไลฟ์สด ขณะที่กำลังทำกิจกรรมต่างๆ จนกระทั่งไปถึงการนอนหลับ การหามุมกล้องที่เหมาะสมและเดินไปล้มตัวนอน ปล่อยให้เหล่าผู้ชมนั่งดู และปล่อยเวลาล่วงเลยไปเรื่อยๆ ซึ่งมันก็ดันมีคนดูจริงๆ  
 
แม้จะผ่านไปหลายชั่วโมงที่เรามาเฝ้าดูใครก็ไม่รู้นอนหลับ แต่สำหรับผู้ชมบางคน นี่อาจเป็นวิธีการผ่อนคลายอย่างหนึ่ง 
 
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เราเคยถูกจำกัดให้ต้องอยู่แต่ในที่พักอาศัยเนื่องจากโรคระบาดอย่างโควิด-19 พวกเขามองว่าสิ่งที่จะช่วยเอนเตอร์เทนและเยียวยาความเหงาของพวกเขาได้นั่นคือการมองดูผู้คนนอนหลับ และช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับของพวกเขาได้ด้วย  
 
ก่อนหน้านี้ สตรีมเมอร์ที่หลับโชว์นี้ ไม่ได้มีรายได้มากมายอะไรนัก แต่เมื่อตื่นขึ้นมา เขาจะพบกับข้อความนับพันที่ผู้ชมทิ้งไว้ตอนเขาหลับ ซึ่งบางทีผู้ชมก็มาในรูปแบบของ ‘สปอนเซอร์’ ที่จะสนับสนุนหมอน หรือเครื่องนอนมาให้ นั่นทำให้เกิดเป็น ‘ธุรกิจ’ ขึ้นในปี 2020  

เมื่อยุคของการไลฟ์สดเริ่มเฟื่องฟู เหล่าสตรีมเมอร์ก็ต้องการสร้างรายได้จากการไลฟ์สดมากขึ้น โดยเปลี่ยนวิธีการจากการนอนหลับเฉยๆ เป็นการเพิ่มตัวเลือกให้ผู้ชมสามารถปลุกพวกเขาได้ แต่พวกเขาต้อง ‘จ่ายเงิน’ เพื่อซื้อวิธีการปลุก ซึ่งวิธีการปลุกนั้นมีให้เลือกหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการปลุกด้วยเสียงที่ดังที่สุด หรือวิธีที่แปลกประหลาด ซึ่งถ้ายิ่งวุ่นวายผู้ชมกลับยิ่งชื่นชอบ  
 
แจ็คกี้ โบห์ม สตรีมเมอร์ชาวออสเตรเลีย วัย 28 ปี ที่มีผู้ติดตามใน TikTok กว่า 1 ล้านคน เป็นผู้นำเทรนด์การไลฟ์นอนหลับและเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้ลอง ‘ปลุก’ เขาในรูปแบบต่างๆ อ้างอิงจากสำนักข่าว Wired และ Wall Street Journal โบห์มบอกว่าเขาได้รับเงินกว่า 35,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1 ล้านบาทต่อเดือน จากการนอนอยู่บนเตียงเฉยๆ ทุกๆ คืนในช่วงเวลา 4 ทุ่ม โบห์มจะสวมชุดนอน นอนลงบนเตียง หรี่ไฟ และเปิด TikTok เพื่อเริ่มการไลฟ์สดและพบปะกับผู้ชมทั่วโลก ที่หลั่งไหลเข้ามาดูเขานอนหลับ และพยายามที่จะปลุกเขาให้ตื่นจากเกมต่างๆ ตลอดทั้งคืน 
 
มุมกล้องที่โชว์ไปยังโบห์มที่กำลังนอนหลับ ขณะที่ผู้ชมอีกหลายพันคนกำลังจ่ายเงินเพื่อปลุกให้เขาตื่น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดไฟให้ส่องสว่าง หรือเปิดเพลงเสียงดัง ซึ่งคนที่สามารถปลุกเขาให้ตื่นได้จะเป็นผู้ชนะ โดยการปลุกจะมีราคาตั้งแต่ 1 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 34 บาท ไปจนถึง 380 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 13,000 บาท การไลฟ์สดนี้จะดำเนินไปจนถึงเวลา 05.20 น. หลังจากนั้น โบห์มจะปิดไลฟ์ แก้ไขเนื้อหาบางส่วนที่ไลฟ์ไป และเข้านอนประมาณ 06.30 น. และตื่นอีกทีในตอนเที่ยง

แน่นอนว่า ‘สิ่งนี้’ ไม่ใช่เรื่องใหม่

การเฝ้าดูผู้คนขณะนอนหลับไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ของวัฒนธรรมดิจิทัล ย้อนกลับไปในปี 1964 แอนดี้ วาร์โฮล ได้เปิดตัว ‘Sleep’ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่แสดงให้เห็นคนรักของเขา จอนห์ จีโอโน นอนหลับเป็นเวลา 5 ชั่วโมง 20 นาที และในปี 2004 National Portrait Gallery ในลอนดอนได้จัดแสดงผลงานวิดีโออาร์ตของศิลปิน แซม เทเลอร์-จอนห์สัน ซึ่งแสดงภาพของเบ็คแฮมวัยเยาว์ที่ไม่สวมเสื้อกำลังงีบหลับนาน 107 นาที 

ทำไมเราชอบดูคนอื่นนอนหลับ? 

สตรีมเมอร์ที่มาหลับโชว์บางคนเคยมีปัญหานอนไม่หลับ และกล่าวว่า พวกเขาหลับอย่างสงบเป็นครั้งแรกเมื่อพวกเขาดูสตรีมสดของคนแปลกหน้าที่กำลังนอนหลับ ซึ่งมันเป็นลักษณะเดียวกับการหาวเป็นโรคติดต่อ ซึ่งการได้เห็นคนหลับสนิทสามารถช่วยให้เรานอนหลับได้  
 
2 ปีเป็นระยะเวลาสั้นๆ ในการศึกษาว่าสตรีมเมอร์เหล่านี้ จะมีผลกระทบต่อคุณภาพการนอนหลับของเหล่าผู้ชมทั้งหลายหรือไม่ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับและการสะกดจิตบางคน เช่น เดวิด สไปร์เกิล เชื่อว่า เราเป็นสัตว์สังคมที่ถูกตั้งโปรแกรมมาให้เอาใจใส่ ดังนั้นการเฝ้าดูบางคนนอนหลับอาจ ช่วยให้เราเข้าสู่ภาวะสงบก็เป็นได้