ในยุคแห่งการใช้โดรนและขีปนาวุธนำร่องที่มีความแม่นยำสูงราวจับวาง ยังมีอาวุธสังหารหนึ่งที่น่ากลัวไม่แพ้กัน นั่นก็คือ มือสไนเปอร์ หรือพลซุ่มยิง เพชฌฆาตเงียบที่สามารถลงมือปลิดชีวิตฝ่ายตรงข้ามด้วยกระสุนเพียงนัดเดียวในระยะการยิงที่น่าทึ่ง
เมื่อเร็วๆ นี้ ยูเครนอ้างว่ามือสไนเปอร์ของตัวเองขยับขึ้นแท่นมือสังหารที่ยิงจากระยะไกลมากที่สุดในโลกเป็นอันดับ 2 ที่ 8,891 ฟุต หรือ 2,710 เมตร หรือไกลกว่าการนำตึกบุรจญ์เคาะลีฟะฮ์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกมาเรียงต่อกัน 3 ตึก
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังห่างไกลจากสถิติโลกในขณะนี้ซึ่งป็นของมือสไนเปอร์ชาวแคนาดาที่ทำระยะไว้ 11,319 ฟุต หรือ 3,450 เมตร
ด้วยหลายสิ่งหลายอย่าง ขณะนี้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนสำคัญ มือสไนเปอร์ใช้ทั้งเครื่องวัดลม เลเซอร์คำนวณระยะ และกล้องสุดล้ำเพื่อให้ลงมือสังหารได้อย่างแม่นยำ และแม้ว่าในโลกที่กองทัพที่น่ากลัวที่สุดเลือกใช้เครื่องควบคุมวิดีโอเกมเพื่อปลิดชีพเป้าหมายบนหน้าจอ แต่ทักษะของนักแม่นปืนก็ยังขึ้นอยู่กับคน 1 คน ไรเฟิล 1 กระบอก และกระสุน 1 นัด
ทักษะเหล่านี้เกิดจากวิทยาศาสตร์ที่แม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการคำนวณทุกๆ อย่างไล่ตั้งแต่อุณหภูมิ ความชื้น หรือแม้แต่ความโค้งและการหมุนของโลก เพื่อหาเป้าหมาย
อุณหภูมิต่ำและที่สูงทำให้อากาศเบาบาง ส่งผลให้มีแรงดึงกระสุนน้อย กระสุนลาดต่ำน้อย หากความชื้นต่ำก็จะทำให้อากาศหนาแน่นซึ่งจะดึงให้กระสุนตกลงเร็วขึ้น
และเพราะว่าโลกยังคงหมุนต่อหลังจากที่กระสุนออกจากปืนแล้ว การยิงระยะไกลจึงจำเป็นต้องคำนวณความแตกต่างระหว่างการเคลื่อนที่ของโลกและเป้าหมายซึ่งเรียกว่า ปฏิกิริยาคอริออลิส (Coriolis Effect)
ที่ระยะราว 1,000 ฟุต หรือ 304.8 เมตร เราจะสังเกตเห็นความแตกต่างเล็กน้อยระหว่างการยิงขึ้นอยู่กับว่ายิงไปในทิศทางใด โดยเมื่อยิงจากซีกโลกทางเหนือไปทางเหนือหรือใต้ กระสุนจะไปตกด้านขวาของเป้าหมาย หากยิงจากซีกโลกทางใต้ กระสุนจะตกด้านซ้ายของเป้าหมายเมื่อยิงไปทางเหนือหรือใต้
หากยิงกระสุนไปทางตะวันตกจะมีแรงเหวี่ยงน้อยกว่ากระสุนที่ยิงไปทางตะวันออก เนื่องจากโลกหมุนจากทิศตะวันตกไปทางตะวันออก หรือที่เรียกว่าปฏิกิริยาเอิทเวิส (Eötvös effect)
แม้ว่าจะแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย แต่มือสไนเปอร์ที่เชี่ยวชาญจะต้องนำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ไปคำนวณด้วย ไม่เช่นนั้นก็อาจจะพลาดเป้าได้ง่ายๆ
นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงการหมุนของกระสุน กระสุนมักจะทำมุมเชิดขึ้นเล็กน้อยหลังพุ่งออกจากลำกล้องปืน ขณะที่การต้านทานแรงลมทำให้กระสุนเบนไปทางขวาหากเคลื่อนที่ในระยะไกล
เครก แฮร์ริสัน นายสิบเอกของกองทัพบกอังกฤษที่ไปรบที่อัฟกานิสถานคือเจ้าของสถิติมือสไนเปอร์ที่ยิงสังหารศัตรูในระยะไกลที่สุดในโลก และเขายังเป็นพลซุ่มยิงเพียงคนเดียวที่ยอมบอกเล่าประสบการณ์การยิงสังหารที่จังหวัดเฮลมานด์ของอัฟกานิสถานของตัวเอง
เมื่อปี 2009 หน่วยลาดตระเวนของแฮร์ริสันกับกลุ่มนักรบตอลีบันสาดกระสุนใส่กันกว่า 3 ชั่วโมง โดยเพื่อนๆ ของเขาติดอยู่ในหุบเขาและถูกปืนกลของกลุ่มตอลีบันกระหน่ำยิงใส่อย่างหนัก แต่เป้าหมายอยู่นอกเหนือพิสัยการยิงของปืนไรเฟิลประจำตัวของเขา
สภาพอากาศในวันนั้นเหมาะเหม็งสำหรับการยิงระยะไกลมาก ไม่มีลม อากาศดี ทัศนวิสัยชัดเจน หากแฮร์ริสันไม่ลงมือทำอะไร เพื่อนร่วมทีม 8 นายเสี่ยงจะบาดเจ็บหรืออาจถูกตอลีบันสอย ดังนั้นเขาจึงลองเสี่ยงดู
หลังจากคำนวณปัจจัยต่างๆ แล้ว แฮร์ริสันจึงเล็งไรเฟิลซุ่มยิง L115A3 แล้วเปิดฉากยิง ทว่า 6 วินาทีต่อมาก็พบว่าพลาดเป้า กระสุนนัดแรกไม่ถูกศัตรู นักรบตอลีบันได้ยินเสียงกระสุนแหวกอากาศเริ่มตื่นตัวและมองหาต้นตอของกระสุนนัดนั้นทันที แต่ในระยะไกลขนาดนั้นจะยากจะสังเกตเห็นแฮร์ริสันแม้ว่าเขาจะยืนขึ้นก็ตาม
หลังคำนวณใหม่แฮร์ริสันยิงกระสุนนัดที่สอง รอไม่กี่วินาทีก็เห็นนักรบตอลีบันคนหนึ่งล้มลงกับพื้น จากนั้นเขายิงต่ออีก 2 นัดและนักรบอีกคนหนึ่งก็ล้มลง ในที่สุดหน่วยของแฮร์ริสันก็ปลอดภัย
ต่อมาเฮลิคอปเตอร์อาปาเชพร้อมกับเครื่องคำนวณระยะก็ถูกส่งขึ้นสู่น่านฟ้าเหนือจุดที่แฮร์ริสันยิงเพื่อคำนวณระยะทางจากตัวเขาถึงเป้าหมาย ซึ่งวัดระยะได้ 8,120 ฟุต หรือ 2,475 เมตร ไกลที่สุดเท่าที่เคยมีการยืนยันในขณะนั้น
สถิตินี้เป็นของแฮร์ริสันจนกระทั่งถึงปี 2017 เมื่อพลซุ่มยิงชาวแคนาดาจาก Joint Task Force 2 ลั่นไกสังหารนักรบกลุ่ม ISIS ในอิรักที่ระยะ 11,319 ฟุต หรือ 3,450 เมตร ด้วยปืนไรเฟิลแม็คมิลลาน TAC-50 เมื่อเดือนพฤษภ่คม 2017 โดยกระสุนใช้เวลาเดินทางเพียงไม่ถึง 10 วินาทีก็ถึงเป้าหมาย
แหล่งข่าวทางทหารเผยในขณะนั้นว่า การสังหารครั้งนี้ได้รับการยืนยันจากวิดีโอและอุปกรณ์อื่นๆ ที่เก็บรวบรวมข้อมูลว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง “มันคือสิถิติโลกที่อาจจะไม่มีใครโค่นลง”
นอกจากนั้นก็ไม่มีรายละเอียดอื่นเพิ่มเติมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เนื่องจากทางการแคนาดาปฏิเสธการเผยข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งและตัวตนของมือแม่นปืนรายนี้ เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัยของมือสไนเปอร์
อย่างไรก็ดี เว็บไซต์ข่าวทางการทหาร SOFREP อ้างว่าเหตุการณ์สังหารนี้เกิดขึ้นที่เมืองโมซุล และกระสุนที่ใช้เป็นกระสุนเจาะเกราะเพลิง .50 calibre โดยมีโดรนพรีเดเตอร์ที่บินอยู่ในตำแหน่งเหนือศีรษะบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้
เมื่อเร็วๆ นี้ ยูเครนอ้างว่ามือสไนเปอร์ของตัวเองขยับขึ้นแท่นมือสังหารที่ยิงจากระยะไกลมากที่สุดในโลกเป็นอันดับ 2 ที่ 8,891 ฟุต หรือ 2,710 เมตร หรือไกลกว่าการนำตึกบุรจญ์เคาะลีฟะฮ์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในโลกมาเรียงต่อกัน 3 ตึก
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังห่างไกลจากสถิติโลกในขณะนี้ซึ่งป็นของมือสไนเปอร์ชาวแคนาดาที่ทำระยะไว้ 11,319 ฟุต หรือ 3,450 เมตร
ด้วยหลายสิ่งหลายอย่าง ขณะนี้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนสำคัญ มือสไนเปอร์ใช้ทั้งเครื่องวัดลม เลเซอร์คำนวณระยะ และกล้องสุดล้ำเพื่อให้ลงมือสังหารได้อย่างแม่นยำ และแม้ว่าในโลกที่กองทัพที่น่ากลัวที่สุดเลือกใช้เครื่องควบคุมวิดีโอเกมเพื่อปลิดชีพเป้าหมายบนหน้าจอ แต่ทักษะของนักแม่นปืนก็ยังขึ้นอยู่กับคน 1 คน ไรเฟิล 1 กระบอก และกระสุน 1 นัด
ทักษะเหล่านี้เกิดจากวิทยาศาสตร์ที่แม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการคำนวณทุกๆ อย่างไล่ตั้งแต่อุณหภูมิ ความชื้น หรือแม้แต่ความโค้งและการหมุนของโลก เพื่อหาเป้าหมาย
อุณหภูมิต่ำและที่สูงทำให้อากาศเบาบาง ส่งผลให้มีแรงดึงกระสุนน้อย กระสุนลาดต่ำน้อย หากความชื้นต่ำก็จะทำให้อากาศหนาแน่นซึ่งจะดึงให้กระสุนตกลงเร็วขึ้น
และเพราะว่าโลกยังคงหมุนต่อหลังจากที่กระสุนออกจากปืนแล้ว การยิงระยะไกลจึงจำเป็นต้องคำนวณความแตกต่างระหว่างการเคลื่อนที่ของโลกและเป้าหมายซึ่งเรียกว่า ปฏิกิริยาคอริออลิส (Coriolis Effect)
ที่ระยะราว 1,000 ฟุต หรือ 304.8 เมตร เราจะสังเกตเห็นความแตกต่างเล็กน้อยระหว่างการยิงขึ้นอยู่กับว่ายิงไปในทิศทางใด โดยเมื่อยิงจากซีกโลกทางเหนือไปทางเหนือหรือใต้ กระสุนจะไปตกด้านขวาของเป้าหมาย หากยิงจากซีกโลกทางใต้ กระสุนจะตกด้านซ้ายของเป้าหมายเมื่อยิงไปทางเหนือหรือใต้
หากยิงกระสุนไปทางตะวันตกจะมีแรงเหวี่ยงน้อยกว่ากระสุนที่ยิงไปทางตะวันออก เนื่องจากโลกหมุนจากทิศตะวันตกไปทางตะวันออก หรือที่เรียกว่าปฏิกิริยาเอิทเวิส (Eötvös effect)
แม้ว่าจะแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย แต่มือสไนเปอร์ที่เชี่ยวชาญจะต้องนำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ไปคำนวณด้วย ไม่เช่นนั้นก็อาจจะพลาดเป้าได้ง่ายๆ
นอกจากนี้ ยังต้องคำนึงถึงการหมุนของกระสุน กระสุนมักจะทำมุมเชิดขึ้นเล็กน้อยหลังพุ่งออกจากลำกล้องปืน ขณะที่การต้านทานแรงลมทำให้กระสุนเบนไปทางขวาหากเคลื่อนที่ในระยะไกล
เครก แฮร์ริสัน นายสิบเอกของกองทัพบกอังกฤษที่ไปรบที่อัฟกานิสถานคือเจ้าของสถิติมือสไนเปอร์ที่ยิงสังหารศัตรูในระยะไกลที่สุดในโลก และเขายังเป็นพลซุ่มยิงเพียงคนเดียวที่ยอมบอกเล่าประสบการณ์การยิงสังหารที่จังหวัดเฮลมานด์ของอัฟกานิสถานของตัวเอง
เมื่อปี 2009 หน่วยลาดตระเวนของแฮร์ริสันกับกลุ่มนักรบตอลีบันสาดกระสุนใส่กันกว่า 3 ชั่วโมง โดยเพื่อนๆ ของเขาติดอยู่ในหุบเขาและถูกปืนกลของกลุ่มตอลีบันกระหน่ำยิงใส่อย่างหนัก แต่เป้าหมายอยู่นอกเหนือพิสัยการยิงของปืนไรเฟิลประจำตัวของเขา
สภาพอากาศในวันนั้นเหมาะเหม็งสำหรับการยิงระยะไกลมาก ไม่มีลม อากาศดี ทัศนวิสัยชัดเจน หากแฮร์ริสันไม่ลงมือทำอะไร เพื่อนร่วมทีม 8 นายเสี่ยงจะบาดเจ็บหรืออาจถูกตอลีบันสอย ดังนั้นเขาจึงลองเสี่ยงดู
หลังจากคำนวณปัจจัยต่างๆ แล้ว แฮร์ริสันจึงเล็งไรเฟิลซุ่มยิง L115A3 แล้วเปิดฉากยิง ทว่า 6 วินาทีต่อมาก็พบว่าพลาดเป้า กระสุนนัดแรกไม่ถูกศัตรู นักรบตอลีบันได้ยินเสียงกระสุนแหวกอากาศเริ่มตื่นตัวและมองหาต้นตอของกระสุนนัดนั้นทันที แต่ในระยะไกลขนาดนั้นจะยากจะสังเกตเห็นแฮร์ริสันแม้ว่าเขาจะยืนขึ้นก็ตาม
หลังคำนวณใหม่แฮร์ริสันยิงกระสุนนัดที่สอง รอไม่กี่วินาทีก็เห็นนักรบตอลีบันคนหนึ่งล้มลงกับพื้น จากนั้นเขายิงต่ออีก 2 นัดและนักรบอีกคนหนึ่งก็ล้มลง ในที่สุดหน่วยของแฮร์ริสันก็ปลอดภัย
ต่อมาเฮลิคอปเตอร์อาปาเชพร้อมกับเครื่องคำนวณระยะก็ถูกส่งขึ้นสู่น่านฟ้าเหนือจุดที่แฮร์ริสันยิงเพื่อคำนวณระยะทางจากตัวเขาถึงเป้าหมาย ซึ่งวัดระยะได้ 8,120 ฟุต หรือ 2,475 เมตร ไกลที่สุดเท่าที่เคยมีการยืนยันในขณะนั้น
สถิตินี้เป็นของแฮร์ริสันจนกระทั่งถึงปี 2017 เมื่อพลซุ่มยิงชาวแคนาดาจาก Joint Task Force 2 ลั่นไกสังหารนักรบกลุ่ม ISIS ในอิรักที่ระยะ 11,319 ฟุต หรือ 3,450 เมตร ด้วยปืนไรเฟิลแม็คมิลลาน TAC-50 เมื่อเดือนพฤษภ่คม 2017 โดยกระสุนใช้เวลาเดินทางเพียงไม่ถึง 10 วินาทีก็ถึงเป้าหมาย
แหล่งข่าวทางทหารเผยในขณะนั้นว่า การสังหารครั้งนี้ได้รับการยืนยันจากวิดีโอและอุปกรณ์อื่นๆ ที่เก็บรวบรวมข้อมูลว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง “มันคือสิถิติโลกที่อาจจะไม่มีใครโค่นลง”
นอกจากนั้นก็ไม่มีรายละเอียดอื่นเพิ่มเติมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เนื่องจากทางการแคนาดาปฏิเสธการเผยข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งและตัวตนของมือแม่นปืนรายนี้ เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัยของมือสไนเปอร์
อย่างไรก็ดี เว็บไซต์ข่าวทางการทหาร SOFREP อ้างว่าเหตุการณ์สังหารนี้เกิดขึ้นที่เมืองโมซุล และกระสุนที่ใช้เป็นกระสุนเจาะเกราะเพลิง .50 calibre โดยมีโดรนพรีเดเตอร์ที่บินอยู่ในตำแหน่งเหนือศีรษะบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้

ส่วนอีกสถิติหนึ่งเป็นของมืสไนเปอร์ชาวอังกฤษซึ่งสังหารนักรบตอลีบัน 6 คนด้วยกระสุนนัดเดียวหลังจากกระสุนปะทะเข้ากับสวิตช์จุดชนวนระเบิดฆ่าตัวตายที่นักรบตอลีบันคนหนึ่งสวมอยู่
สิบตรีวัย 20 ปีรายนี้ยิงสังหารศัตรูที่เมืองคาคารันทางตอนใต้ของอัฟกานิสถานเทื่อเดือนธันวาคม 2013 โดยกระสุนเคลื่อนที่เป็นระยะทางราว 850 เมตรก่อนจะถึงเป้าหมาย และทหารรายเดียวกันนี้ยังยิงสังหารนักรบตอลีบันรายหนึ่งที่ระยะ 1,340 เมตรด้วย
ขณะที่กรณีของยูเครนไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆ นอกจากระยะยิงว่าอยู่ที่ 8,891 ฟุต หรือ 2,710 เมตร ทำให้การสังหารครั้งนี้ยากต่อการตรวจสอบยืนยัน
อย่างไรก็ดี กองทัพของยูเครนใช้บริการมือสไนเปอร์หลายคน รวมทั้งพลซุ่มยิงชาวแคนาดาที่ใช้ชื่อว่า วาลี และมักจะขึ้นชื่อเรื่องการใช้ปืนไรเฟิล Snipex Alligator ซึ่งเป็นหนึ่งในปืนไรเฟิลที่มีพิสัยไกลและทรงพลังที่สุด
ส่วนไรเฟิลรุ่น Larger ที่มีพิสัยไกลและใช้กระสุนหนักกว่า Barrett .50 calibre มีระยะการยิงที่ราว 6,600 ฟุต หรือ 2,011 เมตร แต่ไม่เกิน 23,000 ฟุต หรือ 7,0101 เมตร ซึ่งหมายความว่าเป็นไปได้ว่าระยะการยิงสังหารของยูเครนจะน้อยกว่า 9,000 ฟุต หรือ 2,743 เมตร
คลิปวิดีโอขณะยิงที่เผยแพร่โดยกองทัพยูเครนเผยให้เห็นชายคนหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในกลุ่มต้นไม้ก่อนจะถูกมือสังหารเล็งไปที่หน้าอก จากนั้นจะเห็นจุดความร้อนพุ่งขึ้นด้านบน ซึ่งบ่งชี้ว่ามีการยิงปืนไรเฟิลแล้ว ก่อนที่เป้าหมายจะล้มลงไปกองที่พื้นใน 3 วินาทีถัดมา
เป้าหมายคนที่ 2 วิ่งมาที่เป้าหมายคนแรกเพื่อพยายามช่วยเพื่อนที่บาดเจ็บ ก่อนที่มือสไนเปอร์จะลั่นไกนัดที่ 2 ก่อนที่ทั้งสองคนจะทรุดลงไปกับพื้น
มีคนตั้งข้อสังเกตว่าเวลาระหว่างที่ปืนถูกยิงกับเวลาที่เป้าหมายล้มลงไปที่พื้นสั้นเกินไปสำหรับการคำนวณระยะการยิง
การยืนยันการสังหารทางทหารถือเป็นงานสุดหินที่ต้องพึ่งพาการรายงานของคนที่ลงมือยิงเอง เนื่องจากความยุ่งยากในการรวบรวมข้อมูลจากแนวหลังของศัตรูในช่วงที่เกิดการปะทะกัน
สิบตรีวัย 20 ปีรายนี้ยิงสังหารศัตรูที่เมืองคาคารันทางตอนใต้ของอัฟกานิสถานเทื่อเดือนธันวาคม 2013 โดยกระสุนเคลื่อนที่เป็นระยะทางราว 850 เมตรก่อนจะถึงเป้าหมาย และทหารรายเดียวกันนี้ยังยิงสังหารนักรบตอลีบันรายหนึ่งที่ระยะ 1,340 เมตรด้วย
ขณะที่กรณีของยูเครนไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆ นอกจากระยะยิงว่าอยู่ที่ 8,891 ฟุต หรือ 2,710 เมตร ทำให้การสังหารครั้งนี้ยากต่อการตรวจสอบยืนยัน
อย่างไรก็ดี กองทัพของยูเครนใช้บริการมือสไนเปอร์หลายคน รวมทั้งพลซุ่มยิงชาวแคนาดาที่ใช้ชื่อว่า วาลี และมักจะขึ้นชื่อเรื่องการใช้ปืนไรเฟิล Snipex Alligator ซึ่งเป็นหนึ่งในปืนไรเฟิลที่มีพิสัยไกลและทรงพลังที่สุด
ส่วนไรเฟิลรุ่น Larger ที่มีพิสัยไกลและใช้กระสุนหนักกว่า Barrett .50 calibre มีระยะการยิงที่ราว 6,600 ฟุต หรือ 2,011 เมตร แต่ไม่เกิน 23,000 ฟุต หรือ 7,0101 เมตร ซึ่งหมายความว่าเป็นไปได้ว่าระยะการยิงสังหารของยูเครนจะน้อยกว่า 9,000 ฟุต หรือ 2,743 เมตร
คลิปวิดีโอขณะยิงที่เผยแพร่โดยกองทัพยูเครนเผยให้เห็นชายคนหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในกลุ่มต้นไม้ก่อนจะถูกมือสังหารเล็งไปที่หน้าอก จากนั้นจะเห็นจุดความร้อนพุ่งขึ้นด้านบน ซึ่งบ่งชี้ว่ามีการยิงปืนไรเฟิลแล้ว ก่อนที่เป้าหมายจะล้มลงไปกองที่พื้นใน 3 วินาทีถัดมา
เป้าหมายคนที่ 2 วิ่งมาที่เป้าหมายคนแรกเพื่อพยายามช่วยเพื่อนที่บาดเจ็บ ก่อนที่มือสไนเปอร์จะลั่นไกนัดที่ 2 ก่อนที่ทั้งสองคนจะทรุดลงไปกับพื้น
มีคนตั้งข้อสังเกตว่าเวลาระหว่างที่ปืนถูกยิงกับเวลาที่เป้าหมายล้มลงไปที่พื้นสั้นเกินไปสำหรับการคำนวณระยะการยิง
การยืนยันการสังหารทางทหารถือเป็นงานสุดหินที่ต้องพึ่งพาการรายงานของคนที่ลงมือยิงเอง เนื่องจากความยุ่งยากในการรวบรวมข้อมูลจากแนวหลังของศัตรูในช่วงที่เกิดการปะทะกัน