ชำแหละรถถัง ‘T-14 Armata’ ที่ว่าดีที่สุดของรัสเซีย จะสู้ของสหรัฐฯ ได้ไหม

สงครามรัสเซีย-ยูเครนยังคงดำเนินต่อไป และแต่ละประเทศพันธมิตรก็ระดมกองกำลังและอาวุธมาแสดงแสนยานุภาพใส่กันอย่างไม่หยุดยั้ง และล่าสุดกับการเปิดตัวสู่สนามรบของ ‘รถถัง T-14 Armata’ ของรัสเซียที่ปูตินประกาศว่าได้นำเข้าสู่สมรภูมิแล้วเพื่อใช้เผชิญหน้ากับกองกำลังยูเครนซึ่งใช้ยานเกราะล้ำสมัยที่ชาติตะวันตกมอบให้ในการต่อสู้ 

หลังจากกองกำลังเคียฟได้กำลังเสริมจากรถถัง ‘ชาลเลนเจอร์ (Challenger)’ ที่ส่งโดยอังกฤษและ ‘เลพเพิร์ด’ ‘(Leopards)’ ที่ส่งโดยเยอรมนี และกำลังจะได้รถถัง ‘เอบรามส์ (Abrams)’ จากสหรัฐฯ และ ‘เลคเลิร์กซ์(Leclercs)’ จากฝรั่งเศสมาเสริมทัพ 

เห็นทีว่ากองทัพรัสเซียเองก็ไม่นิ่งดูดาย โดยมีข่าวลืออ้างว่ากองทัพได้เริ่มใช้รถถังใหม่ ‘T-14 Armata’ ในสนามรบแล้ว ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อยิงใส่ยูเครน แม้ว่าแหล่งข่าววงในจะอ้างว่ารถถังเหล่านี้ยังไม่ได้เข้าร่วมในปฏิบัติการจู่โจมโดยตรงก็ตาม 

เปิดตัว ‘รถถัง T-14 Armata’ สู่สมรภูมิรบ

ว่ากันว่ารถถัง T-14 มีป้อมปืนไร้คนขับ แถมลูกเรือยังสามารถควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ในระยะไกลจากยานหุ้มเกราะแยกที่ตั้งอยู่ด้านหน้าของตัวรถถัง 

ในปี 2015 ผู้ออกแบบ T-14 อ้างว่ามันจะเป็น ‘รถถังล่องหนคันแรกของโลก’ เนื่องจากมีความเร็วสูงสุดบนทางหลวง 80 กิโลเมตร (50 ไมล์) ต่อชั่วโมง  

ก่อนหน้านี้ หน่วยข่าวกรองทางทหารของอังกฤษรายงานว่า กองกำลังรัสเซียไม่ต้องการรับรถถังคันนี้เนื่องจาก สภาพที่ย่ำแย่ นอกจากนี้ยังกล่าวด้วยว่าการติดตั้ง T-14 ใดๆ น่าจะเป็นการตัดสินใจที่มีความเสี่ยงสูงสำหรับรัสเซีย และเป็นการตัดสินใจเพื่อการโฆษณาชวนเชื่อเป็นหลัก 

“11 ปีในการพัฒนา โปรแกรมถูกขัดขวางด้วยความล่าช้า การลดขนาดกองเรือที่วางแผนไว้ และรายงานปัญหาการผลิต…T-14 ยังสร้างปัญหาด้านลอจิสติกส์ให้รัสเซีย เนื่องจากมีขนาดใหญ่และหนักกว่ารถถังอื่นๆ ของรัสเซีย ขณะที่สภาเครมลินสั่งผลิตรถถังจำนวน 2,300 คันซึ่งมีกำหนดว่าจะเปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 - ภายในปี 2020 แต่ต่อมาก็ยืดออกไปถึงปี 2025” สื่อรัสเซียรายงาน 

อย่างไรก็ดี เครื่องจักรสงคราม T-14 นั้นเป็นหนึ่งในยานพาหนะใหม่ที่ปูตินเปิดตัวในขบวนพาเหรดวันแห่งชัยชนะของรัสเซีย ณ กรุงมอสโกในปี 2015 ด้วย และยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการทางทหารมูลค่า 250 พันล้านปอนด์ของรัสเซีย

ความร้ายกาจของ ‘T-14 Armata’

T-14 Armata เป็นรถถังที่ติดตั้งป้อมปืนไร้คนขับซึ่งเป็นปืนสมูทบอร์รุ่น 2A82-1M ขนาด 125 มม. แบบบรรจุกระสุนอัตโนมัติ นอกจากนี้ ป้อมปืนยังบรรจุกระสุนได้ 45 นัด รวมทั้งกระสุนพร้อมใช้ด้วย โดยปืนหลักสามารถยิงจรวดนำวิถีด้วยเลเซอร์ได้อีกต่างหาก

ในส่วนของป้อมปืนหลักที่ควบคุมจากระยะไกลของรถถังนั้นได้รับการออกแบบเพื่อป้องกันการโจมตีจากฝั่งตรงข้าม สำหรับส่วนที่อยู่ภายในนั้นจะถูกล็อคไว้ในฝักหุ้มเกราะซึ่งแยกจากที่เก็บกระสุนของรถถังเช่นกัน 

หากเกิดเหตุสุดวิสัยถ้าเกราะด้านนอกของรถถังถูกโจมตี มันก็ถูกออกแบบให้ระเบิดออกด้านนอก ซึ่งอาจทำให้เกิดการระเบิดใดๆ ถ้าฝ่ายตรงข้ามยิงใส่ ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้กระสุนหนักเจาะเข้าไปด้านในและสังหารลูกเรือได้ 

ในปี 2015 ผู้พัฒนารถถังอย่างบริษัท UralVagonZavod อ้างว่า รถถัง T-14 นั้นเต็มไปด้วยอุปกรณ์ไฮเทคที่กรองจากเรดาร์ของศัตรูและเครื่องค้นหาเป้าหมายที่แสวงหาความร้อนด้วยอินฟราเรด 

นอกจากนี้ ในส่วนของการป้องกันของรถถังก็คือ อุปกรณ์ปิดบัง (เทคโนโลยีการพรางตัวที่สมมติขึ้น) ที่ฝังอยู่ลึกหลังเกราะป้องกันภายในตัวถังที่หุ้มเกราะหนานั้นยังสามารถทำลายลายเซ็นอินฟราเรด (infrared signature) ที่จะระบุตำแหน่งสำหรับกองกำลังข้าศึกได้อีกด้วย 

ทั้งนี้ วลีฟเชสลาฟ คาลิตอฟ หัวหน้าผู้ผลิตอุปกรณ์พิเศษได้ออกมาคุยโวว่า “เราสร้างรถถังล่องหนโดยพื้นฐานแล้ว…เทคโนโลยีการพรางตัวแบบพิเศษของ T-14 รวมถึงสีและวัสดุดูดซับเรดาร์นั้นทำให้ทนทานต่อการตรวจจับอย่างรวดเร็วของเรดาร์” 

‘T-14 Amarta’ VS ‘Leopard 2’ ของเยอรมัน

รถถัง Leopard 2 ขนาด 55 ตันของเยอรมนีเป็นที่เลื่องลือว่าผสมผสานด้านอำนาจการยิง การป้องกัน ความเร็ว และความคล่องแคล่วอย่างมาก จึงทำให้สามารถปรับให้เข้ากับสถานการณ์การรบหลายประเภท ขนาดที่ว่าผู้ผลิตรถถังยังยกย่องให้เป็น ‘รถถังประจัญบานชั้นนำของโลก’ ด้วยระบบปืนสมูทบอร์ขนาด 120 มม. และระบบควบคุมการยิงแบบดิจิตอลเต็มรูปแบบ 

เมื่อนำมาเปรียบเทียบกันแล้วพบว่า รถถังมูลค่า 5 ล้านปอนด์ซึ่งบรรจุลูกเรือ 4 คนและมีระยะทาง 342 ไมล์ รวมทั้งความเร็วสูงสุดประมาณ 45 ไมล์ต่อชั่วโมง (68 กม./ชม.) ขณะที่ T-14 มีระยะทางเพียง 300 ไมล์ แต่มีความเร็วกว่าที่ 50 ไมล์ต่อชั่วโมง 

นอกจากนี้ Leopard 2 ยังถูกมองว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับยูเครน เนื่องจากพวกมันจะถูกนำไปใช้งานในยูเครนได้ง่าย แถมใช้งานได้ง่ายกว่ารถถังขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ จึงมีระยะเวลาการฝึกที่สั้นกว่า 

‘T-14 Amarta’ VS ‘Challenger 2’ ของอังกฤษ

รถถัง Challenger 2 มูลค่า 5 ล้านปอนด์พร้อมปืนไรเฟิลขนาด 120 มม. และปืนกลขนาด 7.62 มม. หรือรถถังประจัญบานที่ออกแบบมาเพื่อโจมตีรถถังคันอื่น พร้อมทั้งเคลื่อนที่ได้ทุกสภาพอากาศ กับการป้องกันการยิงตรงอย่างแม่นยำ 

รถถังรุ่นนี้ยาว 27 ฟุตพร้อมลูกเรือ 4 คนด้วยระยะทาง 340 ไมล์บนถนนซึ่งมากกว่า T-14 เพียงเล็กน้อย แต่มีความเร็วสูงสุดประมาณ 37 ไมล์ต่อชั่วโมง (59 กม.) ซึ่งช้ากว่า T-14 อยู่ราว 13 ไมล์ 

นอกจากนี้ Challenger 2 ยังได้รับขนานนามว่าเป็นรถถังสมัยใหม่ที่ป้องกันได้ดี เชื่อถือได้ และรวดเร็วกว่ารถถังในยุคโซเวียตของรัสเซียเสียอีก ทั้งยังเข้าประจำการในกองทัพบกอังกฤษตั้งแต่ปี 1994 และประจำการในบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา โคโซโว และอิรักอีกด้วย 

‘T-14 Armata’ สู้ ‘Abrams’ ของสหรัฐฯ ได้ไหม?

มีการคาดการณ์ว่าสหรัฐฯ จะส่งรถถัง M1A2 Abrams ที่มีระยะยิงประสิทธิภาพเกิน 2.5 ไมล์ (4 กม.) และมีระบบป้องกันอย่างดีไปยังยูเครนภายในฤดูใบไม้ร่วงนี้เพื่อช่วยในการสู้รบ ซึ่งนั่นเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ปูตินนำรถถัง T-14 ออกสู่สมรภูมิ จนมีการลือไปต่างๆ นานา รถถังของทั้ง 2 ประเทศนี้คันไหนเจ๋งกว่ากัน? 

จากคำร่ำลือที่บอกว่ารถถัง T-14 Armata ของรัสเซียนั้นดีที่สุดในโลกจริงหรอ? สำหรับคำตอบที่ได้อาจยังไม่ทราบหรืออย่างน้อยก็เต็มไปด้วยความลึกลับ เว้นแต่จะมีการสู้รบโดยตรงระหว่าง T-14 Armata และ M1 Abrams ที่อัปเกรดแล้ว อย่างไรก็ตาม มีประเด็นที่น่าสนใจในการเปรียบเทียบ และรายงานหลายฉบับเกี่ยวกับ T-14 ที่อ้างว่าเหนือกว่านั้น ซึ่งดูเหมือนว่าจะมองข้ามองค์ประกอบของรถถัง Abrams ที่อัปเกรดไปแล้วด้วย 

หากเปรียบเทียบกันในแง่ระยะทางพบว่า T-14 นั้นสามารถปฏิบัติการได้ที่ระยะ 310 ไมล์ ขณะที่ Abrams อยู่ที่ระยะ 265 ไมล์ แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าความแตกต่างของระยะในลักษณะนี้ว่าถ้าหากแม่นยำจริงก็จะมีผลกระทบทางยุทธวิธีอย่างมาก  

เมื่อเทียบในด้านกำลังกระสุนนั้นก็ดูเหมือนว่า T-14 จะทรงพลังกว่าโดยมีปืนใหญ่สมูทบอร์ 2A82-1M 125 มม. (4.92 นิ้ว) ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ทั้งหมด และมีพลังมากกว่าปืนใหญ่ของตะวันตกอย่างปืนกลเยอรมัน Rheinmetall 120 มม. ของรถถัง Leopard 2 

ส่วนเทคโนโลยีของรถถังทั้งคู่นั้นไม่มีรายงานเพิ่มเติมของ Abrams ว่ามีระบบเทคโนโลยีการกำหนดเป้าหมาย และหน่วยพลังงานเสริมที่สามารถกำหนดนิยามใหม่ของการปฏิบัติการรบที่จะก้าวไปสู่อนาคตหรือไม่ ขณะที่ T-14 มีระบบพรางตัว ทั้งยังมีเทคโนโลยีที่สามารถทำลายลายเซ็นอินฟราเรดที่จะระบุตำแหน่งสำหรับกองกำลังข้าศึกได้อีกต่างหาก 

ในท้ายที่สุดนี้ ระยะการกำหนดเป้าหมายและความแม่นยำของเซ็นเซอร์ รวมถึงการประมวลผลที่มีความแม่นยำสูงนั้นจะเป็นตัวกำหนดว่ารถถังคันใดจะเหนือกว่า  

ใครจะไปรู้ว่าความแตกต่างแค่เพียงเล็กน้อยของอัตราการทำลายล้างจะมีความสำคัญน้อยลงหากรถถังคันหนึ่งสามารถมองเห็นอีกคันได้ ในขณะที่อีกคันไม่สามารถตรวจจับได้ในระยะที่ใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ รถถังที่สามารถค้นหา กำหนดเป้าหมาย และโจมตีรถถังคันอื่นจากระยะที่ไกลกว่านั้นก็มีแนวโน้มที่จะมีชัยในการสู้รบมากกว่าในสงครามทุกประเภท