แม้ว่าขณะนี้โควิด-19 กำลังระบาดรุนแรงในกลุ่ประชากรจีนกว่า 1,400 ล้านคน แต่จีนซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลกก็ตัดสินใจเปิดพรมแดนในวันที่ 8 ม.ค.นี้ ทำให้บรรดาชาวจีนพากันวางแผนเดินทางไปต่างประเทศหลังจากไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศมากว่า 3 ปี
ซ่งเฉิงเหวิน นักเศรษฐศาสตร์ของ CIMB เผยกับสำนักข่าว Reuters ว่า นักท่องเที่ยวจีนเหล่านี้จะเลือก “ความยุ่งยากที่น้อยที่สุด” และมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางที่ไม่ต้องการการตรวจหาเชื้อ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “ยิ่งสนามบินในภูมิภาคหนาแน่นเท่าไรก็ยิ่งดีกับเศรษฐกิจของประเทศเหล่านั้น”
ออสเตรเลีย อังกฤษ อินเดีย ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ เป็นกลุ่มประเทศที่กำหนดให้แสดงผลการตรวจหาเชื้อเป็นลบจากผู้ที่เดินทางจากจีน ในขณะที่บางประทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่กัมพูชา อินโดนีเซีย ไปจนถึงสิงคโปร์ไม่ได้กำหนดมาตรการดังกล่าว
นอกจากการตรวจน้ำเสียจากเครื่องบินที่บังคับใช้ในมาเลเซียและไทยเพื่อหาเชื้อไวรัสแล้ว ประเทศอาเซียนจะปฏิบัติกับนักท่องเที่ยวที่มาจากจีนเช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ
นายกรัฐมนตรี อันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซียเผยว่า “เราไม่ได้แสดงท่าทีเลือกปฏิบัติต่อประเทศใดๆ”
อันที่จริงความต้องการเดินทางมาเยือนประเทศแถบอาเซียนเพิ่มขึ้นสูงก่อนที่จะมีข่าวออกมาว่าประเทศเหล่านี้ไม่ต้องการผลตรวจโควิด-19 แล้ว ผลการสำรวจโดย ITB China ที่เผยแพร่เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาพบว่า 76% ของตัวแทนบริษัทท่องเที่ยวในจีนจัดอันดับให้ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ เมื่อทางการจีนไฟเขียวให้เดินทางออกนอกประเทศได้แล้ว
ยินดีต้อนรับกลับมา
เศรษฐกิจของหลายประเทศในอาเซียนพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก ซึ่งชาวจีนเคยเป็นกลุ่มผู้มาเยือนสวรรค์บนชายหาด ห้างสรรพสินค้าหรูหรา และคาสิโน ซึ่งล้วนได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการไม่มีนักท่องเที่ยวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ตอนนี้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศเหล่านี้กำลังเตรียมพร้อมต้อนรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนอีกครั้ง
ข้อมูลของธนาคาร Citi ระบุว่า เมื่อปี 2019 ชาวจีนเดินทางไปต่างประเทศ 155 ล้านคน ใช้จ่ายเงินราว 254,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือใกล้เคียงกับจีดีพีของเวียดนาม นักวิจัยของ Citi ยังคาดว่า “การฟื้นตัวอย่างมีความหมาย” ของการท่องเที่ยวจะเริ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2023
ในเวียดนาม เมื่อปี 2019 เกือบหนึ่งในสามของนักท่องเที่ยวต่างชาติขาเข้ากว่า 18 ล้านคนมาจากจีน ขณะที่ประมาณ 1 ใน 5 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศสิงคโปร์เป็นชาวจีนที่ใช้จ่าย 900 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (671 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ปีนี้ไทยคาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางข้าประเทศราว 5 ล้านคน หรือครึ่งหนึ่งของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนของปี 2019 ซึ่งมี 10.99 ล้านคน ส่วนมาเลเซียคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีน 1.5-2 ล้านคนในปีนี้เมื่อเทียบกับ 3 ล้านคนในช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด และสมาคมการท่องเที่ยวและบริษัทนำเที่ยวของมาเลเซียยังเตรียมจัดโรดโชว์ตามเมืองต่างๆ ของจีนเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีน
มองข้ามความกังวลด้านสุขภาพ
เจ้าหน้าที่ได้มองข้ามความกังวลด้านสุขภาพที่ประเทศอื่นๆ กำลังเป็นห่วง อาทิ สหรัฐฯ ที่แสดงความกังวลเรื่องข้อมูลที่ไม่เพียงพอและการติดเชื้อจำนวนมากในจีนอาจก่อให้เกิดโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่
ทางการสิงคโปร์ยืนยันว่าประชาชนมีภูมิคุ้มกันสูง เนื่องจากประชากรราว 40% เคยติดเชื้อมาแล้ว และ 83% ได้รับวัคซีนแล้ว ในขณะที่ทางการก็ได้ยกระดับศักยภาพของระบบสาธารณสุขแล้ว
แคเรน เกนพิน ศาสตราจารย์ด้านสาธารณสุขจากมหาวิทยาลัยฮ่องกงเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว โดยกล่าวว่า “ทุกๆ วัน หลายประเทศนำเข้าผู้ติดโควิด-19 หลายพันคนจากทั่วโลก”
ไอดา บากัส อากุง ปาร์ตา ประธานบอร์ดการท่องเที่ยวบาหลีเผยว่า บาหลีจะเพิ่มการป้องกันโดยบรรดาคนงานจะฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มที่ 2 (วัคซีนเข็มที่ 4) ในเดือนนี้
ด้านนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน ของกัมพูชาซึ่งเป็นพันธมิตรของจีนเรียกมาตรการตรวจหาเชื้อของประเทศอื่นว่าเป็น “โฆษณาชวนเชื่อ” ที่ถูกออกแบบมาเพื่อ “ทำให้ผู้คนหวดกลัว”
“ไม่ว่าประเทศอื่นจะต้องการทำอะไรมันก็เป็นสิทธิของพวกเขา” ฮุน เซน กล่าว “แต่สำหรับกัมมพูชา มันคือการเชิญชวนไปยังชาวจีนว่า นักท่องเที่ยวจีน เชิญมากัมพูชาได้เลย”