หากว่ากันในเรื่องสัตว์ครองเมืองแน่นอนว่าปัญหา ‘ลิงลพบุรี' น่าจะเป็นปัญหาที่จัดการยากที่สุดของไทยแล้ว เพราะมันทั้งเกเร แถมยังหลอกจับยากอีกด้วย ทว่าปัญหาเหล่านี้ไม่ได้มีแต่ที่ไทยเสียด้วยสิ หลายประเทศก็เจอทั้งกวาง หมูป่า หรือแม้กระทั่งปูทะเล เหมือนอย่างในเคสอิตาลีที่เจอ ‘ปูม้า’ (Blue crabs) บุกชายฝั่งทะเลจนทางการต้องออกกฎให้พลเมืองจับมากินได้ไม่จำกัด เนื่องจากมันมีมากเกินไปจนทำลายระบบนิเวศชายฝั่ง
เมื่อ ‘ปูม้า’ ในอิตาลีมีมากเกินไปก็จับมาทำอาหารชั้นเลิศแทน!
แน่นอนว่าตอนนี้ปูม้ากลายเป็นวัตถุดิบยอดนิยมในการทำอาหารรสเลิศของอิตาลีไปซะแล้ว โดยเฉพาะในชานเมืองกาตาเนียบนชายฝั่งตะวันออกของเกาะซิซิลี นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นแหล่งขายปูม้าย่างแบบดั้งเดิม อีกทั้งอดีตชาวประมงก็ผันตัวมาเปิดร้านอาหารทะเลชั้นเลิศอีกด้วย
ครอบครัวซาลาโมเนได้ประกอบธุรกิจใหม่ ‘La Fish’ ขายอาหารพื้นเมืองจานพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น ปลากระโทงดาบ ปลาซาร์ดีน และปลาทูน่า รวมถึงปูม้าแอตแลนติกที่กำลังสร้างปัญหาให้กับอิตาลีในเวลานี้ เพราะมันมีเยอะมากจนทำลายระบบนิเวศ ทั้งกินตัวอ่อนหอย ขัดขวางการเก็บเกี่ยวหอยแบบดั้งเดิม และที่สำคัญส่งผลกระทบต่อตำแหน่งของอิตาลีในฐานะหนึ่งในผู้ผลิตหอยชั้นนำของโลก
ดังนั้นชาวอิตาเลียนบางคนจึงนำปูม้าเหล่านี้มารังสรรเป็นเมนูอาหารชั้นยอด
“ผมชอบปูม้า” เชฟมาริโอ คอนทาดิโน แห่งร้าน ‘La Fish’ บอก พร้อมทั้งบรรยายถึงรสชาติที่อร่อยและหวานที่ช่วยเพิ่มความซับซ้อนให้กับทุกเมนู เพื่อดึงดูดคนในท้องถิ่นให้ลองชิมรสชาติของปูเจ้าปัญหาเหล่านี้ ด้วยการเสิร์ฟมันบนข้าวซูชิ พร้อมด้วยหัวหอม พริกหยวก กระเทียม มะเขือเทศ ผักชี และตกแต่งด้วยดอกไม้สีเหลืองสดใสกินได้
ฟรานเซสโก ติราลองโก นักชีววิทยาทางทะเลจากมหาวิทยาลัยกาตาเนียได้บันทึกการเติบโตอย่างรวดเร็วของประชากรปูม้า และอธิบายว่า “อุณหภูมิของน้ำที่สูงขึ้นในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทำให้น่านน้ำซิซิลีกลายเป็นสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรสำหรับสายพันธุ์ปูม้าเหล่านี้ได้อย่างไร...การเปลี่ยนนิสัยมาบริโภคปูม้า ถือเป็นการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความท้าทายทางนิเวศวิทยาในปัจจุบัน”
ปัจจุบันเราสามารถพบปูม้าได้บ่อยในตลาดปลาชื่อดังของกาตาเนีย ยิ่งในวันที่อากาศอบอุ่น ตลาดจะคึกคักเต็มไปด้วยชาวประมง พ่อค้า คนท้องถิ่น และนักท่องเที่ยวที่รวมตัวกันในตรอกแคบๆ
พ่อค้าปลาท้องถิ่น ‘โรซาริโอ’ ซึ่งขายสัตว์ทะเลที่มีเปลือกและขายปูม้ามา 2-3 เดือนแล้ว โดยเริ่มต้นจากการขายปูม้าเพียงไม่กี่กิโลกรัมต่อวัน แต่ปัจจุบันเขาขายปูม้าได้เฉลี่ยประมาณ 20 กิโลกรัมต่อวัน และตอนนี้โรซาริโอก็ขายเฉพาะปูม้าแอตแลนติกเท่านั้น “ผมขายเพราะมีคนชอบ ผู้คนเริ่มรู้จักมันมากขึ้น” โรซาริโอเล่า พร้อมเสริมว่าพวกเขาดูเหมือนจะชอบรสชาติที่ละเอียดอ่อนและนุ่มนวลของมันจริงๆ ลูกค้าส่วนใหญ่ของเขาชอบกินปูม้ากับสปาเก็ตตี้ในซอสมะเขือเทศ ในขณะที่ตัวเขานั้นชอบกินปูต้มมากกว่า
เกาะนี้ต้องการวิธีในการจัดการกับผู้บุกรุก
เนื่องจากจำนวนปูม้าที่เพิ่มขึ้นกำลังสร้างความเจ็บปวดทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงให้กับชาวประมงซิซิลีในท้องถิ่น ซึ่งกำลังเผชิญกับวิกฤติจากจำนวนปลาที่ลดน้อยลง
“ปูกำลังทำลายอวนจับปลาและกินหอยชนิดต่างๆ รวมถึงหอยแมลงภู่...” อัลเบอร์โต ปูลิซซี อธิบดีกรมประมงของรัฐบาลภูมิภาคซิซิลีกล่าว
ขณะที่ ทอมมาโซ ซาลาโมเน เผยว่า
“แรงจูงใจหลักของครอบครัวในการเริ่มต้นร้านอาหารเมื่อไม่กี่เดือนก่อนก็คือ ‘การใช้วิธีการใหม่จัดการกับผู้บุกรุก’ ...ถ้าคุณไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้ก็กินพวกมันซะ เรากำลังทำอาหารเหล่านี้โดยใช้ปูม้าเพื่อแสดงให้ผู้คนเห็นว่าทุกอย่างสามารถกินได้”