พลเรือโทจอนห์นี วูล์ฟ ผู้อำนวยการโครงการระบบยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือสหรัฐฯ กล่าวว่า จีนและรัสเซียเป็นแรงผลักดันให้สหรัฐฯ พัฒนาอาวุธความเร็วเหนือเสียงให้เร็วขึ้นอีก ขณะที่เพนตากอนพยายามเพิ่มความเร็วของการทดสอบและการวิจัยให้เร็วขึ้น
วูล์ฟพูดกับ CNN เมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่กองทัพดำเนินการทดสอบจรวด 2 ครั้ง เพื่อรวบรวมข้อมูลสำหรับการพัฒนาความเร็วเหนือเสียง โดยยอมรับว่าจีนและรัสเซียได้พัฒนาอาวุธที่สหรัฐฯ ไม่ได้พัฒนา การเปิดตัวการทดสอบแต่ละครั้งมีการทดลองที่แตกต่างกันในสาขาต่างๆ เช่น วัสดุทนความร้อน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และวัสดุที่มีน้ำหนักเบา ซึ่งทั้งหมดนี้จำเป็นต่อการพัฒนาและการติดตั้งอาวุธไฮเปอร์โซนิกให้ประสบความสำเร็จ
รัสเซียได้ติดตั้งขีปนาวุธ Kinzhal ที่มีความเร็วเหนือเสียงของตนเองในยูเครน ซึ่งอาจเป็นครั้งแรกที่อาวุธดังกล่าวถูกนำมาใช้ในสงคราม และในระหว่างการทดสอบเมื่อปีที่แล้ว ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงของจีนได้บินไปรอบโลก
“จีนและรัสเซียเป็นตัวขับเคลื่อน” วูล์ฟกล่าว
อาวุธไฮเปอร์โซนิกมีความเร็วเหนือเสียงเดินทางด้วยความเร็วมากกว่ามัค 5 หรือประมาณ 4,000 ไมล์ต่อชั่วโมง ทำให้ตรวจจับและสกัดกั้นได้ยาก ขีปนาวุธยังสามารถเคลื่อนที่และเปลี่ยนระดับความสูงได้ ทำให้สามารถหลบเลี่ยงระบบป้องกันขีปนาวุธในปัจจุบันได้
เพนตากอนร้องขอเงิน 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.69 แสนล้านบาท) สำหรับการวิจัยความเร็วเหนือเสียงในปีงบประมาณหน้า เพิ่มขึ้นจาก 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.36 แสนล้านบาท) อีกทั้งตามรายงานของ Congressional Research Service ระบุว่า สหรัฐฯ กำลังพัฒนาโปรแกรมอาวุธที่มีความเร็วเหนือเสียงที่แตกต่างกันหลายโปรแกรมในกองทัพ แต่ความล้มเหลวในการทดสอบหลายครั้งทำให้เกิดปัญหากับโปรแกรมบางอย่าง
กองทัพอากาศได้ทำการทดสอบ Rapid Response Weapon (ARRW) ที่ปล่อยทางอากาศได้สำเร็จ แต่นั่นเกิดขึ้นหลังจากการทดสอบล้มเหลวติดต่อกัน 3 ครั้ง Common Hypersonic Glide Body ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างกองทัพบกและกองทัพเรือ ประสบความล้มเหลวในการทดสอบในช่วงฤดูร้อนระหว่างการทดสอบระบบเต็มรูปแบบครั้งแรก
วูล์ฟพูดกับ CNN เมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่กองทัพดำเนินการทดสอบจรวด 2 ครั้ง เพื่อรวบรวมข้อมูลสำหรับการพัฒนาความเร็วเหนือเสียง โดยยอมรับว่าจีนและรัสเซียได้พัฒนาอาวุธที่สหรัฐฯ ไม่ได้พัฒนา การเปิดตัวการทดสอบแต่ละครั้งมีการทดลองที่แตกต่างกันในสาขาต่างๆ เช่น วัสดุทนความร้อน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และวัสดุที่มีน้ำหนักเบา ซึ่งทั้งหมดนี้จำเป็นต่อการพัฒนาและการติดตั้งอาวุธไฮเปอร์โซนิกให้ประสบความสำเร็จ
รัสเซียได้ติดตั้งขีปนาวุธ Kinzhal ที่มีความเร็วเหนือเสียงของตนเองในยูเครน ซึ่งอาจเป็นครั้งแรกที่อาวุธดังกล่าวถูกนำมาใช้ในสงคราม และในระหว่างการทดสอบเมื่อปีที่แล้ว ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงของจีนได้บินไปรอบโลก
“จีนและรัสเซียเป็นตัวขับเคลื่อน” วูล์ฟกล่าว
อาวุธไฮเปอร์โซนิกมีความเร็วเหนือเสียงเดินทางด้วยความเร็วมากกว่ามัค 5 หรือประมาณ 4,000 ไมล์ต่อชั่วโมง ทำให้ตรวจจับและสกัดกั้นได้ยาก ขีปนาวุธยังสามารถเคลื่อนที่และเปลี่ยนระดับความสูงได้ ทำให้สามารถหลบเลี่ยงระบบป้องกันขีปนาวุธในปัจจุบันได้
เพนตากอนร้องขอเงิน 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.69 แสนล้านบาท) สำหรับการวิจัยความเร็วเหนือเสียงในปีงบประมาณหน้า เพิ่มขึ้นจาก 3.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.36 แสนล้านบาท) อีกทั้งตามรายงานของ Congressional Research Service ระบุว่า สหรัฐฯ กำลังพัฒนาโปรแกรมอาวุธที่มีความเร็วเหนือเสียงที่แตกต่างกันหลายโปรแกรมในกองทัพ แต่ความล้มเหลวในการทดสอบหลายครั้งทำให้เกิดปัญหากับโปรแกรมบางอย่าง
กองทัพอากาศได้ทำการทดสอบ Rapid Response Weapon (ARRW) ที่ปล่อยทางอากาศได้สำเร็จ แต่นั่นเกิดขึ้นหลังจากการทดสอบล้มเหลวติดต่อกัน 3 ครั้ง Common Hypersonic Glide Body ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างกองทัพบกและกองทัพเรือ ประสบความล้มเหลวในการทดสอบในช่วงฤดูร้อนระหว่างการทดสอบระบบเต็มรูปแบบครั้งแรก
