เว็บไซต์อัลจาซีราห์ ได้รวบรวมตัวเลขบางส่วนเกี่ยวกับงานแต่งงานอันแสนจะเลิศหรูของ อนันต์ อัมบานิ ลูกชายคนเล็กของ มูเกช อัมบานิ บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของอินเดียกับ รติกา เมอชานต์ แฟนสาวที่คบหากันมานาน ที่ศูนย์ประชุมซึ่งครอบครัวอัมบานิเป็นเจ้าของในนครมุมไบ ระหว่างวันที่ 12-14 ก.ค.
มูเกช ผู้พ่อ ซึ่งเป็นประธานของกลุ่มบริษัทรีไลอันซ์ อินดัสตรีส์ มีสินทรัพย์โดยประมาณการอยู่ที่ 120.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เป็นบุคคลร่ำรวยที่สุดอันดับที่ 11 ของโลกจากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ ซึ่งหากทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง กระแสข่าวลือว่างานแต่งงานครั้งนี้ใช้เงินไปทั้งหมด 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐก็เท่ากับใช้เงินไป 0.5% ของตัวเลขประมาณการความมั่งคั่งของอัมบานี
โดยทั่วไปงานแต่งงานของชาวอินเดียมักจะดูฟุ่มเฟือย แต่เมื่อพิจารณาจากขนาดของงานที่ใหญ่โตและจำนวนผู้เข้าร่วมงานของครอบครัวอัมบานี ทำให้งานแต่งงานของลูกชายคนเล็กของมูเกช บดบังพิธีเฉลิมฉลองของราชวงศ์ในอดีตกาลของอินเดียไปเลย
งานแต่งนี้ยังตอกย้ำปัญหาความเหลื่อมล้ำในอินเดียได้ชัดเจนมากขึ้น เพราะขณะที่คนรวยของอินเดียยิ่งรวยมากขึ้นเรื่อยๆ นั้น ชาวอินเดียส่วนใหญ่ที่รวมถึงชนชั้นกลางที่มักถูกใช้อ้างอิงเป็นตัวอย่างความสำเร็จในการบริหารเศรษฐกิจของประเทศในช่วงไม่กี่ปีมานี้ กลับต้องต้อสู้ดิ้นรนต้อสู้ด้วยความยากลำบากยิ่งขึ้น
รายงานจากอ็อกฟอร์ด อีโคโนมิก ที่เผยแพร่เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาระบุว่า เมื่อเทียบกับจีนที่เศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่อง แล้ว ผู้บริโภคอินเดียยังมีอำนาจด้านการใช้จ่ายต่ำกว่า เนื่องจากชนชั้นกลางมีรายได้ต่ำกว่า
ชนชั้นกลางอินเดียในปัจจุบันมีประมาณ 460 ล้านคนเพิ่มขึ้น 10 เท่าจาก 30 ปีที่ผ่านมา แต่ยังคงมีจำนวนน้อยกว่าประชากรชนชั้นกลางของจีน
ในปี 2022 มีชาวจีนที่เป็นผู้ใหญ่อย่างน้อย 660 ล้านคนมีรายได้มากกว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ขณะที่ชาวอินเดียชนชั้นกลางมีเพียงหนึ่งในสี่ที่มีรายได้เท่านี้
โธมัส พิคเกตตี้ นักเศรษฐศาสตร์ อธิบายเรื่องนี้โดยบอกว่าอินเดียมีความเหลื่อมล้ำในกลุ่มประชากรชนชั้นกลาง
อ็อกฟอร์ด อีโคโนมิก ระบุด้วยว่า ในปี 2022 รายได้โดยเฉลี่ยของชนชั้นกลางในอินเดียน้อยกว่ารายได้เฉลี่ยของชนชั้นกลางในจีนประมาณหนึ่งในสี่แม้ว่าเริ่มต้นบนพื้นฐานเดียวกันในช่วงทศวรรษ 1990
40% ของชนชั้นกลางในจีนมีรายได้ก่อนหักภาษีโดยเฉลี่ยที่ 30,400 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 เทียบกับชนชั้นกลางอินเดียที่ 8,700 ดอลลาร์สหรัฐ
อเล็กซานดรา เฮอร์มานน์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากอ็อกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิก ให้ความเห็นกับอัลจาซีราห์ว่า หนึ่งในเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการเติบโตอย่างรวดเร็วอย่างมีนัยสำคัญของชนชั้นกลางจีนคือ การขยายตัวอย่างรวดเร็วของคนเมืองในจีน
เฮอร์มานน์ บอกด้วยว่า นโยบายของจีนที่กระตุ้นให้เกิดการย้ายถิ่นจากชนบทไปในเขตเมืองประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่อินเดียเผชิญหน้ากับความท้ายหลากหลายรูปแบบทำให้ชาวอินเดียอพยพย้ายถิ่นจากชนบทไปอยู่เขตเมืองได้น้อยกว่า หรือไม่สามารถย้ายถิ่นได้เลย
“ระยะทางที่ไกล ประกอบกับโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งที่จำกัด และความแตกต่างอย่างมากด้านภาษาในแต่ละรัฐทำให้เป็นอุปสรรคต่อการโยกย้ายถิ่นฐานภายในประเทศ” เฮอร์มานน์กล่าว
ส่วนอุปสรรคอื่นก็มี ระบบสวัสดิการสังคมที่ไม่มีรองรับ ทำให้ชาวอินเดียที่ยากจนจำเป็นต้องผูกมัดตัวเองไว้กับเครือข่ายชนชั้นของตนอย่างเหนียวแน่นเพื่อให้ตัวเองได้รับการสนับสนุน
“ช่วงการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 ชนชั้นกลางและชนชั้นกลางค่อนไปทางต่ำของอินเดียมีจำนวนลดลงแม้ว่าเศรษฐกิจของอินเดียจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง” ไมเคิล คูเกลแมน ผู้อำนวยการสถาบันเอเชียใต้จากวิลสัน เซนเตอร์ ให้ความเห็น
คูเกลแมน ยังระบุด้วยว่า ชนชั้นต่างๆ ในอินเดียยังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากปัญหาเงินเฟ้อช่วงไม่นานมานี้ ซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ที่ 5.08% ในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นจาก 4.75% ในเดือนก่อนหน้านี้ และเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับความท้าทายต่างๆ ด้านการจ้างงานส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำรงชีวิตของชนชั้นกลางและชนชั้นกลางค่อนไปทางต่ำในอินเดีย
ส่วนเฮอร์แมนน์ กล่าวเสริมในเรื่องนี้เพิ่มเติมว่า การเติบโตขึ้นของชนชั้นกลางในอินเดียจำเป็นต้องมีการปรับปรุงด้านการกระจายรายได้ ปรับปรุงรายได้โดยรวมหรือปรับปรุงทั้งสองส่วนร่วมกัน

ด้านสื่อชั้นนำของสหรัฐฯ อย่างวอยซ์ ออฟ อเมริกานำเสนอเรื่องนี้ในมุมที่ว่า งานแต่งของลูกชายคนเล็กตระกูลอัมบานียิ่งใหญ่มาก เป็นงานที่รวมคนดังในแวดวงต่างๆ จากทั่วทุกมุมโลกอย่างแท้จริง ทั้งแวดวงธุรกิจ การเมือง วงการบันเทิง และงานแต่งนี้ถูกพูดถึงไม่ใช่แค่ในเมืองใดเมืองหนึ่งเท่านั้น แต่ถูกพูดถึงไปทั่วประเทศ
“ถ้าเทียบกับในอดีต ขนาดของงานแต่งนี้ยิ่งใหญ่อลังการไม่ต่างอะไรกับงานพระราชพิธีของมหาราชาทั้งหลาย แต่ตอนนี้เป็นมหาราชายุคใหม่ที่มีความมั่งคั่งอย่างมาก มีแขกร่วมงานที่เดินทางมาจากทวีปต่างๆ ซึ่งแขกที่มาไม่ได้เรียนรู้แค่สไตล์หรือวัฒนธรรมการแต่งงานของอินเดียเท่านั้น แต่ยังรับรู้ถึงอิทธิพลของตระกูลอัมบานีด้วย” แฮริช บิจอร์ ที่ปรึกษาด้านแบรนด์ ให้ความเห็นกับวีโอเอทางโทรศัพท์
หลังจากประกาศงานแต่งให้สาธารณชนรับรู้ ตำรวจมุมไบก็เริ่มปิดถนนรอบๆ Jio Convention Center ที่ตระกูลอัมบานีเป็นเจ้าของ โดยศูนย์แห่งนี้ถูกใช้เป็นที่จัดพิธีแต่งงานในวันศุกร์ (12ก.ค.) ขณะที่สำนักงานหลายแห่งในย่านศูนย์กลางธุรกิจประกาศให้พนักงานทำงานจากที่บ้านเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัด
ไม่ใช่แค่นี้ งานแต่งของอัมบานียังจุดชนวนทำให้เกิดการถกเถียง และสร้างความคิดเห็นที่แตกต่าง โดยเฉพาะประเด็นที่ว่าเป็นงานแต่งที่โอ้อวดมากเกินไปหรือเปล่า? หรือครอบครัวของอภิมหาเศรษฐีพันล้านรายนี้มีสิทธิใช้จ่ายเงินจัดงานแต่งในประเทศที่ให้ความสำคัญกับการจัดงานประเภทนี้อยู่แล้ว โดยไม่คำนึงถึงประชากรชนชั้นกลางของประเทศที่กำลังต่อสู้ดิ้นรนหรือไม่?
เจฟฟรีส์ บริษัทเพื่อการลงทุนระดับโลกระบุว่า อุตสาหกรรมแต่งงานของอินเดียมีมูลค่า 130,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าสหรัฐเกือบ 2 เท่า
ทำไมตระกูลอัมบานิต้องจัดงานแต่งเล็กๆ ในเมื่อพวกเขามีเงินมากมายมหาศาล เขามีสิทธิใช้จ่ายเงินอย่างมากมายของตัวเองกับงานแต่งงานในอินเดียที่คนทั่วไปก็ทำกัน ผมไม่เห็นด้วยที่ผู้คนพากันวิจารย์พวกเขาหรือจับผิดงานแต่งหรูหรานี้
บินฑุ แซชเธย์ ชาวกรุงนิวเดลีกล่าวกับวีโอเอ
ทรัพย์สินของตระกูลอัมบานีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา และตระกูลนี้ก็มีไลฟ์สไตล์ที่หรูหรามากด้วย โดยที่พักอาศัยในมุมไบของพวกเขาที่ก่อสร้างเมื่อปี 2010 เป็นอพาร์ทเมนท์ส่วนตัวสูง 27 ชั้น มีที่จอดเฮลิคอปเตอร์ได้ 3 ลำ มีโรงหนังส่วนตัว 1 โรงและมีสวนแนวตั้ง 1 สวน
ผู้สังเกตการณ์บางคนกล่าวว่า การจัดงานแต่งแนวโอ้อวดแบบนี้ ทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัดใจในประเทศที่มหาเศรษฐีและมหาเศรษฐีระดับพันล้านมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่องแต่รายได้ต่อหัวประชากรยังคงอยู่ที่ประมาณ 2,700 ดอลลาร์สหรัฐ
โธมัส ไอแซค นักการเมืองฝ่ายค้านของอินเดีย แสดงความเห็นในสื่อสังคมออนไลน์ X ว่า “ในทางกฎหมายก็อาจจะเป็นเงินของเขา แต่การใช้จ่ายอย่างโอ้อวดแบบนี้ เป็นบาปต่อพระแม่ธรณีและเหล่าคนจน”
ส่วน โมฮัมหมัด ฮุสไซนี ช่างเย็บผ้าในมุมไบ กล่าวว่า “เราเห็นอะไรในงานแต่งงาน เราเห็นว่าคนรวยใช้เงินทองไปกับงานแต่งงานยังไง และคนดังๆ ก็เข้ามาร่วมงาน ซึ่งก็ดี แต่ในขณะเดียวกัน ก็ควรมาทบทวนถึงสภาพของคนยากจนด้วย ในขณะที่พวกเขากำลังใช้เงินเป็นล้าน คนจนก็กำลังดิ้นรนหากิน”
ข้อมูลของนิตยสารฟอร์บส์ระบุว่า อินเดียมีมหาเศรษฐีระดับพันล้านจำนวน 200 คนมีมูลค่าความมั่งคั่งอยู่ที่ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เกือบหนึ่งในสี่ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)ปี 2023
“ผมลังเลใจมากที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับการจัดงานแต่งงานหรูหราแบบนี้ ผมอยากให้มหาเศรษฐีพันล้านอินเดียเน้นการช่วยเหลือสังคมและใช้เงินที่มีเพื่อสังคมมากกว่านำมาใช้กับงานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่อลังการแบบนี้ แต่ถ้าแขกผู้ทรงอิทธิพลบางคนและแขกต่างชาติที่ร่ำรวยมางานนี้และตัดสินใจว่าถึงเวลาที่ต้องลงทุนในอินเดีย ผมว่าเป็นอะไรที่หลักแหลมมาก และงานแต่งนี้ก็ทำหน้าที่จนบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว” เกอร์ชารัน ทาส ผู้ประพันธ์หนังสือและอดีตผู้บริหารธุรกิจให้สัมภาษณ์วีโอเอ
Photo by SUJIT JAISWAL / AFP