ข้อจำกัดด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับของเหลวและแล็ปท็อปในกระเป๋าถือในสนามบินอาจถูกยกเลิกในสหราชอาณาจักรภายใน 2 ปีนี้ เนื่องจากมีอุปกรณ์ที่เป็นเครื่องสแกน 3 มิติที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง
BBC ระบุโดยอ้างอิงแหล่งข่าวว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาเปิดตัวเครื่องสแกนขั้นสูงภายในกลางปี 2024 แม้ว่าจะยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย
อุปกรณ์ดังกล่าวคล้ายกับเครื่องสแกน CT ที่ใช้ในโรงพยาบาล ช่วยให้เห็นภาพสิ่งของในกระเป๋าได้ชัดเจนขึ้น ขณะที่หนังสือพิมพ์ Times รายงานว่า บรรดารัฐมนตรีกำลังดำเนินการตรวจสอบ และประกาศดังกล่าวจะมีขึ้นก่อนวันคริสต์มาส โดยหวังว่าจะสามารถลดการต่อคิวในสนามบินของสหราชอาณาจักรได้
ปัจจุบัน ผู้โดยสารที่นำของเหลวขึ้นเครื่องในสัมภาระถือขึ้นเครื่องถูกจำกัดให้ใช้ถุงพลาสติกใสที่บรรจุได้ไม่เกิน 100 มล. ซึ่งต้องแสดงต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย โดยในถุงพลาสติกใสแบบเปิดปิดได้ใบเดียวมีขนาดประมาณ 20 ซม. (8 นิ้ว) x 20 ซม.
ข้อจำกัดดังกล่าวมีขึ้นตั้งแต่เดือนพ.ย. ปี 2006 ซึ่งเมื่อ 3 เดือนก่อนหน้านี้ ได้มีการยุติการนำของเหลวทุกชนิดเข้าไปภายในห้องโดยสาร เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอังกฤษ ระบุว่า พวกเขาได้ขัดขวางการลอบวางระเบิดเครื่องบินถึง 10 ลำ โดยใช้วัตถุระเบิดซ่อนในขวดเครื่องดื่ม
แต่เทคโนโลยีใหม่นี้ช่วยให้พนักงานรักษาความปลอดภัยสามารถขยายภาพพื้นที่ในกระเป๋าและหมุนภาพเพื่อตรวจสอบได้ ซึ่งเครื่องสแกน 3 มิติได้รับการทดลองใช้ที่สนามบินลอนดอนฮีทโธรว์ตั้งแต่ปี 2017
จอห์น ฮอลแลนด์-เคย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บอกกับหนังสือพิมพ์ The Times ว่า เรากำลังทยอยเปิดตัวอย่างช้าๆ เราเพิ่งเริ่มขยายพื้นที่รักษาความปลอดภัยในอาคารผู้โดยสาร 3 ซึ่งจะมีเครื่องสแกน CT เพิ่มขึ้น และมีกำหนดเส้นตายกลางปี 2024
เทคโนโลยีดังกล่าวมีการใช้งานแล้วในสนามบินของสหรัฐฯ เช่น ท่าอากาศยานนานาชาติฮาร์ตสฟีลด์–แจ็กสัน ในแอตแลนตา และท่าอากาศยานนานาชาติชิคาโกโอแฮร์ ในชิคาโก เป็นเวลาหลายปี
อดีตนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ให้คำมั่นว่าจะใช้เทคโนโลยีสแกนเพื่อเพิ่มความเร็วในการตรวจสอบก่อนขึ้นเครื่องและปรับปรุงความปลอดภัย แต่จำนวนผู้โดยสารกลับลดลงในช่วงที่เกิดโรคระบาด เนื่องจากมีการจำกัดการเดินทางในหลายประเทศทั่วโลก
ขณะที่ตัวเลขล่าสุดจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศในเดือนก.ย.แสดงให้เห็นว่าปริมาณผู้โดยสารมีจำนวนเพียง 73% ของจำนวนผู้โดยสารทั้งหมดก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19
BBC ระบุโดยอ้างอิงแหล่งข่าวว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาเปิดตัวเครื่องสแกนขั้นสูงภายในกลางปี 2024 แม้ว่าจะยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย
อุปกรณ์ดังกล่าวคล้ายกับเครื่องสแกน CT ที่ใช้ในโรงพยาบาล ช่วยให้เห็นภาพสิ่งของในกระเป๋าได้ชัดเจนขึ้น ขณะที่หนังสือพิมพ์ Times รายงานว่า บรรดารัฐมนตรีกำลังดำเนินการตรวจสอบ และประกาศดังกล่าวจะมีขึ้นก่อนวันคริสต์มาส โดยหวังว่าจะสามารถลดการต่อคิวในสนามบินของสหราชอาณาจักรได้
ปัจจุบัน ผู้โดยสารที่นำของเหลวขึ้นเครื่องในสัมภาระถือขึ้นเครื่องถูกจำกัดให้ใช้ถุงพลาสติกใสที่บรรจุได้ไม่เกิน 100 มล. ซึ่งต้องแสดงต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย โดยในถุงพลาสติกใสแบบเปิดปิดได้ใบเดียวมีขนาดประมาณ 20 ซม. (8 นิ้ว) x 20 ซม.
ข้อจำกัดดังกล่าวมีขึ้นตั้งแต่เดือนพ.ย. ปี 2006 ซึ่งเมื่อ 3 เดือนก่อนหน้านี้ ได้มีการยุติการนำของเหลวทุกชนิดเข้าไปภายในห้องโดยสาร เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจอังกฤษ ระบุว่า พวกเขาได้ขัดขวางการลอบวางระเบิดเครื่องบินถึง 10 ลำ โดยใช้วัตถุระเบิดซ่อนในขวดเครื่องดื่ม
แต่เทคโนโลยีใหม่นี้ช่วยให้พนักงานรักษาความปลอดภัยสามารถขยายภาพพื้นที่ในกระเป๋าและหมุนภาพเพื่อตรวจสอบได้ ซึ่งเครื่องสแกน 3 มิติได้รับการทดลองใช้ที่สนามบินลอนดอนฮีทโธรว์ตั้งแต่ปี 2017
จอห์น ฮอลแลนด์-เคย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บอกกับหนังสือพิมพ์ The Times ว่า เรากำลังทยอยเปิดตัวอย่างช้าๆ เราเพิ่งเริ่มขยายพื้นที่รักษาความปลอดภัยในอาคารผู้โดยสาร 3 ซึ่งจะมีเครื่องสแกน CT เพิ่มขึ้น และมีกำหนดเส้นตายกลางปี 2024
เทคโนโลยีดังกล่าวมีการใช้งานแล้วในสนามบินของสหรัฐฯ เช่น ท่าอากาศยานนานาชาติฮาร์ตสฟีลด์–แจ็กสัน ในแอตแลนตา และท่าอากาศยานนานาชาติชิคาโกโอแฮร์ ในชิคาโก เป็นเวลาหลายปี
อดีตนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ให้คำมั่นว่าจะใช้เทคโนโลยีสแกนเพื่อเพิ่มความเร็วในการตรวจสอบก่อนขึ้นเครื่องและปรับปรุงความปลอดภัย แต่จำนวนผู้โดยสารกลับลดลงในช่วงที่เกิดโรคระบาด เนื่องจากมีการจำกัดการเดินทางในหลายประเทศทั่วโลก
ขณะที่ตัวเลขล่าสุดจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศในเดือนก.ย.แสดงให้เห็นว่าปริมาณผู้โดยสารมีจำนวนเพียง 73% ของจำนวนผู้โดยสารทั้งหมดก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19