ดีเอ็นเอโบราณที่สกัดจากร่างของจักรพรรดิจีนสมัยศตวรรษที่ 6 ที่ปกครองจีนในยุคมืดชี้ว่า รูปร่างหน้าตาของจักรพรรดิองค์นี้อาจไม่เหมือนที่เราเคยคิดไว้ ทั้งยังอาจบอกถึงสาเหตุการสิ้นพระชนม์ที่ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ด้วย
จักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ของราชวงศ์โจวเหนือปกครองจีนตั้งแต่ ค.ศ. 560-578 ทรงขึ้นชื่อในเรื่องของการสร้างกองทัพที่แข็งแกร่งและรวบรวมแผ่นดินทางเหนือของจีนซึ่งเป็นของชนเผ่าเซียนเปย (อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ปัจจุบันคือมองโกเลียและตอนเหนือและตะวันอกเฉียงเหนือของจีน) ให้เป็นปึกแผ่นหลังโค่นราชวงศ์ฉีเหนือสำเร็จ
ทีมนักโบราณคดีค้นพบสุสานของฮั่นอู่ตี้เมื่อปี 1996 และที่สร้างความตกตะลึงคือ ร่างอายุกว่า 1,500 ปีของฮั่นอู่ตี้ยังอยู่ในสภาพดี รวมทั้งกะโหลกศีรษะที่เกือบจะสมบูรณ์และกระดูก อีก 30 ปีต่อมาทีมนักวิจัยสกัดตัวอย่างดีเอ็นเอเพื่อนำมาสร้างใบหน้าของฮั่นอู่ตี้เป็นครั้งแรก
การวิเคราะห์ดีเอ็นเอพบว่า ฮั่นอู่ตี้มีตาสีน้ำตาล ผมดำ และผิวสีเข้มจนปานกลาง
เหวินเส้าชิง หนึ่งในผู้เขียนงานวิจัยและผู้ช่วยศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยฟู่ตั้นในเซี่ยงไฮ้เผยว่า “นักวิชาการบางคนบอกว่าคนเผ่าเซียนเปยมีรูปร่างหน้าตาแปลก เช่น หนวดคราหนา ดั้งสูง ผมเหลือง แต่การวิเคราะห์ขงเราแสดงให้เห็นว่าฮั่นอู่ตี้มีรูปร่างหน้าตาไปทางคนเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือทั่วไปในปัจจุบัน”
จักรพรรดิฮั่นอู่ตี้สิ้นพระชนม์ขณะอายุ 36 ปี เช่นเดียวกับลูกชายที่เสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อยโดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด นักโบราณคดีบางคนบอกว่าฮั่นอู่ตี้สิ้นพระชนม์จากอาการประชวร บางคนก็บอกว่าถูกศัตรูวางยาพิษ แต่จากการวิเคราะห์ดีเอ็นเอ (แม้จะสรุปสาเหตุการสิ้นพระชนม์ไม่ได้) ทีมวิจัยพบว่า ฮั่นอู่ตี้มีความเสี่ยงเป็นโรคเส้นโลหิตในสมองแตกซึ่งอาจนำมาสู่การสิ้นพระชนม์
ผลวิเคราะห์ของทีมวิจัยนี้สอดคล้องกับบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่ระบุว่า ฮั่นอู่ตี้สูญเสียความสามารถในการใช้หรือเข้าใจคำพูด เนื่องจากการบาดเจ็บทางสมอง หนังตาตก และมีท่าเดินผิดปกติ ซึ่งเป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นจากโรคหลอดเลือดสมอง

สร้างใบหน้า 3 มิติ
ทีมวิจัยใช้ข้อมูลเกี่ยวกับยีนจากร่างของฮั่นอู่ตี้ รวมทั้งกะโหลกศีรษะ ประกอบกันเพื่อดูว่าฮั่นอู่ตี้น่าจะมีหน้าตาอย่างไร
โทเบียส โฮลตัน อาจารย์ด้านการสร้างภาพทางนิติวิทยาศาสตร์และการระบุใบหน้าของมหาวิทยาลัยดันดีที่ทำงานด้านการสร้างใบหน้าบุคคลในประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการวิจัยชิ้นนี้ระบุว่า “การวิจัยนี้...นำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับจักรพรรดิฮั่นอู่ตี้ ซึ่งภาพใบหน้าที่ออกมาดูเหมือนจริงมาก”
งานวิจัยชิ้นนี้ตีพิมพ์ในวารสาร Current Biology