สหราชอาณาจักร คุณภาพชีวิต ‘ตกต่ำ’ ที่สุดเป็นประวัติการณ์!

18 พ.ย. 2565 - 05:00

  • สหราชอาณาจักรต้องเผชิญกับคุณภาพชีวิตที่ตกต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นและเริ่มกัดกินค่าแรงของประชาชน

  • ด้านผู้พยากรณ์ของรัฐบาลกล่าวว่า รายได้ของครัวเรือนเมื่อถึงราคาที่พุ่งสูงขึ้นแล้ว จะลดลง 7% ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

  • นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่าจำนวนผู้ว่างงานจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 แสนคน

UK-faces-biggest-fall-in-living-standards-on-record-SPACEBAR-Thumbnail
สหราชอาณาจักรต้องเผชิญกับมาตรฐานการครองชีพ หรือคุณภาพชีวิตที่ตกต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นและเริ่มกัดกินค่าแรงของประชาชน ด้านผู้พยากรณ์ของรัฐบาลกล่าวว่า รายได้ของครัวเรือนเมื่อถึงราคาที่พุ่งสูงขึ้นแล้ว จะลดลง 7% ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่าจำนวนผู้ว่างงานจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 แสนคน

ขณะที่ ริชี ซูนัค นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า สหราชอาณาจักรอยู่ในภาวะถดถอยแล้วและเศรษฐกิจจะหดตัวอีกในปีหน้า ทว่าเจเรมี ฮันต์ รมว.คลังของอังกฤษกลับเห็นต่างจากนั้นด้วยการเปิดเผยการขึ้นภาษี 5.5 หมื่นล้านปอนด์ (2.3 ล้านล้านบาท) และลดการใช้จ่ายซึ่งจะนำไปสู่ภาวะ ‘ถดถอยที่ไม่รุนแรง’ พร้อมกับการตกงานที่น้อยลง  

พอล จอนห์สัน ผู้อำนวยการ Institute for Fiscal Studies Think Tank กล่าวว่า ราคาพลังงานโลกที่พุ่งสูงขึ้นทำให้สหราชอาณาจักรกลายเป็นประเทศที่ยากจนลง ขณะที่สำนักความรับผิดชอบด้านงบประมาณ (OBR)  คาดการณ์ว่าในอีก 2 ปีข้างหน้าจะเห็นการลดลงของรายได้ครัวเรือนครั้งใหญ่ที่สุด 

ค่าพลังงานและค่าอาหารพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากสงครามในยูเครนและโรคระบาด และกำลังบีบงบประมาณครัวเรือน OBR ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อ อัตราราคาที่เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 41 ปีกำลังฉุดเศรษฐกิจ ด้านผู้พยากรณ์กล่าวว่า การขึ้นราคามีแนวโน้มที่จะสูงสุดที่ 11% ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ อย่างไรก็ตามโครงการประกันราคาพลังงานของรัฐบาลที่จำกัดค่าใช้จ่ายช่วยพยุงค่าใช้จ่ายไว้ได้มาก 

อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อจะยังคงบั่นทอนค่าแรง และลดมาตรฐานการครองชีพในปีนี้ โดยมีส่วนต่างที่มากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูลเมื่อปี 1956 คาดว่ารายได้ของครัวเรือนเมื่อปรับตามอัตราเงินเฟ้อจะลดลงกลับสู่ระดับที่เคยเป็นในปี 2013 จากนั้นจะใช้เวลา 6 ปีในการฟื้นตัว แม้ว่าจะยังคงต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโรคระบาดมากกว่า 1%ภายในปี 2028 

จัสมิน เฮอร์ลีย์ วัย 18 ปี และปีเตอร์ เฟลตเชอร์ วัย 22 ปี ย้ายไปอยู่ที่กลอสเตอร์เมื่อประมาณ 1 เดือนที่แล้ว และอาศัยอยู่กับแม่ของจัสมิน  

ปีเตอร์ ซึ่งทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร กล่าวกับ BBC ว่า การประหยัดเงินทำได้ยากขึ้นและเขาก็กังวลใจ เพราะจากที่สามารถเก็บได้เป็นร้อยปอนด์ต่อเดือน เหลือเพียง 50 ปอนด์ได้ ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมันจะยิ่งแย่ลงไปอีก  

ด้านจัสมินเองเรียนจบแล้วและกำลังหางานทำ เธอรู้สึกเสียใจที่ต้องตัดใจจากสิ่งต่างๆ และบอกว่าอนาคตช่างมืดมน พร้อมกล่าวว่า ถ้าฉันต้องการซื้อบ้านสักหลัง มันคงเป็นไปไม่ได้ พวกเขาจำเป็นต้องลดราคาบ้านลง มันส่งผลกระทบต่อพวกเราทุกคน โดยเฉพาะชนชั้นแรงงาน 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์