เจ้าหน้าที่ในตุรกีกล่าวว่า มีการออกหมายจับ 113 หมายที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคารที่ถล่มลงมาจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ตำรวจตุรกีได้ควบคุมตัวบุคคลอย่างน้อย 12 คน รวมทั้งผู้รับเหมาก่อสร้าง และคาดว่าจะมีการจับกุมมากกว่านี้ แต่หลายคนมองว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความพยายามเบี่ยงเบนความผิดโดยรวมสำหรับภัยพิบัติที่เกิดขึ้น
เป็นเวลาหลายปีที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าอาคารใหม่หลายแห่งในตุรกี ‘ไม่ปลอดภัย’ เนื่องจากการทุจริตในท้องถิ่นและนโยบายของรัฐบาล ซึ่งนโยบายเหล่านั้นอนุญาตให้มีการนิรโทษกรรมสำหรับผู้รับเหมาที่ฝ่าฝืนข้อบังคับอาคาร เพื่อกระตุ้นการก่อสร้างให้เฟื่องฟู รวมถึงในพื้นที่ที่เกิดแผ่นดินไหวได้ง่าย
อาคารหลายพันหลังพังทลายลงมาระหว่างเกิดแผ่นดินไหว ทำให้เกิดคำถามว่าผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาตินั้นรุนแรงขึ้นจากความล้มเหลวของมนุษย์หรือไม่
เรเจป ทายยิป แอร์โดอัน ประธานาธิบดีของตุรกี ยอมรับว่ามีข้อบกพร่องในการตอบสนองต่อภัยพิบัติ แต่ในระหว่างการเยือนเขตภัยพิบัติครั้งหนึ่ง เอร์โดอานกล่าวโทษโชคชะตา ‘สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเสมอ’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ‘โชคชะตา’
ขณะที่ความสิ้นหวังก่อให้เกิดความเดือดดาลต่อความพยายามช่วยเหลือที่เชื่องช้าและผ่านไปอย่างเจ็บปวด จุดสนใจจึงหันไปโทษภัยพิบัติในพื้นที่ที่เกิดแผ่นดินไหวได้ง่าย ซึ่งรวมถึงพื้นที่ของซีเรียที่ประสบภัยสงครามกลางเมืองมานานหลายปีแล้ว
เบกีร์ บอซแด็ก รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของตุรกี กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (12 ก.พ.) ว่า มีผู้ที่ถูกสอบสวนประมาณ 131 คน เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้รับผิดชอบในการก่อสร้างอาคารที่ไม่สามารถต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวได้ ขณะที่ผู้ประสบภัย ผู้เชี่ยวชาญ และผู้คนทั่วตุรกีต่างกล่าวโทษการก่อสร้างที่ผิดพลาดว่า เป็นตัวการที่ทำให้แผ่นดินไหว ‘ทวีความรุนแรงขึ้น’
บทบัญญัติการก่อสร้างอาคารของตุรกีตรงตามมาตรฐานวิศวกรรมแผ่นดินไหวในปัจจุบัน ..อย่างน้อยๆ ก็บนกระดาษ แต่ไม่ค่อยมีการบังคับใช้อย่างจริงจังนัก เรื่องนี้จึงสามารถอธิบายได้ว่าทำไมอาคารหลายพันหลังจึงโค่นถล่มลงมาทับผู้คนที่อยู่ด้านใน
สำนักงานอนาโดลูที่ดำเนินการโดยรัฐ ระบุว่า ในบรรดาผู้ที่ถูกตรวจสอบข้อเท็จจริง ยังมีอีก 2 คนที่ถูกจับกุมในจังหวัดกาเซียนเท็ป เนื่องจากต้องสงสัยว่ามีการตัดเสาออกเพื่อเพิ่มพื้นที่ในอาคาร ซึ่งพังทลายลงมาจากแผ่นดินไหวในเวลาต่อมา
ขณะที่กระทรวงยุติธรรมระบุว่า มีบุคคล 3 รายถูกจับกุมระหว่างรอการพิจารณาคดี อีก 7 รายถูกควบคุมตัว และอีก 7 รายถูกห้ามไม่ให้ออกนอกตุรกี
ซึ่งเมื่อวันอาทิตย์ (12 ก.พ.) ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ที่สนามบินอิสตันบูลได้จับกุมผู้รับเหมา 2 ราย ที่รับผิดชอบอาคารหลายหลังในเมืองอดิยามัน โดยมีรายงานว่าทั้งคู่กำลังเดินทางไปจอร์เจีย
ยาวูซ คาราคุส หนึ่งในผู้รับเหมาที่ถูกคุมขัง กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของผมนั้นชัดเจน ผมสร้างอาคาร 44 หลัง ซึ่งในจำนวนนั้นมี 4 หลังที่พังยับเยิน โดยผมได้ทำทุกอย่างตามกฎ
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ตุรกีได้ยั่วยวนชะตากรรมด้วยการ ‘ไม่’ บังคับใช้บทบัญญัติการก่อสร้างอาคารสมัยใหม่มาเป็นเวลานานหลายปี ขณะที่ยังอนุญาตและส่งเสริมการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหว
การบังคับใช้ที่หละหลวมซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยาและวิศวกรรมเตือนมานานกำลังได้รับการตรวจสอบอีกครั้งหลังจากการเกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงนี้
ตำรวจตุรกีได้ควบคุมตัวบุคคลอย่างน้อย 12 คน รวมทั้งผู้รับเหมาก่อสร้าง และคาดว่าจะมีการจับกุมมากกว่านี้ แต่หลายคนมองว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความพยายามเบี่ยงเบนความผิดโดยรวมสำหรับภัยพิบัติที่เกิดขึ้น
เป็นเวลาหลายปีที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าอาคารใหม่หลายแห่งในตุรกี ‘ไม่ปลอดภัย’ เนื่องจากการทุจริตในท้องถิ่นและนโยบายของรัฐบาล ซึ่งนโยบายเหล่านั้นอนุญาตให้มีการนิรโทษกรรมสำหรับผู้รับเหมาที่ฝ่าฝืนข้อบังคับอาคาร เพื่อกระตุ้นการก่อสร้างให้เฟื่องฟู รวมถึงในพื้นที่ที่เกิดแผ่นดินไหวได้ง่าย
อาคารหลายพันหลังพังทลายลงมาระหว่างเกิดแผ่นดินไหว ทำให้เกิดคำถามว่าผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาตินั้นรุนแรงขึ้นจากความล้มเหลวของมนุษย์หรือไม่
เรเจป ทายยิป แอร์โดอัน ประธานาธิบดีของตุรกี ยอมรับว่ามีข้อบกพร่องในการตอบสนองต่อภัยพิบัติ แต่ในระหว่างการเยือนเขตภัยพิบัติครั้งหนึ่ง เอร์โดอานกล่าวโทษโชคชะตา ‘สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเสมอ’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ‘โชคชะตา’
ขณะที่ความสิ้นหวังก่อให้เกิดความเดือดดาลต่อความพยายามช่วยเหลือที่เชื่องช้าและผ่านไปอย่างเจ็บปวด จุดสนใจจึงหันไปโทษภัยพิบัติในพื้นที่ที่เกิดแผ่นดินไหวได้ง่าย ซึ่งรวมถึงพื้นที่ของซีเรียที่ประสบภัยสงครามกลางเมืองมานานหลายปีแล้ว
เบกีร์ บอซแด็ก รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของตุรกี กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (12 ก.พ.) ว่า มีผู้ที่ถูกสอบสวนประมาณ 131 คน เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้รับผิดชอบในการก่อสร้างอาคารที่ไม่สามารถต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวได้ ขณะที่ผู้ประสบภัย ผู้เชี่ยวชาญ และผู้คนทั่วตุรกีต่างกล่าวโทษการก่อสร้างที่ผิดพลาดว่า เป็นตัวการที่ทำให้แผ่นดินไหว ‘ทวีความรุนแรงขึ้น’
บทบัญญัติการก่อสร้างอาคารของตุรกีตรงตามมาตรฐานวิศวกรรมแผ่นดินไหวในปัจจุบัน ..อย่างน้อยๆ ก็บนกระดาษ แต่ไม่ค่อยมีการบังคับใช้อย่างจริงจังนัก เรื่องนี้จึงสามารถอธิบายได้ว่าทำไมอาคารหลายพันหลังจึงโค่นถล่มลงมาทับผู้คนที่อยู่ด้านใน
สำนักงานอนาโดลูที่ดำเนินการโดยรัฐ ระบุว่า ในบรรดาผู้ที่ถูกตรวจสอบข้อเท็จจริง ยังมีอีก 2 คนที่ถูกจับกุมในจังหวัดกาเซียนเท็ป เนื่องจากต้องสงสัยว่ามีการตัดเสาออกเพื่อเพิ่มพื้นที่ในอาคาร ซึ่งพังทลายลงมาจากแผ่นดินไหวในเวลาต่อมา
ขณะที่กระทรวงยุติธรรมระบุว่า มีบุคคล 3 รายถูกจับกุมระหว่างรอการพิจารณาคดี อีก 7 รายถูกควบคุมตัว และอีก 7 รายถูกห้ามไม่ให้ออกนอกตุรกี
ซึ่งเมื่อวันอาทิตย์ (12 ก.พ.) ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ที่สนามบินอิสตันบูลได้จับกุมผู้รับเหมา 2 ราย ที่รับผิดชอบอาคารหลายหลังในเมืองอดิยามัน โดยมีรายงานว่าทั้งคู่กำลังเดินทางไปจอร์เจีย
ยาวูซ คาราคุส หนึ่งในผู้รับเหมาที่ถูกคุมขัง กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของผมนั้นชัดเจน ผมสร้างอาคาร 44 หลัง ซึ่งในจำนวนนั้นมี 4 หลังที่พังยับเยิน โดยผมได้ทำทุกอย่างตามกฎ
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ตุรกีได้ยั่วยวนชะตากรรมด้วยการ ‘ไม่’ บังคับใช้บทบัญญัติการก่อสร้างอาคารสมัยใหม่มาเป็นเวลานานหลายปี ขณะที่ยังอนุญาตและส่งเสริมการเติบโตของอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหว
การบังคับใช้ที่หละหลวมซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยาและวิศวกรรมเตือนมานานกำลังได้รับการตรวจสอบอีกครั้งหลังจากการเกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงนี้
เดวิด อเล็กซานเดอร์ ศาสตราจารย์ด้านการวางแผนฉุกเฉินแห่ง University College London กล่าวว่า นี่เป็นหายนะที่เกิดจากการก่อสร้างที่ไม่ได้คุณภาพไม่ใช่จากแผ่นดินไหว
อียัป มูห์ชู ประธานสภาสถาปนิกแห่งตุรกี กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าอาคารหลายแห่งในพื้นที่ที่เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ 2 ครั้งในสัปดาห์นี้ สร้างขึ้นด้วยวัสดุและวิธีการที่ด้อยคุณภาพ และมักไม่เป็นไปตามมาตรฐานของรัฐบาล
นอกจากนี้ ยังรวมถึงอาคารเก่าจำนวนมาก รวมถึงอพาร์ตเมนต์ที่สร้างขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เกือบ 2 ทศวรรษหลังจากที่ตุรกีได้นำบทบัญญัติการสร้างอาคารมาใช้กับมาตรฐานสมัยใหม่ โครงสร้างอาคารในบริเวณนั้นอ่อนแอและไม่แข็งแรง แม้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นจริงก็ตาม
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ปัญหาส่วนใหญ่ถูกเพิกเฉย เพราะการแก้ปัญหาจะมีราคาแพง ไม่เป็นที่นิยม และขัดขวางกลไกสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า มีหลักฐานมากมายและเศษหินหรืออิฐที่ชี้ให้เห็นถึงความจริงอันโหดร้ายเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้แผ่นดินไหวรุนแรงถึงชีวิต แม้ว่าตุรกีจะมีบทบัญญัติการก่อสร้างที่ตรงตามมาตรฐานวิศวกรรมแผ่นดินไหวในปัจจุบัน
ในประเทศที่มีรอยเลื่อนทางธรณีวิทยาคั่นกลาง ผู้คนต่างกังวลว่าจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งต่อไปเมื่อใดและที่ไหน โดยเฉพาะในอิสตันบูล เมืองที่มีประชากรมากกว่า 15 ล้านคนซึ่งเสี่ยงต่อแผ่นดินไหว
ซาเมอร์ บาเกียน ศาสตราจารย์ด้านการวางแผนและความยืดหยุ่นของระบบที่ Kent School of Architecture and Planning เตือนว่า แม้จะมีบทบัญญัติการสร้างอาคารที่มีประสิทธิภาพซึ่งได้ทำเป็นกฎหมาย ผู้คนจะยังคงทำในสิ่งที่พวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงได้ เว้นแต่จะมีการบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
“คุณสามารถให้สถาปนิก คณะกรรมการ และวิศวกรโยธาให้คำแนะนำได้ แค่คำถามคือพวกเขาจะรับฟังหรือไม่? นอกจากนี้ยังมีมิติทางการเมืองด้วย การพัฒนาเมืองหลายด้านเป็นผลมาจากการทะเลาะเบาะแว้งของท้องถิ่นที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง” บาเกียนกล่าว
อียัป มูห์ชู ประธานสภาสถาปนิกแห่งตุรกี กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าอาคารหลายแห่งในพื้นที่ที่เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ 2 ครั้งในสัปดาห์นี้ สร้างขึ้นด้วยวัสดุและวิธีการที่ด้อยคุณภาพ และมักไม่เป็นไปตามมาตรฐานของรัฐบาล
นอกจากนี้ ยังรวมถึงอาคารเก่าจำนวนมาก รวมถึงอพาร์ตเมนต์ที่สร้างขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เกือบ 2 ทศวรรษหลังจากที่ตุรกีได้นำบทบัญญัติการสร้างอาคารมาใช้กับมาตรฐานสมัยใหม่ โครงสร้างอาคารในบริเวณนั้นอ่อนแอและไม่แข็งแรง แม้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นจริงก็ตาม
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ปัญหาส่วนใหญ่ถูกเพิกเฉย เพราะการแก้ปัญหาจะมีราคาแพง ไม่เป็นที่นิยม และขัดขวางกลไกสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า มีหลักฐานมากมายและเศษหินหรืออิฐที่ชี้ให้เห็นถึงความจริงอันโหดร้ายเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้แผ่นดินไหวรุนแรงถึงชีวิต แม้ว่าตุรกีจะมีบทบัญญัติการก่อสร้างที่ตรงตามมาตรฐานวิศวกรรมแผ่นดินไหวในปัจจุบัน
ในประเทศที่มีรอยเลื่อนทางธรณีวิทยาคั่นกลาง ผู้คนต่างกังวลว่าจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งต่อไปเมื่อใดและที่ไหน โดยเฉพาะในอิสตันบูล เมืองที่มีประชากรมากกว่า 15 ล้านคนซึ่งเสี่ยงต่อแผ่นดินไหว
ซาเมอร์ บาเกียน ศาสตราจารย์ด้านการวางแผนและความยืดหยุ่นของระบบที่ Kent School of Architecture and Planning เตือนว่า แม้จะมีบทบัญญัติการสร้างอาคารที่มีประสิทธิภาพซึ่งได้ทำเป็นกฎหมาย ผู้คนจะยังคงทำในสิ่งที่พวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงได้ เว้นแต่จะมีการบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพ
“คุณสามารถให้สถาปนิก คณะกรรมการ และวิศวกรโยธาให้คำแนะนำได้ แค่คำถามคือพวกเขาจะรับฟังหรือไม่? นอกจากนี้ยังมีมิติทางการเมืองด้วย การพัฒนาเมืองหลายด้านเป็นผลมาจากการทะเลาะเบาะแว้งของท้องถิ่นที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง” บาเกียนกล่าว
