แอสตร้าเซนเนก้าถอนวัคซีนโควิดทั่วโลก หลังยอมรับทำให้เกิดลิ่มเลือด

8 พ.ค. 2567 - 06:15

  • วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าพัฒนาโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ไม่สามารถใช้ในสหภาพยุโรปได้อีกต่อไป หลังจากที่บริษัทถอน ‘การอนุญาตทางการตลาด’ ของตัวเองโดยสมัครใจ ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันจันทร์ (7 พ.ค.)

  • บริษัทยอมรับว่า ‘วัคซีนอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่หายากและเป็นอันตรายได้’

  • ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา วัคซีนดังกล่าวถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดเพื่อหาผลข้างเคียงที่หายากมาก ซึ่งทำให้เกิดลิ่มเลือดและเกล็ดเลือดต่ำ

astrazeneca-removes-covid-vaccine-worldwide-after-rare-dangerous-side-effect-SPACEBAR-Hero.jpg

บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) กำลังยกเลิกวัคซีนป้องกันโควิดทั่วโลก เพียงไม่กี่เดือนหลังจากที่ยักษ์ใหญ่ด้านเภสัชภัณฑ์ยอมรับว่า ‘วัคซีนอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่หายากและเป็นอันตรายได้’ 

วัคซีนดังกล่าวพัฒนาโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ไม่สามารถใช้ในสหภาพยุโรปได้อีกต่อไป หลังจากที่บริษัทถอน ‘ใบอนุญาตทางการตลาด’ ของตัวเองโดยสมัครใจ ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันจันทร์ (7 พ.ค.) 

การยื่นคำร้องที่คล้ายกันเพื่อเพิกถอนวัคซีนจะดำเนินการในประเทศอื่นๆ ที่เคยอนุมัติวัคซีนดังกล่าวก่อนหน้านี้ รวมถึงสหราชอาณาจักรด้วย ขณะที่หน่วยงานบริหารสินค้ารักษาโรค (Therapeutic Goods Authority) ของออสเตรเลียยุติการใช้วัคซีนไปเมื่อเดือนเมษายน 2023 

ครั้งหนึ่งวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเคยได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘ชัยชนะของวิทยาศาสตร์อังกฤษ’ กลับถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เพื่อหาผลข้างเคียงที่หายากมาก ซึ่งทำให้เกิดลิ่มเลือดและเกล็ดเลือดต่ำ 

แอสตร้าเซเนก้ายอมรับเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่า “ในกรณีที่หายากมาก วัคซีนสามารถทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันด้วยภาวะเกล็ดเลือดต่ำ ซึ่งเชื่อมโยงกับการเสียชีวิตมากกว่า 80 รายในสหราชอาณาจักร รวมถึงการบาดเจ็บสาหัสอีกหลายร้อยราย ขณะนี้เหยื่อและญาติของพวกเขามากกว่า 50 รายกำลังฟ้องร้องบริษัทในศาลสูง 

อย่างไรก็ตาม แอสตร้าเซนเนก้าปฏิเสธว่าการตัดสินใจถอนวัคซีนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับคดีในศาล โดยยืนยันว่าวัคซีนจะถูกถอดออกจากตลาดด้วยเหตุผลทางการค้า 

บริษัทระบุในเอกสารของศาลว่า จะไม่มีการผลิตหรือจัดหาวัคซีนอีกต่อไป เนื่องจากถูกแทนที่ด้วยวัคซีนที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อจัดการกับสายพันธุ์ใหม่ๆ 

ตามการประมาณการโดยหน่วยงานอิสระพบว่า “วัคซีนดังกล่าวสามารถช่วยชีวิตผู้คนได้มากกว่า 6.5 ล้านคนในปีแรกของการฉีดแค่แอสตร้าเซนเนก้าเพียงอย่างเดียว และมีการแจกจ่ายวัคซีนมากกว่า 3 พันล้านโดสทั่วโลก”

“ความพยายามของเราได้รับการยอมรับจากรัฐบาลทั่วโลก และได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญในการยุติการระบาดใหญ่ทั่วโลก เนื่องจากมีการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 หลายรูปแบบ จึงมีวัคซีนปรับปรุงใหม่เหลืออยู่จำนวนมาก สิ่งนี้ส่งผลให้ความต้องการวัคซีนป้องกันโควิด (Vaxzevria) ลดลง ซึ่งไม่ได้ผลิตหรือจัดหาอีกต่อไป ดังนั้น แอสตร้าเซนเนก้าจึงได้ตัดสินใจที่จะเพิกถอนการอนุญาตทางการตลาดสำหรับวัคซีนโควิดในยุโรป”

แถลงการณ์ระบุ

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์