สำนักข่าว The Independent รายงานว่า เด็กชายวัย 2 ขวบได้รับการช่วยเหลือและถูกดึงออกมาจากซากอาคารแล้วหลังติดอยู่ข้างใต้เป็นเวลา 78 ชั่วโมง
เมห์เมต ทาทาร์ เด็กชายวัยหัดเดิน ถูกดึงออกมาจากซากปรักหักพังของอาคารอพาร์ตเมนต์ 4 ชั้นในเขตโอดาบาซือ เมืองอันตาเกีย ประเทศตุรกี โดยทีมกู้ภัยชาวโรมาเนียและโปแลนด์เข้าช่วยเหลือเขาผ่านช่องว่างเล็กๆ ระหว่างคอนกรีตที่พังทลาย และยกตัวเด็กชายขึ้นสู่ที่ปลอดภัยขณะที่เขาร้องไห้
จากนั้นเด็กชายก็ถูกส่งตัวให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและนำตัวขึ้นรถพยาบาลเพื่อส่งไปตรวจร่างกาย ซึ่งการช่วยเหลือเขาในครั้งนี้ถึงกับทำให้ทีมกู้ภัยน้ำตาไหลด้วยความปีติยินดีไปตามๆ กัน
นอกจากนี้ ทีมกู้ภัยยังสามารถช่วย ฮาแซล กันเนอร์ เด็กสาวและพ่อของเธอ โซเนอร์ กันเนอร์ จากซากปรักหักพังของอาคารได้
ขณะเดียวกันทีมกู้ภัยก็ยังช่วย เมรัล นาคีร์ วัย 60 ปี ซึ่งถูกดึงออกมาจากชั้น 1 ของตึก 6 ชั้น ด้วยความช่วยเหลือจาก โคปุค สุนัขกู้ภัย เนื่องจากสุนัขมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเสียงที่นาคีร์ร้อง ทำให้ทีมกู้ภัยรีบนำทีมเข้าช่วยเหลือและนำเธอส่งโรงพยาบาล
เจ้าสุนัขกู้ภัยโคปุคตัวนี้ยังได้ช่วยชีวิตผู้ประสบภัยมาแล้วถึง 6 ราย ซึ่ง 4 รายที่ช่วยได้มาจากอาคารเดียวกัน
สำหรับยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดซึ่งรวมกันทั้งในตุรกีและซีเรียนั้นทะลุ 21,000 รายแล้ว อย่างไรก็ดี การค้นหาจะยังคงดำเนินต่อไปจนถึงวันศุกร์ (10 ก.พ.) หลังจากปฏิบัติการค้นหามานานกว่า 78 ชั่วโมง
“มีคนจำนวนมากอยู่ใต้ซากปรักหักพัง แต่เราไม่มีอุปกรณ์หนักที่จะดึงพวกเขาออกมา และทีมอาสาสมัครไม่สามารถทำงานกับอุปกรณ์ขนาดเบาได้” ทูเซฟ นาฮาส ผู้อาศัยในเขต Salqeen ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย กล่าวกับสำนักข่าว Reuters
ด้าน อันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติได้ผลักดันให้มีการเข้าถึงด้านมนุษยธรรมมากขึ้นทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย โดยกล่าวว่า “เราจะมีความสุขมาก หากสหประชาชาติสามารถใช้จุดผ่านแดนมากกว่า 1 แห่งเพื่อส่งความช่วยเหลือ”
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลซีเรียมองว่าการส่งความช่วยเหลือจากตุรกีไปยังพื้นที่ที่กบฏยึดครองอยู่นั้นเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของตน
ขณะเดียวกัน ในตุรกีเองก็มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการขาดอุปกรณ์และความเชี่ยวชาญในการช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ในซากปรักหักพัง เจ้าหน้าที่ตุรกีกล่าวว่า “ประชาชนประมาณ 13.5 ล้านคนได้รับผลกระทบในพื้นที่ประมาณ 280 ไมล์จากเมืองอาดานาทางตะวันตกถึงเมืองดิยาร์บากีร์ทางตะวันออกในซีเรีย”
เมห์เมต ทาทาร์ เด็กชายวัยหัดเดิน ถูกดึงออกมาจากซากปรักหักพังของอาคารอพาร์ตเมนต์ 4 ชั้นในเขตโอดาบาซือ เมืองอันตาเกีย ประเทศตุรกี โดยทีมกู้ภัยชาวโรมาเนียและโปแลนด์เข้าช่วยเหลือเขาผ่านช่องว่างเล็กๆ ระหว่างคอนกรีตที่พังทลาย และยกตัวเด็กชายขึ้นสู่ที่ปลอดภัยขณะที่เขาร้องไห้
จากนั้นเด็กชายก็ถูกส่งตัวให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและนำตัวขึ้นรถพยาบาลเพื่อส่งไปตรวจร่างกาย ซึ่งการช่วยเหลือเขาในครั้งนี้ถึงกับทำให้ทีมกู้ภัยน้ำตาไหลด้วยความปีติยินดีไปตามๆ กัน
นอกจากนี้ ทีมกู้ภัยยังสามารถช่วย ฮาแซล กันเนอร์ เด็กสาวและพ่อของเธอ โซเนอร์ กันเนอร์ จากซากปรักหักพังของอาคารได้
ขณะเดียวกันทีมกู้ภัยก็ยังช่วย เมรัล นาคีร์ วัย 60 ปี ซึ่งถูกดึงออกมาจากชั้น 1 ของตึก 6 ชั้น ด้วยความช่วยเหลือจาก โคปุค สุนัขกู้ภัย เนื่องจากสุนัขมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเสียงที่นาคีร์ร้อง ทำให้ทีมกู้ภัยรีบนำทีมเข้าช่วยเหลือและนำเธอส่งโรงพยาบาล
เจ้าสุนัขกู้ภัยโคปุคตัวนี้ยังได้ช่วยชีวิตผู้ประสบภัยมาแล้วถึง 6 ราย ซึ่ง 4 รายที่ช่วยได้มาจากอาคารเดียวกัน
สำหรับยอดผู้เสียชีวิตล่าสุดซึ่งรวมกันทั้งในตุรกีและซีเรียนั้นทะลุ 21,000 รายแล้ว อย่างไรก็ดี การค้นหาจะยังคงดำเนินต่อไปจนถึงวันศุกร์ (10 ก.พ.) หลังจากปฏิบัติการค้นหามานานกว่า 78 ชั่วโมง
“มีคนจำนวนมากอยู่ใต้ซากปรักหักพัง แต่เราไม่มีอุปกรณ์หนักที่จะดึงพวกเขาออกมา และทีมอาสาสมัครไม่สามารถทำงานกับอุปกรณ์ขนาดเบาได้” ทูเซฟ นาฮาส ผู้อาศัยในเขต Salqeen ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย กล่าวกับสำนักข่าว Reuters
ด้าน อันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติได้ผลักดันให้มีการเข้าถึงด้านมนุษยธรรมมากขึ้นทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย โดยกล่าวว่า “เราจะมีความสุขมาก หากสหประชาชาติสามารถใช้จุดผ่านแดนมากกว่า 1 แห่งเพื่อส่งความช่วยเหลือ”
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลซีเรียมองว่าการส่งความช่วยเหลือจากตุรกีไปยังพื้นที่ที่กบฏยึดครองอยู่นั้นเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของตน
ขณะเดียวกัน ในตุรกีเองก็มีการร้องเรียนเกี่ยวกับการขาดอุปกรณ์และความเชี่ยวชาญในการช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ในซากปรักหักพัง เจ้าหน้าที่ตุรกีกล่าวว่า “ประชาชนประมาณ 13.5 ล้านคนได้รับผลกระทบในพื้นที่ประมาณ 280 ไมล์จากเมืองอาดานาทางตะวันตกถึงเมืองดิยาร์บากีร์ทางตะวันออกในซีเรีย”